หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

สวัสดิการที่ดีเกินไปคือการทุจริต

โพสท์โดย doctorsopon

           ช่วงท้ายปี-ต้นปีมักมีข่าวการจ่ายโบนัสให้กับพนักงาน เมื่อปี 2558 มีวิสาหกิจพัฒนาที่ดินแห่งหนึ่งจ่ายโบนัสถึง 22 เดือน แต่วันนี้ขอนำเสนอโจทย์ข้อหนึ่งว่าสวัสดิการที่ดีเกินไปคือการทุจริต
           ที่จั่วหัวขั้นต้นไม่ได้หมายถึงวิสาหกิจดังกล่าว การที วิสาหกิจบางแห่งสามารถจ่ายโบนัสได้สูงๆ เพราะพนักงานไม่ใช่ปัจจัยการผลิตหลัก อย่างเช่น วิสาหกิจพัฒนาที่ดินก็มีที่ดินและอสังหาริมทรัพย์เป็นปัจจัยการผลิตหลัก ปัจจัยการผลิตหลักของธนาคารก็คือเงินต่อเงินพนักงานเป็นเพียงกลไกอันหนึ่งเท่านั้นจึงมีการรุเก่ารับใหม่อยู่เรื่อยๆ ปัจจัยการผลิตหลักของโรงงานก็คือเครื่องจักร คนก็เป็นเพียงกลไกส่วนเล็กๆ ดังนั้นถ้าวิสาหกิจเหล่านี้ประสบความสำเร็จก็ย่อมสามารถจ่ายโบนัสได้มหาศาล แต่สำหรับวิสาหกิจที่ใช้คนเป็นปัจจัยการผลิตรักย่อมไม่อาจจ่ายโบนัสได้มากมาย เช่น วิสากิจเหล่านั้น
           บางท่านอาจจะงงว่าสวัสดิการที่ดีเกินไปเกี่ยวอะไรกับ CSR (Corporate Social Responsibility หรือความรับผิดชอบต่อสังคมของวิสาหกิจ) เพราะนึกว่า CSR คือการอาสาทำดีกับสิ่งแวดล้อมและสังคมเป็นหลัก แต่ในความเป็นจริง ประเด็นหลักของ CSR ก็คือ การมีวินัยไม่ข้องแวะกับการคอร์รัปชั่นหรือการโกงกิน สวัสดิการที่ดีเกินไปย่อมเป็นต้นทุนที่สูง ส่งผลเสียโดยตรงต่อผลประโยชน์ของผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย เช่น ผู้ถือหุ้นทั้งหลายโดยเฉพาะผู้ถือหน่วยลงทุนรายย่อยในกรณีบริษัทมหาชน ตลอดจนผู้บริโภคเพราะต้องแบกรับต้นทุนที่สูงขึ้นนั่นเอง
           เราคงเคยได้ยินว่าสายการบินบางประเทศ ให้สิทธิอดีตแอร์โฮสเตสที่ลาออกไปแล้ว ขึ้นเครื่องบินข้ามทวีปเกือบ 20 ชั่วโมงโดยเสียค่าธรรมเนียมเพียง 500 บาท จากค่าโดยสารที่เก็บตามอัตราปกติราว 50,000 บาท โดยแจ้งล่วงหน้าเพียงวันเดียวก็ได้ที่นั่งแล้ว ถ้าหากเป็นอดีตกัปตันที่ลาออกแล้ว ก็เสียค่าธรรมเนียมไม่เกิน 1,000 บาท แถมได้นั่งชั้นธุรกิจราคา 130,000 บาท
           กรณีอย่างนี้ เมื่อมีผู้ไปใช้ (อภิ) สิทธิ์กันมาก ๆ รวมทั้งสมาชิกครอบครัวอีกต่างหาก อาจคิดเป็นเงินไม่รู้กี่สิบล้านบาทที่สูญเสียไปในแต่ละปี เงินเหล่านี้ควรเอามาแบ่งให้ผู้ถือหุ้นเป็นเงินปันผล แบ่งให้พนักงานทั่วไปเป็นโบนัส แบ่งให้ผู้บริโภคเป็นส่วนลด หรือแบ่งให้สังคมเป็นการคืนกำไร จะดีกว่าไม่น้อย
