สุดยอดโจรอัจฉริยะ "เจอรัลด์ บลานชาร์ด"
สุดยอดโจรอัจฉริยะ "เจอรัลด์ บลานชาร์ด"
สุดยอดโจรของแคนาดาใช้เวลาเพียงไม่กี่นาทีสามารถมองเห็นช่องโหว่ระบบรักษาความปลอดภัยในพระราชวัง หลังจากนั้นเพียงคืนเดียว เขาทิ้งตัวลงจากเครื่องบินเล็ก เล็ดลอดสายตาหน่วยรักษาความปลอดภัยและระบบกันขโมยที่วางไว้ทั่วอาคาร คว้าปิ่นปักผมทำจากไข่มุกยักษ์ล้อมเพชรมูลค่า 65 ล้านบาทหายเข้ากลีบเมฆโดยไม่มีใครสักคนรู้ว่าสมบัติของชาติถูกขโมยไปแล้ว
วันเสาร์ที่ 15 พฤษภาคม 2004 ตำรวจเมืองวินนิเพ็จ ประเทศแคนาดา ได้รับแจ้งเหตุคนร้ายบุกเข้างัดตู้ ATM 6 ตู้ในธนาคารพาณิชย์แคนาเดียนอิมพีเรียล กวาดเงินไปกว่า 5 แสนดอลลาร์โดยไม่มีรอดงัดหรือพบหลักฐานใดๆในที่เกิดเหตุแม้แต่น้อย
ธนาคารพาณิชย์แคนาเดียนอิมพีเรียลเพิ่งสร้างเสร็จกำลังจะเปิดให้บริการประชาชนครั้งแรกในเช้าวันจันทร์ที่ 17 พฤษภาคม เงินสดถูกนำใส่ตู้ ATM 7 ตู้ แต่เงินถูกขโมยไปแค่ 6 ตู้ ส่วนอีกตู้ไม่ถูกแตะต้อง โดยคนร้ายจงใจทำให้ตำรวจไขว้เขว ไม่มีรอยนิ้วมือ ไม่มีรอยงัด ฮาร์ดดิสก์เก็บภาพกล้องวงจรปิดถูกขโมยถอดไปด้วย
ดูเหมือนมันจะเป็นการก่ออาชญากรรมสมบูรณ์แบบที่ไม่มีหลักฐานให้ตำรวจใช้ในการสืบสวนเลย จนกระทั่งพนักงานร้านวอลมาร์ท (Walmart) ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับธนาคารพาณิชย์แคนาเดียนอิมพีเรียลแจ้งว่า ในคืนเกิดเหตุมีรถกระบะคันหนึ่งเข้ามาจอดในลานจอดรถซึ่งเป็นเวลาที่ร้านวอลมาร์ทปิดให้บริการ ด้วยความสงสัยว่าใครมาทำอะไรตอนดึกๆดื่นๆ เขาจึงจดทะเบียนรถเอาไว้
ตำรวจพบว่ารถคันดังกล่าวเป็นรถเช่าในนามของเจอรัลด์ บลานชาร์ด (Gerald Blanchard) ซึ่งเป็นความผิดพลาดเพียงอย่างเดียวที่ขโมยใช้ชื่อจริงในการเช่ารถ ทั้งๆที่เขามีบัตรประชาชนปลอมมากมายนับสิบชื่อ แต่หลักฐานเพียงแค่นี้ไม่สามารถที่จะใช้พิสูจน์ได้ว่า เจอรัลด์เป็นคนที่บุกเข้าไปขโมยเงินในธนาคาร
ติดตั้งเองกับมือ
ก่อนหน้านี้ไม่กี่สัปดาห์ เจอรัลด์เดินทางผ่านมาเห็นธนาคารพาณิชย์แคนาเดียนอิมพีเรียลกำลังทำการตบแต่งภายใน มันเป็นนาทีทองสำหรับอภิมหาโจรอย่างเขา เจอรัลด์ปลอมตัวเป็นคนงาน เข้าไปติดตั้งกล้องวงจรปิด เครื่องส่งวิทยุคลื่นสั้นและเปลี่ยนแม่กุญแจประตูธนาคาร
ด้วยเหตุนี้เองเจอรัลด์จึงสามารถเข้าไปในธนาคารได้โดยง่ายดายและสามารถรู้ความเคลื่อนไหวของทุกคนในธนาคาร แม้กระทั่งตอนที่ตำรวจมาสืบสวนโดยการถ่ายทอดผ่านทางกล้องวงจรปิดและเครื่องส่งวิทยุคลื่นสั้น เจอรัลด์จึงรู้ว่าเขาตกเป็นผู้ต้องสงสัย
