update ผู้หญิงคนเดิม...ที่เพิ่มเติมคือกำแพงแห่งความกลัว ที่เธอสร้างขึ้นเอง
update...สถานการณ์ล่าสุด
แต่ก่อนหน้านั้น ขอเกริ่นหรือเท้าความสำหรับผู้ที่พึ่งติดตามเรื่องนี้เป็นครั้งแรกนะ...
อาจจะเนื้อหายาวสักนิด เพราะพยายามจะเล่าให้ผู้ที่ไมไ่ด้อยู่ในเหตุการณ์เห็นภาพ หรือพอเข้าใจไม่มากก็น้อย
ถือซะว่า เป็นการแชร์ประสบการณ์ กันน่ะคับคุณผู้อ่าน ไม่ได้มีจุดประสงค์หรือเจตนาจะทำให้เสียหาย หรือรื้อฟื้นให้เรื่องราว
บานปลายแต่อย่างใด
บางส่วนของ cap มาเป็นภาพ แทนการพิม หรือ copy มาวางนะคับ เพื่อจะได้ไม่ยาวจนน่าเบื่อจนเกินไป
.....................
**** ล่าสุด ก็ยังต่อความเดิมจากข้อความข้างบน ที่เหมือนทั้ง ช + ญ ยังพูดคุยกันแค่ในสื่อออนไลน์ เช่น โทรศัพท์ หรือ
เฟสบุ๊ค ก็ยังมีข้อความถามสารทุกข์สุกดิบบ้าง แต่ถ้าคิด % จากการเริ่มต้นสนทนา จะเป็น ญ 75 % และ ช 25 %
ฝ่ายชาย ในใจลึกๆ ก็คิดว่าเรื่องราวในวันนั้น จะครบปีละ น่าจะลืมๆหรือพอทำใจให้เริ่มต้นใหม่
หลังจากที่มีอยู่ช่วงในการสนทนา
ฝ่าย ช เริ่มต้นถามว่า จะปีนึงแล้ว
เรื่องราววั้นนั้น ทางฝ่ายครอบครัว ญ จบหรือเลิกอคติหรือทิฐิบ้างแล้วหรือยัง
** ขอเรียบเรียงประโยคที่พอเข้าใจง่าย แต่ไม่ได้ยกมาทั้ง wording นะ
ญ : แล้วฝ่ายชายละ
ช : เลิกคิดแล้ว ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว
ญ : แต่พ่อเขา ครอบครัวเขายังติดใจอยู่ รอการไปขอขมาหรือขอโทษจาก ช และครอบครัวฝ่าย ชาย ที่ไปทำให้เสียหายและไป
บอกว่ายินดีพร้อมจะคบหรือเชิงขออนุญาตให้ ญ มาคบกับ ช ใหม่
ช : ก็จิ๊ดสิครับ จึงย้อนไปว่า
ฟัง นะ ที่ครอบครัว ช ไม่ติดใจ เพราะคิดว่าเรียกร้องอะไรไปก็คงไม่ได้ไรกลับมา เช่นให้น้องชายเขามาขอโทษหรือให้ ญ เล่า
เรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้น (เล่าละเอียดทุกอย่าง ไม่ใช่เล่าแค่ประเด็นตัวเองเสียหาย) ให้พ่อฟัง ก่อนจะเข้าใจผิดสองครอบครัว
หรือเข้าใจในตัวฝ่ายชาย ผิด กันไปมากกว่านี้
ญ : ทำไมต้องขอโทษ ก็ไม่ได้ทำไรผิด น้องชายเขาแค่ จะทำ ไม่ได้ทำสักหน่อย อีกอย่างเขาก็ห้ามแล้ว แต่ฝ่่ายชายคือทำลง
ไปแล้ว
ช ; จึงพูดทำนองว่า ถ้าเรียกร้องในสิ่งที่ตัวเองยังทำไม่ได้ ก็อย่าเรียกร้องคนอื่นให้ทำเลย เพราะในความคิดของบ้าน ช หรืออาจ
จะทุกๆบ้าน ก็ต้องคำนึงถึงการเห็นหัวหลักหัวตอหรือผู้หลักผู้ใหญ่ สัมมาคารวะเป็นสำคัญ...แต่เท่าที่ฟังๆ หรือเท่าที่ถามๆ ณ
ตอนนี้ น้องชายยังไม่ได้รับการอบรมหรือแม้แต่ยังไม่รู้ผิดชอบชั่วดีด้วยซ้ำ กับการกระทำของตัวเอง (ที่จะเข้าปรี่ไปทำร้ายแม่
ของฝ่ายชาย)
จนเป็นเหตุในทุกวันนี้ก็ได้แต่ พูดคุยในเฟส
**** พอนานเข้าๆ ญ จึงพูดทำนองว่า แค่นี้ก็ยอมแพ้ในความรักแล้วหรอ หรือเปลี่ยนไปมีคนใหม่แล้วใช่ไหมละ ถึงเงียบไป ไม่
ค่อยทักทาย แม้จะออนเฟสก็ไม่ทักไรแบบนี้
ฝ่ายชาย จึงตอบว่า ไม่เคยยอมแพ้และไม่เคยเปลี่ยนแปลง แต่ใครกันแน่ที่เปลี่ยนไป นัดกินข้าวหรือพบเจอก็เลี่ยงหรืออ้างนู้นนี่
ตลอด หรือแม้แต่ยังบางทีก็เทคแคร์ดูแล เอาขนมนมเนยไปฝาก หรือแขวนไว้หน้าห้องเหมือนเดิม
** เหตุผลที่แขวน เพราะอีกฝ่าย ไม่พร้อมพบหน้า ****
แต่พอฝ่าย ญ จะเอาของฝากให้ไปบ้าง กลับส่งข้อความมาว่า มี XX มาให้ ถ้าว่างก็มารับหน้าหอ
แรกๆก็ยอมไปรับนะ แต่หลังๆ เริ่มงงๆ ก็เลยพิมพ์กลับไปว่า
ทำไมถึงไม่กล้าเอามาให้ทีหอเอง ต้องไปรับถึงที่หอ ที่ ช ยังแทบจะประเคนถึงหน้าหอ หน้าประตูเลย
พอนานเข้าาาาา
ฝ่ายหญิงก็ทำทีโทรมาถามว่า จะไม่มารับของที่จะให้ใช่ไหม มันจะบูดแล้วนะ
ฝ่ายชายก็ตอบตกลงว่า ไม่...
แล้วพิมพ์ข้อความไป(เชิง) บอกว่า
หาคำตอบให้ได้นะ ว่าทำไมถึงไม่ยอมไม่กล้ามาให้ที่หอเอง ...อย่าเอาความทิฐิหรือความต้องการจะเอาชนะของคนๆนึง มาเป็น
ตัวถ่วงของเราสองคนเลย เพราะความกลัวที่คุณสร้างมันขึ้นมา มันเป็นวิธีที่ดื้อเงียบและการแก้ปัญหาที่โง่สุดๆ
****
เหนื่อยเหมือนกันนะ ที่เจอ ฝ่าย ญ แบบนี้ ครอบครัวแบบนี้ แต่ก็ตัดไม่ขาดสักที