update ผู้หญิงคนเดิม ที่เพิ่มเติมคือสิ่งที่เธอเรียกร้อง (update จะสีน้ำเงินนะ)
อันนี้คือแรกเริ่มจ้าาา...(ถ้าใครอ่านแล้ว เลื่อนข้ามไปอ่านเรื่องราว update ได้เลย)
อ้างอิงจากเรื่องจริง...
ขออภัยถ้ายาวไปและอาจจะทำให้งง ในการเรียบเรียง...
ก่อนเล่าเรื่องเพื่อขอความคิดเห็นหรือข้อสรุปของเรื่อง
ขอเล่าถึงตัวละครก่อนนะครับ
ครอบครัว ช ประกอบด้วย ช และ แม่
ครอบครัว ญ ประกอบด้วย ญ น้องชาย และ พ่อ
ซึ่งทั้งสองครอบครัวนี้ ช+ญ เป็นแฟนกัน
ฝ่าย ญ ชวนฝ่ายชายไปเที่ยวบ้าน ในช่วงวันหยุดสงกรานต์
หลังจากฝ่าย ช เคยปฏิเสธไปรอบนึง ช่วงปีใหม่ ด้วยเหตุเรื่องการเงิน ซึ่ง พอไม่ไป ณ ตอนนั้น ญ ก็งอน ก็นอยด์ ช สักพัก
แต่พอถูกชวนครั้งนี้ แถมยังบอกประมาณว่า ถ้าจะคบกันหรือแต่งงานกัน ไปหาบ้านแฟน เพียงครั้งเดียวไม่พอหรอกนะ ฝ่าย ช
ก็เลยตอบตกลง ชวน แม่ ไปเที่ยวบ้านสงกรานต์ที่บ้านฝ่าย ญ ( แม้ก่อนไปก็ได้บอกแล้วว่า สภาพการเงินไม่โอเท่าไหร่นะ
ฝ่าย ญ ก็บอกว่า ไม่เป็นไร กดมาสัก 500 ก็ได้)
ฝ่าย ช จึงกด 500 และแม่ของฝ่าย ช ก็กดเพิ่มกันเหนียว อีก 500 บาท
พอไปถึงบ้าน ญ
ก็ชักชวนกันไปซื้อกับข้าว เพื่อมาทำบุญในช่วงสงการนต์
พอตอนเลือกๆๆ สินค้า ก็ยังดีๆ (อารมณ์) และมีเล่นมุสนุกสนานตามปกติ
แต่พอดูๆราคา ยอดราวๆ จะ 2700 ก่าๆ
ซึ่งฝ่าย ช ก็บอกว่า เงินสมทบหรือแชร์ค่ากับข้าว ไม่พอนะ แต่ก็ช่วยสมทบไป 1000 (เงินของ ช รวมกับ แม่ฝ่าย ช)
คือสรุป ณ ตอนนี้ ฝ่าย ช ไม่มีงบใช้จ่ายในวันอื่นๆละ
ก็เกิดประโยคเหน็บแหนม จาก ญ ว่า
" แหมๆ ทีซื้อของเข้าร้าน( หมายถึงเอามาขายน่ะ) ทีละ 2000-3000 ยังซื้อกันได้เลย พอช่วยจ่ายค่ากับข้าวแค่นี้
ช่วยแค่ 1000 ??? เองหรอ
ซึ่งความรู้สึกจากคำพูดนี้ ฝ่าย ช ไม่ได้คิดไรมาก เพราะมองว่า อาจจะพูดเล่น แต่มันสะกิดทำให้แม่ฝ่าย ช ถึงขนาดเก็บไป
คิดมาก (โดยไม่รู้ว่าจริงหรือเท็จหรือมุข) แต่ก็ไม่ได้เอ่ยปากหรือโวยวายแต้อย่างใด // การซื้อของรอบนั้นก็กลายเป็นฝ่าย
ญ ออกเองทั้งหมด
ส่วนวันอื่นๆ ทีนอกเหนือจากการทำบุญ ฝ่าย ญ ก็ให้ น้องชายขับรถยนต์พาไปเที่ยวที่ต่างๆ โดยฝ่าย ช ขอถ่ายรูปคู่ด้วย
แต่ก็โดนปฏิเสธ พร้อมให้ เหตุผลว่าที่ที่นีั้เคยมามาแล้ว เคยถ่ายรูปแล้ว ไรแบบนี้
