ปัญหาคนเร่ร่อน, ปัดเป่าด้วยเงินเพียง 730 ล้านบาทต่อปี

การปัดเป่านี้คือการปัดเป่าปัญหาคนเร่ร่อนหรือผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ ไม่ใช่ "กำจัด" หรือไม่เห็นถึงสิทธิมนุษยชนของคนเร่ร่อน ปัญหานี้แก้ไขได้ไม่ยาก อยู่ที่รัฐจะเอาจริงหรือไม่
เมื่อวันศุกร์ที่ 7 เมษายน 2560 ผม (ดร.โสภณ พรโชคชัย) ในฐานะประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) และในนามของประธานกรรมการมูลนิธิอิสรชน (www.issarachon.org) ได้จัดแถลงข่าวเกี่ยวกับการสำรวจจำนวนคนเร่ร่อนในกรุงเทพมหานคร โดยมีนายนที สรวารี เลขาธิการมูลนิธิเป็นประธานคณะทำงานสำรวจและรายงานผล
นายนทีได้รายงานผลสำรวจล่าสุดว่ามีผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะในปี 2559 จำนวน 3,455 คน แยกเป็นชาย 2,112 คน (61%) และหญิง 1,374 คน (39%) ในเขตพระนครมีมากที่สุด 604 คน (17%) รองลงมาคือ เขตบางซื่อ 301 คน (9%) เขตจตุจักร 249 คน (7%) เขตปทุมวัน 218 คน (6%) เขตสัมพันธวงศ์ 203 คน เขตคลองเตย 152 คน (4%) เขตราชเทวี 149 คน (4%) เขตพญาไท 142 คน (6%) เขตบางกะปิ 140 คน (4%) และเขตบางรัก 136 คน (4%)
บุคคลเหล่านี้ยังสามารถแยกแยะเป็น กลุ่มที่เร่ร่อนไปมามี 993 คน (29%) รองลงคือกลุ่มผู้ติดสุรา 858 คน (25%) ผู้นอนหลับชั่วคราว 853 คน (25%) คนเหล่านี้บ้างก็เป็นผู้เพิ่งพ้นโทษ ผู้ป่วยข้างถนน มีทั้งที่เป็นครอบครัว และเป็นบุคคล มีชาวตะวันตกเป็นเป็นคนต่างชาติเร่ร่อนอยู่ 25 คน กลุ่มแรงงานเพื่อนบ้านต่างชาติ 51 คน และยังพบผู้ให้บริการทางเพศอีก 28 คน
คนเร่ร่อนนั้นแตกต่างจากขอทาน ขอทานเป็นอาชีพหนึ่งที่ใช้ความน่ารักน่าสงสารมาทำให้มีผู้ให้เงิน เข้าทำนองการหลอกลวงประชาชน ขอทานจะมีรายได้สูงกว่าค่าแรงขั้นต่ำเสียอีก ค่าเฉลี่ยของรายได้ของขอทานรายหนึ่งเป็นเงินประมาณ 2,000 - 5,000 บาทต่อวัน รายได้ต่ำสุดที่ได้คือ 500 บาท ขอทานที่มีรายได้สูง จะทำตัวให้สกปรกที่สุด น่าสงสารเวทนาเป็นที่สุด หาก (แสร้ง) ทำแผลให้เหวอะหวะ (โดยใช้ถุงน่อง) หรือแสร้งแสร้งทำแขนหรือขาด้วยด้วยแล้ว ยิ่งมีรายได้สูงขึ้น ด้วยเหตุนี้ เราจึงพบขอทานเกลื่อนเมืองโดยเฉพาะในเขตใจกลางเมืองของกรุงเทพมหานครนั่นเอง {1}
อย่างไรก็ตามคนเร่ร่อนมีลักษณะที่แตกต่างออกไปจากขอทานทั่วไปที่มีชาวต่างชาติอยู่เป็นจำนวนมาก ขอทานกลายเป็นอาชีพที่ขายความน่ารักน่าสงสาร กลายเป็นการทำบุญได้บาป แต่คนเร่ร่อนเกิดขึ้นจากปัญหาที่รุมเร้าต่าง ๆ นานาจนต้องออกมาเร่ร่อน เราพึงเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขา และหาทางให้พวกเขากลับเข้าสู่สังคมโดยเร็ว พวกเขาไม่ใช่ขอทานที่งอมืองอเท้าขอเงิน
การแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อน จะทำให้
1. คนเร่ร่อนมีที่พักพิงแน่นอน ไม่เป็นภาระแก่สังคม และไม่ทำให้สังคมรู้สึกได้รับอันตราย
2. คนเร่ร่อนไม่ต้องทรุดหนักลงเป็นบุคคลทุพพลภาพทางจิต หรือกลายเป็นปัญหาการรักษาพยาบาลที่หนักขึ้น
3. มีโอกาสพัฒนาคนเร่ร่อนให้กลับเข้าสู่สังคมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
4. โอกาสที่สังคมจะเกิดคนเร่ร่อนจะน้อยลงหากสังคมได้รับการดูแลที่ดีกว่านี้
การช่วยเหลือคนเร่ร่อนนั้นถือเป็นหลักสากลด้านสิทธิมนุษยชน เราไม่สามารถที่จะปล่อยให้มนุษย์ด้วยกันเร่ร่อน เช่นเดียวกับสุนัขจรจัด ต้องให้ความช่วยเหลือตามหลักมนุษยธรรม การช่วยเหลือเหล่านี้ไม่ได้เป็นการช่วยเหลือแบบไม่สิ้นสุด แต่เพื่อให้เขาสามารถกลับเข้าสู่สังคมได้อย่างปกติสุขนั่นเอง หลักสิทธิมนุษยชนนี้ถือเป็นกฎหมายเพราะประเทศต่าง ๆ รวมทั้งไทยก็ต้องปฏิบัติตามปฏิญญาสากลเรื่องสิทธิมนุษยชนนี้
