ล่องแพพะโต๊ะ มัน "โจ๊ะ" มาก
ล่องแพพะโต๊ะ มัน “โจ๊ะ” มาก
เรื่อง เดชา เวชชพิพัฒน์
ภาพ กัณฑ์ คนแบกเป้
“เลยห้าโมงเย็นมาหลายนาทีแล้ว อีกไม่นานคงมืด ฝนยังไม่หยุดตก กระแสน้ำทั้งเชี่ยวกรากและขุ่นเข้มขึ้นเรื่อยๆ คุณบ่าวยาวบอกว่าพวกเรากำลังเจอน้ำป่า … เฮอะ ถึงอย่างไรทุกคนในทริปเห็นพ้องกันว่าต้องล่องแพให้ได้ ให้จับกลุ่มเป็นลูกหมาเปียกน้ำประท้วงดินฟ้าอากาศบนตลิ่งสูงแห่งนี้นะหรือ ไม่ไหวหรอก ... มัดแพเสร็จควรล่องไปก่อน ไปหาที่พักใหม่ข้างหน้า
เมื่อคณะมีมติเช่นนั้น ไม่นานนักแพลำแรกที่มีคุณบ่าวยาวเป็นคนถ่อหน้าก็ออกนำ ตามด้วยแพของผมที่กำลังออกจากโค้งน้ำเข้าสู่กระแสเชี่ยวกราก ... เข้าแล้ว เข้าไปแล้ว แพผมกำลังเข้าไปในกระแสน้ำแล้ว อา ... ความแรงของน้ำป่าเป็นเช่นนี้เอง ทำเอาไผ่สิบสองท่อนที่มัดแน่นด้วยหวายป่าสั่นระริกราวก้านไม้ในกระบอกเซียมซีที่ถูกเขย่าแรงๆ
“หมอบ” เพียงครู่เดียวที่แพผ่านเข้าแก่ง พี่คนท่อแพร้องลั่นลำน้ำพะโต๊ะ
ผมทำตามทันทีเพราะแพเข้าแก่งที่มีกระแสน้ำไหลเชี่ยวกราก กองทัพหินใต้น้ำรุมกันตีแพส่งเสียงดังราวระนาดเอกวงใหญ่ แม้หมอบจนคางเกือบกระทบท่อนไผ่ แต่กล้าพอเปิดตามองเพื่อเก็บเสี้ยววินาทีแห่งความเป็นความตายไว้ในความทรงจำ แพพุ่งเข้าไปในดงตะไคร้น้ำที่ขึ้นแน่นอยู่ริมห้วย หน้าและตัวแทรกเข้าไปอย่างรวดเร็ว ก้านใบของไม้ริมน้ำนับไม่ถ้วนดีดหน้าฟาดแขนอย่างรุนแรง ลูกสมุนแห่งลำน้ำพะโต๊ะพร้อมใจรุมประชาทัณฑ์นักเดินป่าผู้ท้าทายธรรมชาติอย่างเต็มที่
อา ... ตื่นเต้นจนลืมหายใจเป็นอย่างไร เพิ่งรู้ซึ้ง
ขอบใจพะโต๊ะ เราจะไม่มีวันลืมนาย”
ผมเขียนข้อความนี้ในกระทู้ของเว็บไซต์คนแบกเป้ด้วยความประทับใจ หลังกลับจากการเดินป่าล่องแพที่ต้นน้ำพะโต๊ะแห่งระนองเมื่อต้นเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นช่วง “ปลายร้อนอ้อนฝน” ที่พี่กัณฑ์บอกว่า
“น้ำเยอะดี ล่องแพสนุก”
แต่มันสนุกเกินไปครับ เพราะพวกเราไปเจอน้ำป่าซึ่งเป็นผลจากพายุไซโคลน “นาร์กีส” ที่ถล่มพม่าจนย่ำแย่
นอกจากนี้ กว่าจะได้ล่องแพก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
ไม่เหมือนลงเรือที่ท่าพระจันทร์นะ จะบอกให้
ต้องเดินลุยลำธารเป็นวันเป็นคืน เริ่มเดินกันที่ “หลักไก่ต่อ” ระหว่างทางก็เจอ “ทากมานะ” ไปตลอดดดดดดดดด
(เรียก “ทากมานะ” เพราะมันมีความมานะอุตสาหะเป็นอย่างยิ่ง ที่ที่ไม่ควรชอนไชเข้าไปดูดเลือดมันก็เข้าไปถึง ตรงไหนอย่าให้บอกเลย)
แต่บรรยากาศดีอ่ะ ทั้งวันทั้งคืนอยู่แต่กับสายน้ำและป่าไม้ใหญ่ มีตอนหนึ่งได้ยินเสียงลมพัดผ่านยอดไม้ดังจึงเงยหน้าขึ้นมอง ได้เห็นภาพงามติดตา ...