แม้ตำรวจจะไม่มีหลักฐานมากไปกว่ารถที่เขาเช่าจอดอยู่ใกล้กับที่เกิดเหตุ แต่เขาก็ไม่อยากเสี่ยงอยู่คุยกับตำรวจ เจอรัลด์หลบการติดตามของตำรวจแคนาดาเดินทางไปอเมริกาและยุโรป หายสาบสูญไปนานถึง 2 ปี
การสืบสวนคดีปล้นตู้ ATM ไม่มีความคืบหน้าจนกระทั่งตำรวจเจ้าของคดีเกษียณอายุราขการ คดีนี้ก็ถูกเก็บใส่แฟ้ม ทำท่าว่าจะกลายเป็นคดีที่ปิดไม่ลงและถูกลืมเลือนไปตามกาลเวลา หากไม่เป็นเพราะ 2 ตำรวจอาวุโสที่ช่วยกันรื้อคดีมหาหินออกมาปัดฝุ่นสืบสวนอีกครั้ง
ประวัติยาวเหยียด
ต้นปี 2006 สิบตำรวจเอกมิตช์ แม็คคอร์มิก (Mitch McCormick) จากหน่วยปราบปรามอาชญากรรมร้ายแรง และสิบตำรวจเอกลาร์รี่ ลีวาสซีร์ (Larry LeVasseur) จากหน่วยปราบปรามอาชญากรรมทางเศรษฐกิจ ช่วยกันหยิบแฟ้มคดีปล้น ATM ธนาคารพาณิชย์แคนาเดียนอิมพีเรียลออกมาดูรายละเอียด พวกเขาพบว่าเจอรัลด์มีประวัติก่ออาชญากรรมมาแล้วหลายครั้ง
สมัยวัยรุ่น เจอรัลด์ข้ามฝั่งมาเรียนหนังสือในอเมริกา เขาพัวพันกับแก๊งลักเล็กขโมยน้อย เดือนเมษายน 1993 ขณะนั้นเจอรัลด์อายุ 21 ปี เขาถูกตำรวจในรัฐไอโอวาจับข้อหาสงสัยว่าจุดไฟเผารถยนต์ชาวบ้าน
ตำรวจกักตัวเจอรัลด์ไว้ตามลำพังในห้องสอบสวน ราวเที่ยงคืนเจอรัลด์งัดฝาห้องลอดไปห้องข้างๆแล้วงัดฝ้าเพดานแอบซ่อนตัวอยู่ในนั้น เมื่อตำรวจพบว่าผู้ต้องหาหายไปก็ระดมพล กรูกันออกตามหา เจอรัลด์ยังคงซ่อนอยู่ใต้เพดานเกือบ 2 ชั่วโมงจนแน่ใจว่าไม่เหลือตำรวจอยู่แถวนั้น เขาก็ทิ้งตัวลงมา ขโมยปืน วิทยุ เสื้อคลุมและตราตำรวจหนีกลับไปบ้านแม่ในรัฐโอมาฮ่า
วันรุ่งขึ้น หน่วยสวาทบุกเข้าจับกุมตัวเจอรัลด์อีกครั้ง เขาถูกเอามือไขว้หลังสวมกุญแจมือ นั่งเบาะหลังรถตำรวจนำตัวกลับไปดำเนินคดีในรัฐไอโอวา ระหว่างทาง ตำรวจแวะจอดรถพักหน้าร้านอาหารข้างทางโดยปล่อยเจอรัลด์ไว้ตามลำพัง แถมยังคากุญแจรถเอาไว้ เจอรัลด์บิดแขนไปมาจนเอาแขนมาไว้ข้างหน้าได้ เขาปีนมาที่เบาะคนขับ สตาร์ตเครื่องยนต์และขับหนีอย่างรวดเร็ว
ตำรวจกรูกันออกมาจากร้าน ขึ้นรถคันที่เหลือออกไล่ล่า จนกระทั่งไปจนมุมที่ลานจอดรถร้านสเต็กเฮาส์ที่อยู่ห่างไปไม่ไกลนัก เขาถูกจำคุก 4 ปี เมื่อได้รับการปล่อยตัวเขาถูกส่งกลับแคนาดาและห้ามเหยียบอเมริกาเป็นเวลา 5 ปี
รักแรกพบ
หลังถูกส่งตัวกลับแคนาดา เจอรัลด์พบรักกับบุตรสาวมหาเศรษฐี พวกเขาแต่งงานกันและออกเดินทางท่องยุโรปไปกับพ่อตาเป็นเวลา 6 เดือน