           นอกจากนี้เรายังคงเคยได้ยินวิสาหกิจขนาดใหญ่ในบางประเทศให้พนักงานใช้สาธารณูปโภคที่ตนเองเป็นผู้ผลิตขึ้นในราคาถูกหรือฟรีกันแทบไม่ต้องยั้ง อย่างนี้ผู้ถือหุ้น และผู้บริโภคเดือดร้อน เพราะต้องแบกรับภาระมากมาย สุดท้ายพนักงานเหล่านี้กลายเป็นอภิสิทธิ์ชนที่กีดขวางการพัฒนาประเทศ ไม่ต้องการการเปลี่ยนแปลงให้สังคมดีขึ้น แต่ตนเองขาดอภิสิทธิ์
           จะสังเกตได้ว่าวิสาหกิจขนาดใหญ่ที่มีกำไรงาม ๆ ในบางประเทศ มักจะแบ่งผลประโยชน์มาให้พนักงานได้เสพสุขกันอย่างเต็มอิ่ม ในแง่หนึ่งเป็นการปิดปาก ไม่ให้พนักงานก่อหวอดในเรื่องที่กระทบต่อการโกงกินในระดับสูง ถือเป็นการโกงกินแบบบุปเฟต์ หรือแบบทั่วถึงตามลำดับขั้น’
           วิสาหกิจขนาดใหญ่ในบางประเทศ อาจสร้างที่จอดรถใหญ่โตไว้ให้พนักงานจอดรถ คงกลัวสีรถพนักงานเสียหาย แต่สำหรับลูกค้าผู้มีอุปการคุณกลับให้จอดกลางแดด สู้เทสโก้โลตัสไม่ได้ที่เขาทำที่จอดรถให้ลูกค้าอย่างเพียงพอและยังทำตะแกรงหลังคาให้ลูกค้าอีกด้วย นอกจากนี้วิสาหกิจขนาดใหญ่หลายต่อหลายแห่งยังปรนเปรอผู้บริหารระดับสูงด้วยงบประมาณ เลี้ยงดูปูเสื้อกันอย่างอิ่มหมีพีมัน แม้แต่เงินติดกันเทศน์ยังมีงบประมาณจัดหาให้หรือเบิกได้!
           การโกงกันจนเป็นปกติวิสัยก็เห็นได้จากการที่ข้าราชการระดับสูงในบางประเทศ ได้รับสิทธิ์ไปนั่งในคณะกรรมการของรัฐวิสาหกิจต่าง ๆ บางคนถ่างนั่งหลายเก้าอี้ ซึ่งแค่นั้นก็ไม่รู้จะอู้ฟู่ จากเบี้ยประชุมและอภิสิทธิ์อื่น ๆ กันขนาดไหนแล้ว รัฐวิสาหกิจบางแห่งกำหนดกรรมการได้ใช้บริการของรัฐวิสาหกิจไปตลอดชั่วชีวิตแม้จะพ้นจากตำแหน่งแล้วก็ตาม
           อีกตัวอย่างหนึ่งก็คือเรื่องรถประจำตำแหน่ง จะเห็นได้ว่า กรรมการและผู้บริหารของหน่วยราชการ รัฐวิสาหกิจ หรือบริษัทมหาชนใหญ่โตบางประเทศ ได้งบซื้อรถประจำตำแหน่งราคาหลายล้านบาท นี่ยังไม่นับรวมค่าซ่อม ค่าน้ำมันที่ ซดกันมหาศาลต่างน้ำ
           นอกจากนี้ในเวลาเดินทาง บิ๊ก ๆ ทั้งหลายยังได้ตั๋วเครื่องบินชั้นธุรกิจ และโรงแรมชั้นหนึ่ง กลายเป็นอภิสิทธิ์ชน จะสังเกตได้ว่าผู้บริหารรัฐวิสาหกิจบางประเทศ บินไปไหนต่อไหนบ่อยจนเสมือนการทำงานที่รัฐวิสาหกิจนั้นเป็นงานอดิเรก ทุกวันนี้คงหาใครได้ยากที่จะใจแข็งถอนตัวจากอภิสิทธิ์มหาศาลเหล่านี้ เพราะต่างถือหลัก น้ำขึ้นให้รีบตัก หรือ T Who T It (ทีใครทีมัน)
