บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท เบอร์ 1 ประเทศไทย
มาแล้ว 10 อันดับบริษัทพัฒนาที่ดินมหาชนในตลาดหลักทรัพย์ประจำปี 2559 บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ครองแชมป์อันดับหนึ่ง
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) เปิดเผยว่าจากผลการสำรวจ โครงการที่เปิดใหม่ในปี 2559 จำนวน 459 โครงการในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑล ถึงที่ตั้งในทุกโครงการที่เปิดใหม่ และไปสำรวจการเปลี่ยนแปลงในการขายและการตลาดทุกรอบไตรมาส ซึ่งถือเป็นการสำรวจที่ครอบคลุมกว้างขวางที่สุด พบว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท มีการเปิดตัวโครงการจำนวนมากที่สุด (ไม่รวมในจังหวัดภูมิภาค)
สำหรับในรายละเอียดพบว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ยังครองส่วนแบ่งตลาดสูงสุดโดยเปิดตัวโครงการจำนวนมากที่สุดถึง 67 โครงการ รวม 19,943 หน่วย รวมมูลค่า 48,122 ล้านบาท มีสัดส่วนในตลาด 18.0% ในแง่จำนวนหน่วย และ 12.6% ในแง่มูลค่าการพัฒนา ในแต่ละหน่วยขายของบริษัทนี้ มีราคาเฉลี่ย 2.41 ล้านบาท อาจกล่าวได้ว่าบริษัทนี้สร้างที่อยู่อาศัยสำหรับประชาชนโดยเฉพาะประชาชนในระดับที่มีรายได้ปานกลาง และปานกลางค่อนข้างน้อยเป็นจำนวนมาก นอกจากนี้ยังสร้างที่อยู่อาศัยราคาสูงอีกด้วย
อันดับสองคือ บมจ.ศุภาลัย โดยเปิดพัฒนาถึง 10 โครงการ รวม 6,151 หน่วย รวมมูลค่า 17,624 ล้านบาท โดยอาจกล่าวได้ว่าบริษัทนี้มีสัดส่วนในตลาด 5.6% ในแง่จำนวนหน่วย และ 4.6% ในแง่ของมูลค่า
ส่วนอันดับสามคือ บมจ.เอพี (ไทยแลนด์) เปิดขาย 15 โครงการในปี 2559 รวมมูลค่า 14,929 ล้านบาท รวม 3,239 หน่วย มีสัดส่วนในตลาด 2.9% ในแง่จำนวนหน่วย และ 3.9% ในแง่มูลค่าการพัฒนา
บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ก่อตั้งเมื่อวันที่ 20 เมษายน 2536 โดยคุณทองมา วิจิตรพงศ์พันธุ์ เพื่อประกอบธุรกิจพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภท ทาวน์เฮ้าส์ บ้านเดี่ยว และอาคารชุด มีทุนจดทะเบียนเริ่มแรก 50 ล้านบาท และได้แปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อที่ 27 เมษายน 2548 ภายในระยะเวลา 12 ปีที่เข้าตลาดหลักทรัพย์ ได้พัฒนาโครงการต่าง ๆ มากมาย และจากฐานข้อมูล ณ กลางปี 2558 บริษัทนี้ได้พัฒนาโครงการขึ้นทั้งหมด 415 โครงการ รวม 163,630 หน่วย รวมมูลค่าถึงประมาณ 297,403 ล้านบาท หรือเฉลี่ยหน่วยละ 1.818 ล้านบาท ซึ่งต่ำกว่าราคาเฉลี่ยของที่อยู่อาศัยในเขตกรุงเทพมหานครและปริมณฑลที่ 3 ล้านบาทต่อหน่วย (http://bit.ly/1Prbbgu)
การที่ บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท สามารถเป็นเบอร์ 1 ได้นั้น ส่วนหนึ่งเพราะมีการพัฒนาที่ดินหลายทำเล ทำให้กระจายความเสี่ยง สร้างโอกาสที่จะเข้าถึงลูกค้าได้มากมาย ซึ่งเป็นกลยุทธ์ที่ บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ ใช้มาก่อนและสามารถนำหน้า บมจ.บางกอกแลนด์ที่เคยเป็นรายใหญ่ที่สุดแต่พัฒนาเป็นเมืองขนาดใหญ่แทนการกระจายไปทั่ว อย่างไรก็ตาม บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท ยังกระจายการพัฒนาไปแทบทุกระดับราคา ต่างจาก บมจ.แลนด์แอนด์เฮาส์ที่แต่เดิมเน้นเฉพาะบ้านในราคาระดับค่อนข้างสูง-สูง ทำให้มีฐานที่กว้างขวางกว่า และกลายมาเป็นอันดับหนึ่งในที่สุด
อาจกล่าวได้ว่าบริษัทมหาชนในตลาดหลักทรัพย์จำนวนกว่า 50 แห่ง ครองส่วนแบ่งตลาดอยู่ 2/3 ของทั้งตลาดที่เหลืออีก 500 บริษัทครองส่วนแบ่งตลาดเพียง 1/3 เท่านั้น แต่อย่างไรก็ตามก็ไม่มีบริษัทใดที่จะสามารถเป็นผู้ชี้นำตลาดที่ครองส่วนแบ่งตลาดเกินครึ่งหนึ่งได้โดยตรง เพราะสัดส่วนทางการตลาดยังไม่สูงมากนัก การแข่งขันยังมีอยู่มาก อย่างไรก็ตามรัฐบาลก็ควรส่งเสริมธุรกิจ SMEs ในวงการพัฒนาที่ดิน เพื่อให้รายย่อยมีโอกาสพัฒนาที่ดินได้มากขึ้นเช่นกัน
อาจกล่าวได้ว่า บมจ.พฤกษา เรียลเอสเตท มีคุณูปการอย่างยิ่งยวดต่อการพัฒนาที่อยู่อาศัยในประเทศไทย โดยเฉพาะการสร้างสรรค์ที่อยู่อาศัยแก่ผู้มีรายได้น้อย และปานกลางค่อนข้างน้อย โดยรัฐบาลไม่ต้องเสียเงินพัฒนาที่ดินเอง แถมยังได้รับภาษีจากบริษัทนี้ และบริษัทนี้ก็ยังสามารถทำให้เกิดการจ้างงานนับพันๆ คน พร้อมกับจ่ายโบนัสที่ดีแก่พนักงานอีกด้วย
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1787.htm