ในระดับชาติ ประเทศไทยก็มีพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง พ.ศ.2557 {2} ซึ่งมีสาระสำคัญในการช่วยเหลือคนเร่ร่อนในฐานะคนไร้ที่พึงเช่นกัน ในประเทศอื่นเช่น สหรัฐอเมริกา สก็อตแลนด์ ก็มีกฎหมายที่เป็นพระราชบัญญัติเช่นกัน และในระดับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ก็มีกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องกับการจัดการปัญหาคนเร่ร่อนในหลายประเทศเช่นกัน {3}
การแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนทำได้ยากเพราะที่ผ่านมากระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ได้รับงบประมาณเพียงประมาณ 10,000 ล้านบาท จากงบประมาณทั้งหมดราว 2.7 ล้านล้านบาท หรือราว 0.37% เท่านั้น จึงไม่เพียงพอในการแก้ไขปัญหา รัฐบาลควรจัดเก็บภาษีมากกว่านี้โดยเฉพาะภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างเพื่อนำมาพัฒนาท้องถิ่น และในขณะเดียวกันก็ควรที่จะแบ่งเงินมาพัฒนาสังคมมากกว่านี้
ในการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนนั้น ในกรณีกรุงเทพมหานคร อาจมีคนเร่ร่อนไม่มากนัก สมมติ ณ ระดับที่ 4,000 คน หากยังไม่ได้รับการแก้ไข ค่าใช้จ่ายในการแก้ไขอาจเป็นเงินคนละ 500 บาทต่อวัน โดยแยกเป็นค่าใช้จ่ายด้านอาหาร ที่พักชั่วคราว การประกอบอาชีพ การพัฒนาอาชีพ การจัดหางาน ฯลฯ หรือเป็นเงินปีละ 730 ล้านบาท หรือเป็นมูลค่าสำหรับการแก้ไขทั้งระบบ ณ อัตราคิดลด 8% เป็นเงิน 9,125 ล้านบาท จะเห็นได้ว่างบประมาณปีละ 730 ล้านบาทนี้ยังมีเพียงสัดส่วนเพียง 1% ของงบประมาณแผ่นดินของกรุงเทพมหานคร ดังนั้นถ้ากรุงเทพมหานคร "เจียด" เงินมาดูแลสังคมมากกว่านี้ ปัญหาคนเร่ร่อนก็จะหมดไปได้อย่างง่ายดาย
โดยสรุปแล้วการแก้ไขปัญหาคนเร่ร่อนที่มีอยู่จำนวนไม่มากนักในเขตกรุงเทพมหานครและจังหวัดอื่น สามารถทำได้ไม่ยากนัก เพราะยังมีจำนวนไม่มากนัก หากรัฐบาลจัดงานประมาณเพื่อการนี้ และได้รับความร่วมมือจากภาคเอกชน ปัญหานี้ก็สามารถได้รับการแก้ไขเพื่อจรรโลงไว้ซึ่งศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของคนเร่ร่อนหรือผู้ใช้ชีวิตในที่สาธารณะ อย่าให้เกิดการบีบคั้นจนสังคมมีคนเร่ร่อนเต็มไปหมด
อ้างอิง
{1} AREA แถลง ฉบับที่ 42/2558: วันศุกร์ที่ 20 กุมภาพันธ์ 2558: ขอทาน: ทำดีแบบมักง่าย-เป็นภัยของคนกรุง www.area.co.th/thai/area_announce/area_anpg.php?strquey=area_announcement870.htm
{2} ดูพระราชบัญญัติการคุ้มครองคนไร้ที่พึ่ง ได้ที่www.dsdw2016.dsdw.go.th/view_prnews.php?newsbuzz_id=1179
{3} ดูข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับคนเร่ร่อนได้ที่ https://en.wikipedia.org/wiki/Anti-homelessness_legislation
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
'ฮุนเซน' ควันออกหู หลังลาวฉวยโอกาสขายของตัดหน้า แย่งสัมปทานจีน
10 อันดับเมืองที่มีมลพิษสูงสุดกรุงเทพฯ
พบเครื่องบิน "โบอิ้ง 737" ที่หายไป 13 ปี ถูกจอดทิ้งกลางสนามบิน
สภาทนายความ แจงเหตุลบชื่อ ‘ทนายคนดัง’ ออกจากทะเบียนทนาย
2569 ตรงกับเป็นปีนักษัตรอะไร สีนำโชค พร้อมปีชง
‘ดร.ธรณ์’ แนะนำ ถ้าจะย้ายที่อยู่ จังหวัดไหนเหมาะที่สุด ที่ไม่มีมลพิษของฝุ่นและภัยพิบัติทางธรรมชาติ
สารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แบงก์เขมรปิด ฮุน โต! เผ่นหนี ลูกค้าถอนเงินไม่ได้
กองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสี
“นานา ไรบีนา” เพิ่งพ้นคุกก็เจอดราม่าซ้อน—เพื่อน (เคย) รักแห่ออกมาสวนแรง
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
สารพิษในร่าง 'ณัฐวุฒิ ปงลังกา'! ตำรวจเร่งสอบพยาน ตรวจบ้านพักซ้ำ รอญาติจากเชียงราย
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
"เป็กกี้ ศรีธัญญา" โพสต์แซ่บถึง "นิยาย" ที่แสนสนุก ใครคือเจ้าของเรื่องตัวจริง?
กองกำลังพิเศษ BHQ ทรยศฮุนเซน แอบไปซบ อก สมรังสี