           บางท่านอาจสงสัยว่า ทำไมวิสาหกิจขนาดใหญ่จึงปรนเปรอพนักงานได้อย่างน่าอิจฉา ทั้งเงินเดือน สวัสดิการ โบนัสและอื่น ๆ ที่สูงกว่าวิสาหกิจทั่วไป เรื่องนี้คงไม่ใช่เพราะผู้บริหารของวิสาหกิจเหล่านั้นมีความเก่งกล้าสามารถเหนือมนุษย์ที่ตรงไหน แต่เป็นเพราะวิสาหกิจเหล่านั้นเป็นวิสาหกิจ (กึ่ง) ผูกขาด เช่น สาธารณูปโภค สถาบันการเงิน หรือเป็นวิสาหกิจที่ได้รับสัมปทานจากรัฐ เป็นต้น
           เราคงเคยได้ยินกันว่ามีรัฐวิสาหกิจบางแห่งจ่ายโบนัสพนักงานเกือบ 12 เดือนกรณีนี้ถือว่าเข้าข่ายการปล้นเงินจากประชาชนไปใช้สอยส่วนตัวเป็นหมู่ๆ ผมแม้แต่บริษัทมหาชนและสถาบันการเงินใหญ่โตยังไม่สามารถจ่ายโบนัสได้สูงขนาดนี้ ล่าสุดยังมีองค์การปกครองส่วนท้องถิ่นบางแห่งจ่ายโบนัสให้แก่ เจ้าหน้าที่ ทั้งที่เจ้าหน้าที่เหล่านี้มีสวัสดิการที่เหนือกว่าภาคเอกชนมากมาย แม้แต่ค่ารักษาพยาบาลยังรวมไปถึงรุ่นพ่อรุ่นลูก การให้ข้าราชการประจำกำหนดสวัสดิการให้กับพวกของตนเองโดยไม่มีผู้แทนของประชาชนมากำกับดูแล พวกเขาย่อมทำเพื่อพรรคพวกกันเองเท่านั้น
           วิสาหกิจเหล่านี้อาศัยต้นทุนที่ต่ำจากสถานะ (กึ่ง) ผูกขาดหรือจากการขุดทรัพยากรธรรมชาติมาใช้ ทำให้ได้กำไรงามจึงโยนผลประโยชน์มาให้พนักงาน อย่างไรก็ตามจะสังเกตได้ว่าพนักงานของวิสาหกิจเหล่านี้ไม่ใช่ปัจจัยการผลิตหลักเลย ปัจจัยการผลิตหลักกลับเป็นอสังหาริมทรัพย์ เครื่องจักร หรือกระทั่งใบอนุญาตหรือสัมปทานต่างหาก พนักงานอภิสิทธิ์ชนเหล่านี้จึงเป็นแค่เบี้ยเท่านั้น
           อาจสรุปได้ว่าการกระทำในทำนองโกงเช่นนี้ นอกจากไม่อาจสร้างแบรนด์ให้กับวิสาหกิจแล้ว ยังเป็นการกัดกร่อนทำลายแบรนด์ของตนเอง สังคมสูญเสียความเชื่อมั่น ทำให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียได้รับความเสียหาย เงินปันผลก็อาจไม่ได้รับ หรือได้รับไม่เต็มเม็ดเต็มหน่วย ที่สำคัญผู้บริโภคก็ต้องแบกรับภาระมากขึ้น เป็นต้น
           ดังนั้นต่อให้วิสาหกิจเหล่านี้ทำกิจกรรม CSR ประเภทอาสาทำดี ช่วยเหลือสังคม ปลูกป่า บริจาคกันเป็นบ้าเป็นหลังอย่างไร ก็ไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้น นอกจากเป็นเพียงการแก้ผ้าเอาหน้ารอดตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ หรือกระทั่งลูบหน้าปะจมูก’หรือกลายเป็นการสร้างโอกาสให้กับผู้บริหารวิสาหกิจนั้น ๆ ได้สร้างชื่อเสียงเพื่อปูทางสู่การเมือง หรือสู่การมีสถานะชั้นสูงในสังคม