เดือนมิถุนายน 1988 คณะท่องเที่ยวเดินทางมาถึงพระราชวังเชินบรุนน์ (Schloss Schonbrunn) ในกรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เนื่องจากพ่อตาของเจอรัลด์เป็นมหาเศรษฐีมีชื่อเสียง พวกเขาจึงได้รับการต้อนรับอย่างดีเป็นพิเศษ ได้รับเกียรติให้เข้าชมปิ่นปักผมไข่มุกยักษ์ล้อมเพชร ซึ่งเป็นสมบัติของพระราชินีเอลิซาเบธ แห่งบาวาเรีย (Empress Elisabeth) ซึ่งรู้จักกันในชื่อ "ไข่มุกประดับเพชรโคเชิร์ต" (Koechert Diamond Pearl) หรือ "ดาวซิซี่" (Sisi Star) ตามชื่อเล่นของพระราชินีเอลิซาเบธ
ดาวซิซี่มีทั้งหมด 27 ชิ้น พระราชินีเอลิซาเบธทรงใช้ประดับบนพระเกศาเมื่อร้อยปีก่อน แต่ปัจจุบันคงเหลืออยู่เพียง 2 ชิ้นเท่านั้นและดาวซิซี่ที่แสดงในพระราชวังเชินบรุนน์เป็นเพียงชิ้นเดียวที่มีไข่มุกยักษ์อยู่ตรงกลาง มูลค่าประเมินสูงไม่น้อยกว่า 65 ล้านบาท จึงทำให้ต้องมีการรักษาความปลอดภัยอย่างแน่นหนา
เจอรัลด์หลงรักดาวซิซี่ทันทีที่ได้เห็น เขาสังเกตว่าห้องแสดงติดตั้งเครื่องตรวจจับการเคลื่อนไหวแต่มันไม่ใช่ชนิดที่มีความไวมากนัก หากเขาเคลื่อนที่อย่างเชื่องช้าเครื่องจะไม่สามารถตรวจจับได้ เขาแอบพิจารณาลักษณะของนอตยึดฝาตู้และบานหน้าต่างภายในห้อง
ระหว่างที่เจ้าหน้าที่พาเดินไปยังห้องแสดงถัดไป เจอรัลด์แอบปลดล็อกบานหน้าต่างและใช้ปลายกุญแจคลายนอตตู้เก็บดาวซิซี่ไว้หลวมๆ โดยปฏิบัติการทั้งหมดกินเวลาเพียงไม่กี่วินาทีเท่านั้น หลังจากนั้นก็รีบเดินเข้ากลุ่ม
ขากลับออกจากพระราชวัง เจอรัลด์แวะเข้าไปในร้านขายของที่ระลึกและเลือกซื้อดาวซิซี่จำลองที่มีขนาดและสีสันเหมือนกับของจริงที่เขาเห็นแสดงในตู้ก่อนหน้านี้
ปฏิบัติการเหนือเมฆ
เจอรัลด์โทร.หาเพื่อนนักบินชาวเยอรมัน ว่าจ้างให้ขับเครื่องบินเล็กผ่านพระราชวังเชินบรุนน์ เขาดิ่งพสุธาลงบนหลังคาพระราชวังในคืนวันถัดมา จากนั้นก็ไถลตัวไปตามความลาดของหลังคาแล้วรีบคว้าขอบชายคาไว้ก่อนร่างจะร่วงสู่พื้น
เจอรัลด์นำเชือกมัดกับเสาหินอ่อนแล้วโรยตัวไปยังหน้าต่างบานที่เขาแอบปลดล็อกไว้เมื่อวาน เล็ดลอดเข้าไปภายในห้องเก็บดาวซิซี่อย่างง่ายดาย โดยไม่เกรงกลัวว่าจะเจอเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เนื่องจากพระราชวังเชินบรุนน์มีมากกว่า 1,000 ห้อง หากได้ยินเสียงยามเดินมาเขาก็สามารถหนีไปแอบในห้องอื่นๆได้
ขั้นตอนที่ยากที่สุดคือการสับเปลี่ยนดาวซิซี่โดยไม่ให้สปริงใต้แท่นวางดีดขึ้นมาตอนที่หยิบดาวซิซี่ออกจากแท่นวาง ซึ่งมันจะไปดันสวิตช์สัญญาณเตือนภัยให้ทำงานทันที แต่เจอรัลด์ก็ได้ฝึกฝนมาอย่างดี ระหว่างสับเปลี่ยนเขาสามารถเลี้ยงน้ำหนักไม่ให้แท่นวางขยับเขยื้อน ก่อนจะหนีออกทางสวนด้านหลังพระราชวัง