(ซึ่งตลอดการเดินทาง ในแต่ละวัน ค่าอาหารแต่ละมื้อ ค่าน้ำมัน ก็จะออกค่าใช้จ่าย โดย ฝ่าย ญ )
จึงทำให้ ช ถ่ายรูปกับ แม่ ซะส่วนใหญ่ ...ก็เลยทำให้ ช ไม่พอใจ ทั้งที่ก่อนมาฯ ก็ตกลงว่าถ่ายได้ๆๆแต่พอไม่ถ่าย ฝ่าย ช ก็เลยงอนและนอยด์บ้าง
จนถึงขั้นฉุนเฉียว และ จะขอกลับบ้านเลย ณ เด๋วนั้น เลยเอาแม่ฝ่าย ช ก็งงๆเหมือนกัน
แต่ก็ยอมจัดข้าวของใส่กระเป๋าเพื่อเตรียมกลับ แต่ด้วยเวลา ณ ตอนนั้นทำให้ รถประจำทาง หมดแล้ว จึงทำให้เหมือน ญ และน้องชายตัวเอง ขับรถ
มาส่งครอบครัวฝ่าย ช ไปๆมาๆ เพราะพอไปแล้วไม่มีรถกลับ ก็ต้องพาไปนอนที่บ้าน ฝ่าย ญ อีกรอบ
รวมทั้งก่อนไป ก็ได้แวะกดเงิน เพื่อให้ฝ่ายหญิง โดย ตอนแรกก็บอกว่า เพื่อสมทบค่าใช้จ่ายช่วงที่มาอยู่บ้าน ญ (ประมาณว่า
ช่วยสมทบค่าน้ำ ค่าไฟ ค่าน้ำมัน ค่ารถยนต์ ที่ฝ่ายหญิง พาไปเที่ยวนู้นนี่นั่น)
ซึ่งคราวนี้ พอกลับมาถึงบ้าน ฝ่าย ญ ก็จะโดน พ่อของฝ่าย ญ ตัดพ้อว่า นึกจะไปก็ไป ก็บอกแล้วว่าเที่ยวรถมันหมดแล้ว ยังจะ
ฝืนไปอีก ไว้กลับพร้อม
ลูกตัวเอง วันรุ่งขึ้นก็ไม่ได้หรือไง...แล้วอย่างนี้หรอ ที่จะฝากชีวิตหรืออยู่ด้วยกันตลอดชีวิต ถามใครว่าเพราะอะไร ถึงรีบกลับ
ปุ๊ปปั๊ป ก็ไม่มีใครบอกเลย ...ฯลฯ
ณ คืนนั้น ฝ่าย ช และแม่ ก็เลยโดยการ นอนกับพื้น(แผ่นกระดาน) เปล่าๆ ไม่มีเสื่อ ไม่มีหมอน ไม่มีผ้าห้ม ไม่มีพัดลม รวมทั้ง ไม่ยอมทานมื้อเย็น
โดย ทั้งน้องชายและ ญ ถามว่าทำไมต้องทำแบบนี้
ฝ่าย ช เลยให้เหตุผลว่า ไม่อยากให้เป็นภาระมากขึ้นกว่าเดิม
=====================
ก็เกิดทะเลาะกันค่อนข้างใหญ่โต
ระหว่าง แม่ ฝ่าย ช และ น้องชาย และ ญ
ญ : ทำไมต้องเอาเงินมาให้ด้วย บอกแล้วว่าไม่ต้องๆๆ
ช : เอาเหอะ จะได้ไม่ต้องอึดอัดกว่านี้
น้องชาย : อึกอัดไรหรอคับ
แม่ : ก็จะได้ไมต้องโดนดูถูกอีกไง พอไม่ช่วยออกไร ก็ทำสีหน้าไม่พอใจอย่างชัดเจน อย่างตอนซื้อกับข้าวมาทำ พอบอกว่า มีงบช่วยแค่ 1000
ก็ไม่ฟัง หลังจากซื้อเสร็จ ท่าที ญ ก็เปลี่ยนไป
น้องชาย : (เหมือนไม่เชือ่) จะพูดว่า แม่ ฝ่าย ญ พูดเองเออเองหรือ ตอ.... ก็ตอบไปว่า ผมรู้นิสัยพี่สาวผมดี ไม่พูดแบบนั้นแน่ๆ
จิงไหม พี่
ญ : หนูพูดแบบนั้นจริงๆหรอค่ะ ???