ลูกไม้นับร้อยๆลูกหลุดร่วงจากยอดไม้ พร้อมใจกันควงใบหมุนติ้วลงมา ดูราวกับกับกองทัพยานอวกาศลำน้อยของมนุษย์ต่างดาวบุกโลก
ตอนเจอน้ำป่าก็ตื่นเต้นเร้าใจสุดๆ ... ฝนตกหนักทั้งคืน ตื่นเช้ามากำลังช่วยกันหุงข้าวทำกับข้าว อยู่ดีๆคุณบ่าวยาวก็ตะโกนลั่นป่า
“เก็บของด่วน น้ำป่าจะมา”
หูยยยยยยย ไม่เห็นกับตาไม่เชื่อนะเนี่ย มาไวจริงๆ
มาเร็ว เคลมเร็ว จมเร็ว
เก็บของกันแทบไม่ทัน ผมเสียรองเท้าไปหนึ่งข้าง คนที่แย่สุดคือเสียขาตั้งกล้อง ... ขาตั้งกล้องเนี่ยนะ ทำด้วยโลหะนะท่าน ไม่ใช่ท่อพีวีซี
พวกเราหนีน้ำป่าขึ้นไปบนตลิ่ง นั่งจับเจ่าราวกับฝูงลูกหมาตกน้ำ มองที่ที่เคยกางเต็นท์และผูกเปลจมน้ำป่า คิดอย่างเสียวไส้ว่าถ้าช้ากว่านี้นิดเดียวอาจได้กลับบ้านทางลัด
พ่อแม่พี่น้องจุดธูปเรียกไปกินของเซ่นไหว้
ผูกแพด้วยหวายทำเป็นอยู่คนเดียวคือคุณบ่าวยาว พวกเราก็ช่วยนะ ช่วยดูเฉยๆไม่วิพากษ์วิจารณ์ไง อิอิ
กว่าแพจะเสร็จก็ผ่านไปหลายชั่วโมง จากเช้าจนใกล้พระอาทิตย์ตกดิน เถียงกันว่าจะรอข้ามคืนค่อยตื่นเช้ามาล่องแพดีหรือไม่ เพราะน้ำยังเชี่ยวแรง แต่งานนี้แพ้คอซาดิสต์ครับ ตัดสินใจล่องแพบนน้ำเชี่ยวนี่แหละ สะใจดี โอกาสดีๆแบบนี้จะปล่อยให้ผ่านไปได้อย่างไร
นี่แหละ ที่มาของย่อหน้าแรกบทความนี้
ล่องไปได้นิ้ดดดดดดเดียวก็ต้องหยุดที่กาะแก่งกลางแม่น้ำ คุณบ่าวยาวไม่ยอมให้ล่องต่อไปเพราะอันตรายเกิน พวกเราช่วยกันลากแพหนีน้ำแล้วเดินขึ้นไปหาที่พักแรมซึ่งเป็นป่าดิบ เดินเข้าไปกันแบบไม่กลัวงูเงี้ยวเขี้ยวขอ มีแต่ “ทากมานะ” เจ้าเก่า เดินไปเด็ดทากไป ห้ามฆ่าด้วยนะครับ พี่กัณฑ์หัวหน้าทริปขอไว้เลย บอกว่าให้เด็ดแล้วดีดทิ้งไป ... ใครฆ่าทากงวดไหนๆก็ไม่ให้ไปเที่ยวด้วยอีก
สงสัยเป็นญาติกับทาก
มีแบกแพด้วยนะงานนี้ ...ล่องแพไปเจอกอสวะขวางทางน้ำก็ต้องช่วยกันแบกแพข้าม แพไม้ไผ่ขนาดแข้งนักบอลยาว 4-5 เมตรมัดรวมกันสิบสองท่อน ใช้แรงชายฉกรรจ์อย่างพวกเราสิบกว่าคนแบกยังแทบไม่ไหว แถมยังต้องแบกหลายแพอีกต่างหาก
