วิธีล้างผัก แบบง่าย ๆ ใครก็ทำได้
ขณะที่ปัจจุบันคนไทยนิยมรับประทานผักผลไม้มากกว่าในอดีตตามกระแสของการรับประทานผักเกษตรอินทรีย์หรือการปลูกผักกินเองภายในครัวเรือน ทว่ายังมีผู้คนอีกส่วนหนึ่งที่ยังบริโภคผักผลไม้ในท้องตลาดเนื่องจากสะดวกสบายในการจับจ่ายและมีราคาที่ถูกกว่าผักซึ่งปลูกโดยรูปแบบเกษตรอินทรีย์
แต่ทว่าจะทำอย่างไรให้เรามั่นใจได้ว่าผักที่บริโภคปลอดภัยจากสารเคมีหรือลดปริมาณของสารเคมีบางส่วนลงได้บ้างไม่มากก็น้อย จึงขอนำเสนอวิธีการล้างผักผลไม้แบบง่าย ๆให้ได้ลองนำกลับไปใช้ภายในครัวเรือน
ทั้งนี้กรมอนามัยได้จัดทำอินโฟกราฟฟิก(Infographic)วิธี“กินผักดียิ่งล้างสะอาดยิ่งดี” ประกอบด้วย 5 วิธี คือ
วิธีที่ 1 ใช้น้ำไหลผ่าน แช่ทิ้งไว้ 5 – 7 นาทีล้างออกด้วยน้ำสะอาด
วิธีที่ 2 ใช้เกลือป่น 1ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 10 – 15 นาทีล้างออกด้วยน้ำสะอาด
วิธีที่ 3 ใช้น้ำส้มสายชูเศษ 1 ส่วน 2 ถ้วยต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 10 – 15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด
วิธีที่ 4 ใช้เบกกิ้งโซดา (ผงฟู)1ช้อนโต๊ะต่อน้ำ 4 ลิตร แช่ทิ้งไว้ 10-15 นาที ล้างออกด้วยน้ำสะอาด และวิธีที่ 5ตามฉลากที่ผู้ผลิตแนะนำ
นอกจากนี้ยังมีวิธีการอื่นให้เลือกใช้อีกอย่างการปอกเปลือก ให้นำผักหรือผลไม้มาปอกเปลือกหรือการลอกใบผักชั้นนอกออก เช่นกรณีกะหล่ำปลีฯลฯ โดยให้ลอกเปลือกหรือกาบด้านนอกออกทิ้งสัก 2-3 ใบเพราะสารพิษส่วนใหญ่จะสะสมตกค้างบริเวณเปลือกด้านนอกหรือบริเวณกาบแล้วจึงนำไปแช่ในน้ำสะอาดอีกประมาณ 5-10 นาทีหลังจากนั้นก็ล้างด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งหนึ่งวิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 27-72%
หรือใช้การลวกผักหรือต้มผัก
– ก่อนนำมาลวกให้นำผักมาล้างให้สะอาดเสียก่อนแล้วจึงนำมาลวกหรือต้มโดยการลวกผักด้วยน้ำร้อนจะช่วยลดสารพิษได้ 50 % ส่วนการต้มผักนั้นก็ช่วยลดสารพิษได้ประมาณ50 % เช่นกันแต่การต้มผักจะมีสารพิษที่ตกค้างอยู่ในน้ำแกงได้
ดังนั้นจึงควรทิ้งน้ำที่ต้มครั้งแรกเสียก่อนแล้วจึงค่อยนำไปประกอบอาหารหรือรับประทาน (วิธีนี้เป็นอีกวิธีที่ดีและปลอดภัย
แต่จะทำให้ผักและผลไม้เสียคุณค่าทางอาหารไปกับน้ำและความร้อน เช่น วิตามินบี1วิตามินบี3 วิตามินซี เป็นต้น)
อีกวิธีคือการใช้น้ำซาวข้าว
–ให้นำผักหรือผลไม้มาแช่ด้วยซาวข้าวประมาณ 10นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยน้ำสะอาดอีกครั้งวิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ 29 – 38 % และการใช้น้ำปูนใส(ทำมาจากปูนแดงหรือปูนขาวที่กินกับหมาก)
– ให้เตรียมน้ำปูนใสอิ่มตัวที่ผสมกับน้ำเท่าตัวแล้วนำมาผักมาแช่ในน้ำปูนใสประมาณ 10 นาทีหลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่งวิธีนี้จะช่วยลดปริมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 34-52%
วิธีต่อมา
ผงถ่าน –
ผงถ่านแอคติเวทชาร์โคลหรือผงคาร์บอนกัมมันต์ (activated carbon)หรือถ่านกัมมันต์ (activate chacoal) เป็นวัสดุคาร์บอนซึ่งมีเนื้อพรุนมีคุณสมบัติในการดูดซับสูงมาก ทำให้มันสามารถจับสารในปริมาณมากมายไว้ที่ผิวด้วยคุณสมบัตินี้เองเราจึงนำมาใช้ประโยชน์ในการล้างผักผลไม้ได้ซึ่งมันจะช่วยดูดกลิ่น ดูดสี ดูดซับสารพิษออกจากผัก แต่จะไม่ดูดซับแร่ธาตุออกไปอีกทั้งร่างกายก็ไม่สามารถดูดซึมผงถ่านได้จึงไม่เป็นอันตรายเพราะร่างกายสามารถขับออกได้
แต่การนำมาใช้ล้างผักผลไม้หากใช้ในปริมาณน้อยและแช่ไว้ไม่นานพอก็จะไม่สามารถดูดซับสารพิษออกมาได้หมดครับ ซึ่งวิธีการใช้ก็ให้ใช้ผงถ่าน 1 ช้อนชา ต่อน้ำ 5 ลิตร แล้วนำผักผลไม้มาแช่ไว้ประมาณ 20นาที แล้วค่อยล้างออกด้วยน้ำสะอาด
วิธีสุดท้าย
คือ การใช้ด่างทับทิม (Potassium permanganate – โพแทสเซียมเปอร์แมงกาเนต)
– ให้ใช้ด่างทับทิมประมาณ 20-30 เกล็ด (ด่างทับทิมจะมีลักษณะเป็นผลึกหรือเกล็ดสีม่วง สามารถละลายน้ำได้) ที่ผสมกับน้ำ 4 ลิตร แล้วจึงนำผักมาแช่ไว้ในน้ำด่างทับทิมประมาณ 10นาที หลังจากนั้นให้ล้างออกด้วยสะอาดอีกครั้งหนึ่งวิธีนี้จะช่วยลดประมาณของสารพิษตกค้างได้ประมาณ 35-43%
อย่างไรก็ตามการใช้ด่างทับทิมในปริมาณที่มากจนเกินไป อาจเป็นอันตายต่อระบบทางเดินอาหาร
ถ้าหากสูดดมไอระเหยของด่างทับทิมเข้าไปมาก ๆ ก็อาจทำให้ระบบทางเดินหายใจมีปัญหาได้และถ้าด่างทับทิมเข้าตาก็อาจทำให้ตาบอดได้ดังนั้นการใช้วิธีนี้จึงต้องใช้อย่างระมัดระวังครับอีกอย่างการใช้ด่างทับทิมต้องใช้ในปริมาณน้อย ไม่งั้นผักและผลไม้จะเหี่ยวหรือเปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลได้ทำให้เปื้อนมือ เปื้อนอ่างด้วย)
ขอบคุณภาพจาก http://www.bioveggie.net/ดูบทความ-31218-เทคนิคการล้างผักให้สะอาด.html