แม่ : อ้าว เราพูดเองแท้ๆ จำไม่ได้หรอ
ญ : ทำไม แม่คิดไปได้ไกลแบบนี้ละ ....หนูว่าหนูไม่ได้พูด
น้องชาย : พี่ ช พี่เชื่อใคร
ช : พี่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ พี่ขอไม่ตอบ
น้องชาย : ก็บอกว่า เชื่อแม่ เข้าข้างแม่ก็หมดเรื่องแล้วว่ะ
(ซึ่งตลอดการทะเลาะ ช พยายามยุติ หรือให้หยุดๆๆ แต่ ทั้ง น้องชายและ ญ บอกว่า ขอฟังเหตุผลจากแม่ก่อน เพราะจะหมายหัวหรือคอยจะเข้าใจ
ว่า ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเรื่องขอกลับบ้านปุ๊ปปั๊ปหรือเรื่องจ่ายเงินสมทบให้ หรือเรื่องนอนแบบไม่มีผ้าปู เสื่อและอื่นๆที่กล่าวมา
แม่เป็นคนบอก ช ให้ทำทั้งหมด)
น้องชาย : คิดว่าจะเอาเงินมาฟาดหัวพวกเราหรือคับ อย่าคิดว่าเงินจะตัดสินทุกอย่างนะ บางทีเงินก็ไมจำเป็นสำหรับทุกสิ่ง
งั้นผมขอถามหน่อยสิ ว่าทำไมต้องกลับปุ๊ปปั๊ป
ช : ก็ตอบเลี่ยงๆไปว่า อยากกลับไวขึ้นก็แค่นั้น แต่ไม่ได้อธิบายเหตุผลว่า ไปบ้านแฟน ไม่อยากเป็นฝ่ายรับอย่างเดียว อันไหนพอช่วยได้ก็จะช่วย
หลังจากค่าน้ำมัน ค่าอาหารการกินก็แทบไม่ได้ออก ....ก็นึกๆ เหมือนกัน ว่าทำไมไม่บอกเหตุผลนี้ไปนะ
(หลังจากนั้น ก็ทะเลาะกันยกใหญ่ สักระยะ)
จนท้ายที่สุด น้องชาย ฝ่าย ญ เหลืออด ทำท่าทีเหมือนจะ ทำร้ายหรือใช้กำลัง ทำร้ายแม่ฝ่าย ช แต่ ญ ห้ามไว้ก่อน เป็นอันยุติการทะเลาะ
พอตลอดการนอน
ฝ่าย ญ พอพยายาม เอาข้าวใส่จานมาให้ทาน บ้าง หาเสื่อ หาพัดลมมาติดตั้งให้บ้าง แต่ ฝ่าย ช ก็ปฏิเสธแล้วเอาออกไปจากห้อง โดยให้เหตุผลว่า
ไม่อยากเป็นภาระเพิ่มขึ้น แม้ ญ จะบอกว่า ขอเชิญ ช มาเคลียร์ข้างนอกโดยที่ไม่มีแม่อยู่ได้ไหม
ช : เคลียร์ตั้งแต่เมื่อกี้หมดละ
ญ : อืม ถ้าเชื่อแม่ ฟังแม่ ก็ไปอยู่กับแม่เลยละกัน เพราะถ้าอยู่กับเขา ก็ต้องฟังเขาคนเดียว ?? (เพราะภูมิหลังของบ้านนี้ จุดสิ่งอย่าง ทั้งพ่อและน้อง
ชายจะขึ้นอยู่กับ ญ คนเดียว ไม่ว่าจะเรื่องไรในบ้าน)
จนตลอดการนอน....ฝ่าย ช กับแม่ ก็นอนแบบร้อนๆ พื้นแข็งๆ และท้ายที่สุดก็นอนไม่หลับ
จนเช้ามืด
ฝ่ายช และ แม่ก็รีบออกเดินทางไปแต่เช้ามืด ก็ไปร่ำลา พ่อของฝ่าย ญ ที่ ณ ตอนนั้นกำลังเตรียมหุงข้าวให้ทานก่อนเดินทางกลับ ก็งงๆเหมือนกัน ที่