แบกเสร็จก็ต้องนอนพักจึงมีแรงเที่ยวต่อ
มีเดินป่าตอนกลางคืนอีกด้วย แพของเพื่อนติดแก่งก็ต้องรอกัน รอจนพระอาทิตย์ตกดิน มืดแล้วล่องแพต่อไปไม่ได้ ทำไงล่ะ เดินสิครับ ไฟฉายติดหัวที่ซื้อมาราคาแพงใช้คุ้มก็งานนี้แหละ (ปกติใช้แค่ตอนล้างจานหลังกินมื้อค่ำ) เดินกันหลายชั่วโมงกว่าจะถึงจุดหมาย กว่าจะหาฟืนติดไปหุงข้าวทำกับข้าวกระเพาะก็แทบหยุดทำงาน
เที่ยวครั้งนี้กลับมาอย่างสะบักสะบอม งานนี้ต้องขอบคุณพายุนาร์กีส เพราะถ้าไม่มีพายุลูกนี้ก็คงสนุกแค่เพียงการล่องแพน้ำเชี่ยว ไม่ได้ผจญภัยอย่างสุดลิ่มทิ่มประตู
งานนี้ขอบอกว่า
ล่องแพพะโต๊ะ มัน “โจ๊ะ” มาก
###
ติดตามเรื่องท่องเที่ยวสไตล์ผม
ด้วยการกดไลค์เพจ “เที่ยวเหอะน่าอย่าคิดมาก”
https://www.facebook.com/TeawHerNaa/
ตรงนี้มีคำตอบคนละครึ่งพลัสเฟส 1 ใช้ไม่หมดสามารถนำไปใช้เฟส 2 ได้หรือไม่
ภาษาที่ควรเรียนที่สุด ในอีก5ปีข้างหน้า
"ประธานสหภาพฯ" บริษัทไดกิ้น เปิดใจหลังสั่งปิดงาน! ชี้ ยังต้องได้โบนัส
พืชที่มีพิษร้ายแรงเทียบเท่าพิษงูเห่า
วิธีป้องกันตะขาบในบ้าน ลดเสี่ยงโดนกัด
"ฮุนเซน" เงินหมด ทหาร BHQ คู่ใจทรยศ แอบซบอก "สมรังสี"
ชาว เกษตรกร เขมร กดดันไทยเปิดด่าน ควบรถไถเหยียบนาข้าวทิ้ง ราคาตกต่ำสุดขีด
แคปซูลกาลเวลา 1,700 ปี การค้นพบหลุมศพโรมันที่ "สมบูรณ์แบบ" ในฮังการี
จัดอันดับเรื่องลึกลับของภูเขา
หม้อต้มแรงดันสูงระเบิด เจ้าของโรงงานขนมจีนเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 2 ราย
หนุ่มอเมริกันทุบสถิติโลก วิ่งฮาล์ฟมาราธอนพร้อมเสื้อยืด 137 ตัว น้ำหนักกว่า 21 กิโลกรัม!
ชาวนาเขมรยกมือไหว้วอนคนไทย “เปิดด่านช่วยด้วย” หลังราคาข้าวทรุดหนัก สวนทางคำพูดในอดีตที่เคยดูแคลนไทย
หม้อต้มแรงดันสูงระเบิด เจ้าของโรงงานขนมจีนเสียชีวิต บาดเจ็บอีก 2 ราย
จัดอันดับเรื่องลึกลับของภูเขา
หนุ่มอเมริกันทุบสถิติโลก วิ่งฮาล์ฟมาราธอนพร้อมเสื้อยืด 137 ตัว น้ำหนักกว่า 21 กิโลกรัม!

