เช้าวันรุ่งขึ้นเจอรัลด์กลับมาเที่ยวพระราชวังอีกครั้ง ทุกอย่างดำเนินไปตามปรกติ ผู้คนแห่แหนกันมาชมสมบัติล้ำค่าของชาติโดยไม่มีใครล่วงรู้ว่าดาวซิซี่ถูกสับเปลี่ยนไปแล้ว กว่าเจ้าหน้าที่จะรู้ตัวเจอรัลด์ก็กลับไปนอนตีพุงที่บ้านในแคนาดาเรียบร้อยไปแล้ว
พังเพราะผู้ก่อการร้าย
ไม่นานนักเจอรัลด์หย่าร้างกับภรรยา เขาได้แฟนใหม่ชื่อ ไลเน็ตต์ เทียน (Lynette Tien) และในปี 2001 ได้เพื่อนสาวคู่หูชื่อ แองเจล่า เจมส์ (Angela James) คนทั้งหมดร่วมกันก่ออาชญากรรม ตระเวนหาสถานที่ก่อสร้างธนาคารแห่งใหม่ในแคนาดา
เจอรัลด์ทำหน้าที่ปลอมตัวเข้าไปติดตั้งโทรทัศน์วงจรปิด หาช่องทางเข้าออกธนาคารในยามค่ำคืนโดยมีไลเน็ตต์และแองเจล่าเป็นคนดูต้นทาง ซึ่งตำรวจเชื่อว่าเขาพัวพันกับคดีปล้นตู้ ATM ในธนาคารหลายแห่ง หากแต่ว่าไม่มีหลักฐานนำมาเชื่อมโยงกับเจอรัลด์ได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
ปี 2006 เจอรัลด์รู้จักกับหัวหน้าองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติชาวเคิร์ดในประเทศอังกฤษ เขาได้รับมอบหมายให้เจาะข้อมูลคอมพิวเตอร์เพื่อล้วงข้อมูลผู้ใช้บัตรเครดิต ทำการปลอมแปลงและนำไปใช้ขึ้นเงินสดตามประเทศต่างๆในทวีปอเมริกา ยุโรปและแอฟริกา รวมทั้งสิ้นกว่า 100 แห่ง ได้เงินไปหลายล้านดอลลาร์
ภายหลังปรากฏว่าหนึ่งในผู้ร่วมขบวนการเป็นสมาชิกผู้ก่อการร้ายกลุ่ม AWOL ขมายเงินที่ขโมยมาส่งให้กับผู้ก่อการร้าย AWOL ด้วยสาเหตุนี้เองทำให้ผู้พิพากษาแคนาดาเล็งเห็นว่า เจอรัลด์อาจเป็นภัยต่อประเทศ อนุญาตให้ตำรวจติดเครื่องดักฟังโทรศัพท์ของเจอรัลด์
เจอรัลด์ถูกจับกุมตัวในเดือนมกราคม 2007 ด้วยข้อกล่าวหาพัวพันการประกอบอาชญากรรม 41 คดี ซึ่งเขาอาจถูกตัดสินจำคุกนานถึง 164 ปี แต่เจอรัลด์ต่อรองกับอัยการ ยอมรับสารภาพ 16 คดี และยอมบอกที่ซ่อนดาวซิซี่
ระหว่างการพิจารณาคดี ผู้พิพากษาถึงกับเอ่ยปากว่าเขาไม่เคยพบโจรที่ฉลาดล้ำขนาดนี้มาก่อน และเปรยให้เจ้าของธนาคารเจ้าทุกข์ว่าจ้างเจอรัลด์เป็นที่ปรึกษาระบบรักษาความปลอดภัย ศาลพิพากษาจำคุก 8 ปี แต่เจอรัลด์ติดคุกจริงเพียงไม่ถึง 2 ปีเท่านั้น เขาได้รับการปล่อยตัวเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=1765741993743940&set=gm.1897239297180043&type=3&theater
https://www.youtube.com/watch?v=fDEMfC-m8Ww