เดินทางไปแบบรีบร้อนอีก แต่ก็ได้บอกกล่าวแค่ว่า เด๋วให้ ลูกชายตัวเองไปส่ง แต่ ทั้ง ช และ แม่ บอกว่าไม่เป้นไร
ก็รีบเดินๆๆๆออกไปทางฝั่ง น้องชาย ญ ก็รีบร้อนเอารถยนต์ไปรับเพื่อจะไปส่งที่รอรถ ซึ่งระยะทางระหว่างบ้าน ญ กับที่จอด ไกลประมาณ 30 กิโลเมตรได้
แต่ก็ถูก แม่และ ช ปฏิเสธ พร้อมบอกว่า เกรงใจ ไปพักเหอะ พวกพี่มารบกวนเราหลายวันละ (พูดหลายรอบเหมือนกัน เพราะ น้องชาย ฝ่าย ญ ก็พยายามขี่ตามตื้อ) จนตอนหลัง ก็ย้อนไปรับ ญ มาช่วยพูด แต่ก็ปฏิเสธเหมือนเดิม แต่ทุกครั้งที่ให้ขี่ตาตื้อจะให้เหตุผลว่า " จะให้เขาโดนชาวบ้านว่า
หรือไง ที่ปล่อยให้เดินกลับเองน่ะ ไม่เคยเอ่ยเลยว่า จะเดินเหนื่อยหรืออะไร เพราะแถวบ้านนั้นและแวกนั้น รู้จักครอบครัวนี้เป็นอย่างดี เพราะพ่อของ
ญ เป็นมัคทายกที่วัดๆนึง) จน แม่และ ช เดินไปเรื่อยๆแล้วไปขอร้อง บ้านแถวนั้น ให้ช่วยไปส่ง
แต่ตลอดการส่ง
ทั้งน้องชาย และ ญ ก็ขับรถตามไปเรื่อยๆ ตลอดการเดินทาง
จนพอเห็นว่ามาถึงที่รอรถ ก็จึงขี่รถกลับบ้านไป
แหะๆ กว่าจะเรียบเรียงเล่าจนจบ
*****
...ล่าสุด ทุกวันนี้ยังมีโอกาสพูดคุยกัน แต่เฉพาะเพียงแค่ใน LINE เท่านั้น ยังมีเฟสบ้าง หรือ
ลดลิมิตที่สามารถ(อนุญาต)ให้โทรหา
ช่วงกลับบ้านได้ แต่ฝ่ายชายอาจจะยังไม่คุ้นชิน หลังจากเจอสองมาตรฐานใส่หลังจากเกิดเหตุ..(ช่วงสงกรานต์ปีที่แล้ว) ที่มักจะ
โดนห้ามเสมอๆ ว่าเวลากลับบ้าน ห้ามโทรหา..เพราะทางบ้าน ทั้งพ่อและน้องชายยังไม่รู้ว่าเราแอบคบ แอบคุยกันอยู่ (หลังจาก
ถูกห้ามจากพ่อและน้อง)
พอฝ่ายชายเงียบๆไปก็มักถูกติง หรือทักท้วง...สักพักก็กลับมาคุยกันใหม่ แต่ ส่วนใหญ่จะเป็นฝ่ายหญิงที่เริ่มบทสนทนาก่อน
จนล่าสุด ปีใหม่นี้
...ฝ่ายหญิงนัดแนะฝ่ายชาย ให้ไปที่พักของฝ่าย ญ (ลึกๆ ฝ่ายชายคิดว่าจะให้ไปทำไม )
ช : ไปทำไม
ญ : จะให้มาเอาของ เลิกงานหรือยัง
ช : ยัง ของไร ของกินหรือเปล่า ที่ถามเพราะไม่รู้จะเลิกงานเมื่อไหร่ เผื่อของเสียหรือบูด
( ณ ตอนนั้นฝ่ายชายที่ถาม เพราะลึกๆอยากจะตัด หรืออยากจะไม่ไป)
ญ : ไม่ใช่ของกิน ถ้าจะมาเมื่อไหร่ก็บอก จะได้ออกไปแขวนไว้หน้าห้อง
(สรุปคือ จะไม่ยอมอยู่รอเจอหน้า...นี่เอง ???)
