เขาไม่ใช่แค่คนโรยเกลือห่วยๆ
Nusret Gökçe เป็นชาวตุรกี หนึ่งในลูกห้าคนของคนงานเหมือง ฐานะยากจนทำให้เขาไม่ได้ร่ำเรียนต่อ โดยถูกให้ออกจากโรงเรียนตอนประถม 6 เขาไม่มีทางเลือกไหนนอกจากหางานทำ และงานที่เขาเลือกคือการเป็นเด็กเขียงเนื้อ
นั่นแหละคือจุดเริ่มต้นของตำนานเชฟสเต๊กผู้มีทั้งร้านสเต๊กและโรงงานเนื้อเป็นของตัวเอง เขาเริ่มจากการใช้ชีวิตเด็กเขียงเนื้อ เป็นเวลากว่า 18 ชั่วโมง ต่อวันที่เขาต้องอดทนทำงานเพื่อเรียนรู้เรื่องเนื้อให้ได้มากที่สุด เขาค่อนข้างหัวไวและแตกฉานในเรื่องเนื้อสัตว์ต่างๆ เด็กหนุ่มตัดสินใจไปอาร์เจนติน่าด้วยเงินเก็บ 7,000 เหรียญ พร้อมกับใจที่ฮึกเหิม หากไม่ประสบความสำเร็จ เขาจะไม่กลับมาเหยียบแผ่นดินบ้านเกิดอีก
ที่อาร์เจนติน่า เขาไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร แต่ที่นั่นเขาได้เรียนรู้เกี่ยวกับอาหารอย่างอื่นนอกเหนือจากเนื้อ อาทิ ถั่ว ผักชนิดต่างๆ เขาหวนกลับคืนตุรกีบ้านเกิด และผิดหวังในตัวเองที่ไม่ได้ทำตามคำพูดที่เคยลั่นวาจาไว้
จนกระทั่งเขารับงานครูสอนเชฟแล่เนื้อ และเป็นผู้บรรยายในหลักสูตรอาหารต่างๆให้เชฟฝึกหัด เขาได้รับการชักชวนให้มุ่งหน้าสู่สหรัฐอเมริกาเพื่อเป็นเชฟในร้านดัง ที่อเมริกาเขาประสบความสำเร็จเป็นอย่างดี จนได้ลงนิตยสารชื่อดังอย่าง นิวยอร์ค ไทมส์ เป็นเชฟที่ถูกขนานนามว่า ผู้ลี้ภัยที่ทำสเต๊กได้สุดขั้ว แต่นั่นไม่ใช่หลักไมล์สุดท้ายของเขา
เขาย้ายไป ดูไบ ด้วยข้อเสนอที่ไม่อาจปฏิเสธได้นั่นคือการได้เป็นหุ้นส่วนของร้าน และเป็นผู้ควบคุมดูแลโรงงานแล่เนื้อ นายทุนไว้วางใจให้เขาทำในจุดนี้ ในที่สุดเขาก็ได้เป็นสุดยอดเชฟในดินแดนที่มีแต่มหาเศรษฐี
Nusr Et steak house คือชื่อร้านสเต๊กของเขาซึ่งมีอยู่ 6 สาขาในขณะนี้ทั้งที่ ดูไบ และ ตุรกี เขากลับไปเยือนตุรกีพร้อมกับความสำเร็จ ชีวิตแฮปปี้มีความสุขกับการรังสรรค์เมนู
ตอกย้ำความแรงของเขาเมื่อเขาตัดสินใจทำคลิปการทำสเต๊กขึ้นมาหลายต่อหลายคลิป ลีลาการทำอาหารของเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นการทำอาหารที่เซ็กซี่ที่สุด โดยเฉพาะท่าโรยเกลืออันโด่งดังที่ฮิตไปทั่วโลก และนี่เองที่ทำให้เขาเป็นยอดเชฟที่น่าจับตาที่สุดคนหนึ่งของโลก แม้กระทั่ง มุฮัมมัด บิน รอชิด อัลมักตูม เจ้านครแห่งดูไบ หรือ นักมวยอย่าง ฟลอยด์ เมย์เวทเธอร์ และเหล่าคนดังในวงการต่างๆยังต้องไปกินที่ร้านเขา
หลายคนดูคลิปแล้วอาจคิดว่าใครๆก็ทำได้แค่ท่าโรยเกลือ แต่เบื้องหลังใครเลยจะรู้ว่าเขาต้องผ่านอะไรต่อมิอะไรมามากมายเหลือเกิน ท่าโรยเกลือนั่นคือความดังโดยบังเอิญ เพราะความจริงแล้วเขาโด่งดังมาหลายปีแล้วในหมู่มหาเศรษฐี และวงการอาหารด้วยกัน ฉายาของเขาคือ " Salt Bae " แต่หากใครรู้จักเขาดีจะรู้ว่าเขามีฉายา เทพเจ้าแห่งเนื้อ อีกหนึ่งฉายา
เจ้านครดูไบ คือลูกค้าประจำ
ฟลอยด์ ถึงกับตามไปชิม
กับ ฟาบริโอ คาเปลโล่ กุนซือฟุตบอลชื่อดัง
ลีโอนาโด้ ดิคราปริโอ ถึงกับทนไม่ไหว ต้องไปชิม