           วิสาหกิจทั้งภาครัฐและภาคเอกชนในทุกประเทศที่จะเติบโตอย่างยั่งยืนและมี CSR จึงต้องแก้ไขปัญหาการโกงในมิติของการให้สวัสดิการที่เกินพอดีนั่นเอง แต่ถึงกระนั้นวิสาหกิจพัฒนาที่ดินของรัฐก็ยังสู้วิสากิจพัฒนาที่ดินของภาคเอกชนไม่ได้ แสดงว่ารัฐไม่ควรแข่งขันกับภาคเอกชน เพราะแทนที่จะช่วยเหลือประเทศกันกลับกลายเป็นช่วยถืองบประมาณของแผ่นดิน
           การทุจริตถ่วงความเจริญของชาติโดยเฉพาะในภาวะที่ไม่มีผู้แทนของประชาชนมาตรวจสอบจึงทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐโกงกินมากขึ้น ทำให้ประเทศชาติเศร้าหมอง
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1769.htm

เนื้อหาโดย: doctorsopon
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
doctorsopon's profile


โพสท์โดย: doctorsopon
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หลานโฉด เข็นศwลุงไปกู้เงินธนาคารAI หลุดบอกเลข งวด 16 เมษายน 2567iPhone รุ่นประหยัดมาแล้ว!"วงกลมลึกลับ" โผล่เหนือน้ำ..บางหลุมมีปลาอยู่ มันคืออะไรกันแน่ ?"เดชา" ชี้ ละครที่สนุกสนาน​เค้าลางใกล้จบ ต้องรอดูจนถึงตอนนั้นสงสัยพรที่เข้าไปขอ​ คือขอให้ได้อยู่นายกฯ ต่อสาวสงสัยว่าบ้าน หรือร้านขายพัดลมกันแน่..เพราะเล่นติดถึง 14 ตัวทั่วบ้านเคลมอีกแล้ว! อ้างมั่ว "ลิซ่า" ไม่ใช่คนไทย..แต่เป็นคนเขมรเขมรเคลมอีก! วง BLACKPINK มีต้นกำเนิดมาจากกัมพูชา อ้างหลักฐานจากภาพสลักโบราณ?ครูไพบูลย์ เจ้าของฉายากงยูเมืองไทย โพสหยอดหวาน ลั่น "เมื่อไหร่จะได้ยกเอวเขาน้อ"
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
เคลมอีกแล้ว! อ้างมั่ว "ลิซ่า" ไม่ใช่คนไทย..แต่เป็นคนเขมรแคสตรงปก เจมส์จิ(คุณชายพุฒิภัทร) และไมกี้(คุณฉัตรเกล้า)ฟิวชั่นจนอึ้ง!! เมนูสุดเเปลกจากเวียดนาม "ชานมปลาทอด" เเปลกจนหมอเตือน กินเเยกเถอะทำไมมนุษย์ถึงตื่นเช้า?ตุ๊กตาแม่ลูกดก (Matryoshka) ของฝากขึ้นชื่อจาก รัสเซีย
กระทู้อื่นๆในบอร์ด บ้าน คอนโด ที่ดิน
ไอเดียแต่งสวนข้างบ้านรู้จักกับ บ้านดิน คืออะไร?8 เทคนิคเลือกบ้าน ช่วยให้อยู่แล้วไม่ร้อนสถาปนิก ทำงานอะไร หน้าที่และขั้นตอนการทำงานเป็นยังไง?
ตั้งกระทู้ใหม่