พอสักพักไปเอาของ ตามที่ ญ นัดไว้ แขวนไว้
ปรากฎว่าเป็นของขวัญ 1 กล่อง (หลังจากก่อนไป บอกตามตรงว่าในใจ ช คิดว่าจะเป็นของที่ ช ให้ตลอดระยะเวลาที่คบๆกัน)
ลึกๆก็ลุ้นนะว่าของข้างในคืออะไร แต่ที่มาสะดุดคือการ์ด ที่ทำจากกระดาษในสมุดฉีกทั่วๆไป แล้วเขียนด้วยปากกาว่า
" ถึงแม้ ไม่ได้ให้ในฐานะแฟน แต่ก็อยากจะให้
และขอโทษสำหรับทุกสิ่งๆ ที่ผ่านมา...และขอให้เจอแต่สิ่งดีๆตลอดปี "
เชื่อไหมครับคุณผู้อ่านจากโพสจัง...
ว่า ณ ตอนนั้น ความอยากรู้อยากเห็น อยากทราบว่าของข้างในมันคืออะไร หมดไปทันที ...ก็เลยยังไม่แกะกล่อง
จนนานเข้า ทาง ญ ทักเข้ามาทางสื่อออนไลน์เหมือนเดิมว่า...
แกะกล่องหรือยัง ใส่ได้ไหมเสื้อน่ะ
จึงทำให้รู้เลยว่า ข้างในคือเสื้อ ก็ใส่ในช่วงปีใหม่และถ่ายให้ดู พุดคุย อวยพรตามปกติ โหยยยทำไมไม่ใจแข็งสักทีนะ ช เนี่ย
จนพูดคุยกัน (แม้จะคำพูดสรรพนามแทนตัว จะไม่ใช่แบบเดิม) นานๆเข้า จน ฝ่าย ช ก็อดใจอ่อนและเข้าข้างตัวเองอีกรอบ
ว่าน่าจะเหมือนเดิม ก็ถึงขั้นชวนไปทานมื้อเย็น หรอืไปไหนมาไหนให้เหมือนเดิมก่อนที่จะเกิดเรื่อง
แต่สิ่งที่ได้คำตอบคือ ญ ว่าง แต่ขอเลือกที่จะ อย่าพึ่งเจอกันเลย ขอดูแลกันและกัน ห่างๆแบบนี้ก็พอ
เพราะอยู่ใกล้กันก็อดทะเลาะไมไ่ด้ ??? เปิดช่องว่างให้กันและกันดีกว่า และถ้า ช จะมีคนอื่นต่อจากนี้ หรือ เงียบหายไปเหมือนแต่ก่อน ก็ได้นะ XX (ชื่อ ญ) ไม่ว่า เอิบบบ
จนฝ่ายชายพิมข้อความ(ยาวๆ) ใจความประมาณนี้ อีกรอบ
..... ถ้าคิดว่าการเจอหน้ากันแล้วจะทะเลาะ ขอให้เข้าใจซะใหม่นะ เพราะเรากำลังเข้าใจผิดประเด็นเหมือนตอนก่อน ที่บอกว่า ถ้าคุยเฟสก้อจะทะเลาะ ก็จะมีข้อความยืดยาวๆ จากฝ่าย ช เชิงนอยด์ เชิงงอน ....สู้มาคุยต่อหน้าไม่ได้ // ส่วนการจะว่าอะไรก็ขอให้มองดูตัวเองก่อนนะ ที่บอกว่าคนอื่น "ลูกแหง่" เชื่อแต่แม่ มันก็ซ้ำรอยเดิมที่เราเอามาอ้าง มาบอกพี่ ว่า พ่อไม่ให้คบกันหรือกลัวทางบ้านรู้ว่าเราคบกัน เพราะนั่นก็หมายถึงว่า เราก็เลือก "เชื่อฟัง" พ่อมากกว่าอื่นใด เหมือนกัน จริงไหมครับ ?? เอาเถอะ อย่างที่พี่บอกตอนต้น ว่าถ้ายืนยันหรือคิดว่า "เวลา" จะช่วยเยียวยาบาดแผลทางกายและทางใจได้ทุกสิ่ง พี่เองก็เคารพการตัดสินใจของเรา ของพ่อเรา และไม่เกี่ยวกับว่า ใครดีหรือไม่ดี เพราะคนทุกคน มันไม่ได้จะดี 100%หรือไม่ดี 100% แต่มันขึ้นอยู่กับว่า เราจะมองข้ามผ่าน จุดๆนั้นไปได้ไหมแค่นั้นมากกว่า ถ้าไม่ก็จมอยู่กับอดีตไปตลอด เป็นเงาตามตัวไปแบบนี้ // โปรดอ่านแล้วทำความเข้าใจด้วยสติ ไตร่ตรองดูดีๆ เพราะสิ่งเหล่านี้ ไม่ได้เอ่ยมาเพื่อจะชวนทะเลาะหรือจุดประเด็นกับเรื่องเก่าๆ เพราะอย่างที่เคยบอกแล้ว และจะบอกเป็นครั้งสุดท้ายว่า ทางพี่ ลืมและมองข้ามผ่านจุดๆนั้นไปแล้ว ที่เหลือจ๋าก็เลือกเอานะ ว่าจะจมกับอดีตกับเรื่องราวที่เรานอยด์ๆเมื่อตอนช่วงสงกรานต์ ไม่ว่าจะจากเหตุที่พี่ หรือเหตุที่พี่แม่ หรือเลือกที่จะอยู่กับคำสั่งของพ่อเรา ??
สุดท้ายนี้ พี่ก็ยืนยันว่าจะไม่ดึงดัน ดื้อรั้น หรือ เลือกที่จะ "ดูแลกันห่างๆ"อย่างที่เราบอกไว้ก็แล้วกัน
หลังจากนั้น ญ ก็เงียบไปสักระยะ ก็เข้ามาทักเหมือนเดิม (เง้อ คนแบบนี้ก็มีด้วย)
เหมือนไม่มีไรเกิดขึ้นหรือเหมือนไม่มีข้อความนั้นขึ้นมาอีก
ถึงขั้นโทรถามไถ่ เวลาฝนตก ว่า ช กลับบ้านยัง เชิงเป็นห่วง จิปาถะ...
ล่าสุดๆๆ ...
แม่ฝ่ายชายประสบอุบัติเหตุ ลื่นล้มในห้องน้ำ หัวแตก
ณ ตอนนั้น บอกตรงๆว่า ช เกือบจะทำตัวไรไม่ถูกจริงๆ
แต่ขอข้ามกระบวนการตรวจของหมอ...ไปนะคับคุรผู้อ่าน
แต่ปากหนัก มือหนักของฝ่ายชาย ที่อดพิมบอกรายงาน ญ ไม่ได้ ว่าแม่เกิดไรขึ้น
ก็จะมีข้อความถามไถ่ด้วยความเป็นห่วง(ม้าง)ว่า
เป็นอย่างไรบ้าง เกิดไรขึ้น(ให้เล่า) หรือหมอตรวจเป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นหรือยัง เป็นต้น
จนฝ่ายชาย พิมพ์ข้อความนี้กลับไป
....ถ้าว่างๆ ไม่ติดงาน ติดฝนตก จะมาเยี่ยมเยียนก็ไม่ว่านะ ไม่ถ่ายรุปขึ้นเฟสหรอกคับ (เพราะ ญ เคยบอกว่าไม่อยากให้ถ่ายรูปคู่
ขึ้นเฟสเพราะกลัวคนรู้จักจะไปบอกพ่อ)
และก็สูญเปล่า ไม่มาเยี่ยม
ฝ่ายชายพิมพ์ทักท้วงไปว่า
....ช่างเหอะ เลิกจะคาดหวังให้กลับมาเหมือนเดิมละ ขนาดเจ็บป่วยไข้ ยังเป็นแบบนี้
ไม่เป็นไร มันคงยังไม่ถึงเวลา หรือคง concept ที่ห่วงแค่ไกลๆแบบนี้...ซึ้งใจละ...
และ....
ถ้ามาเยื่ยมมาถามไถ่มันคงไม่รบกวนเวลาเราเข้างานหรือเวลาเราพักซะเท่าไหร่หรอกม้าง แต่ก็ช่างเหอะ ถ้าอยากจะห่วงแค่ในโลกออนไลน์หรือยังละอายที่ไม่พร้อมจะเจอหน้า ปั้นหน้าเข้าหากันก็ตามใจ
แต่พอ ญ อ่าน ก็ไม่มีทีท่าจะสำนึกหรือเข้าใจในสิ่งที่ ช จะสื่อ กลับพิมพ์
โต้ตอบกลับมาว่า
แล้วอาการแม่เป็นไงบ้างค่ะ...แบะๆๆๆ เชิงถามไถ่ (อีกละ)
อะไรกันเนี่ย ญ แบบนี้ก็มีแหะ..
.
เกิดวังวนซ้ำๆแบบนี้ตลอดเลย ....และหวังว่าจะไม่งงๆนะครับ
ปล. ทุกข้อความอ้างอิงจากเรื่องจริงทั้งสิ้น