อย่านำ "บีอาร์ที" ไปสร้างหายนะในเมืองภูมิภาค
ตอนนี้มี 2-3 เมืองหลักในภูมิภาค วางแผนที่จะพัฒนารถ "บีอาร์ที" นัยว่าเพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัด ระวังจะติดกับเช่นเดียวกับกรุงเทพมหานคร
"บีอาร์ที" หรือ รถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ ย่อมาจากภาษาอังกฤษว่า Bus Rapit Transit เป็นระบบขนส่งมวลชนรูปแบบหนึ่งที่ใช้รถโดยสาร ให้บริการเร็วขึ้นและมีประสิทธิภาพมากขึ้นจากรถโดยสารประจำทางทั่วไป โดยพัฒนารูปแบบการเดินรถ ตัวรถโดยสาร ตารางการเดินรถ ระบบขนส่งอัจฉริยะ และที่สำคัญคือจะมีช่องทางวิ่งแยกออกมาจากถนนปกติเป็นช่องทางเฉพาะ โดยมีจุดมุ่งหมายให้มีคุณภาพของบริการเทียบเท่ากับระบบขนส่งมวลชนระบบราง ในความเร็วและความจุผู้โดยสารที่เทียบเท่ากับระบบรถไฟฟ้าขนาดเบา ในขณะที่ต้นทุนการก่อสร้างและการเดินรถโดยสารประจำทางที่ประหยัดกว่า ทั้งยังสามารถจัดเส้นทางการเดินรถได้ยืดหยุ่นมากกว่าระบบราง (http://bit.ly/2ji4xMi)
ในประเทศไทยมี "บีอาร์ที" สายแรกคือรถโดยสารประจำทางด่วนพิเศษ สายสาทร-ราชพฤกษ์ หรือสายช่องนนทรี-ราชพฤกษ์ เป็นสายนำร่องของกรุงเทพมหานคร เปิดใช้ครั้งแรกปี 2553 เดินรถบนถนนนราธิวาสราชนครินทร์, ถนนพระรามที่ 3, สะพานพระราม 3 และถนนรัชดาภิเษก-ท่าพระ ระยะทาง 15.9 กิโลเมตร มีจุดจอดรับส่งผู้โดยสาร 12 สถานี โดยจัดช่องทางการเดินรถแยกจากช่องทางปกติบนพื้นถนนเดิมในทิศทางเดียวกัน ยกเว้นบนสะพานข้ามทางแยกและสะพานพระราม 3 ที่เดินรถในช่องเดินรถมวลชน (high-occupancy vehicle/HOV lane) ร่วมกับรถยนต์ที่มีผู้โดยสารตั้งแต่ 3 คนขึ้นไป และบริเวณทางแยกบางจุดที่ใช้ช่องทางร่วมกับรถทั่วไป (http://bit.ly/2i7AkBK)
ที่ผ่านมามีข่าวว่า "บีอาร์ที" 6 ปีขาดทุนยับพันล้าน" (http://bit.ly/1RXLWhL และ http://bit.ly/25Jn1Ip) โดยมีรายละเอียดว่า "โครงการรถโดยสารด่วนพิเศษ (BRT). . .จนถึงปัจจุบันรวมเวลาให้บริการประมาณ 6 ปี พบว่าขาดทุนรวมประมาณ 1,000 ล้านบาท เนื่องจาก กทม.ต้องใช้งบประมาณ ในการสนับสนุนปีละประมาณ 200 ล้านบาท ทุกปี. . .ส่วนจำนวนประชาชนที่ใช้บริการนั้น ตามเป้า ที่ตั้งไว้ คือ 30,000 คน แต่มีผู้ใช้บริการประมาณ 20,000 คนเท่านั้น และจำนวนที่เพิ่มขึ้นในแต่ละปีก็น้อยมาก ไม่เป็นไปตามที่คาดไว้"
ในกรณีนี้ ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th) ตั้งข้อสังเกตว่า
1. การลงทุนมากขนาด 2,009.7 ล้านบาท นี้และประสบการขาดทุน แสดงว่าไม่ได้ทำการศึกษามาให้ดีหรือไม่
2. การปล่อยให้มีการขาดทุนทุกปีๆ ละ 200 ล้านบาทจนบัดนี้ 6 ปีแต่ยังไม่ได้แก้ไข ถ้าเป็นภาคเอกชนก็คงปิดกิจการไปแต่แรกแล้ว การกระทำอย่างนี้แสดงถึงการขาดความรับผิดชอบเท่าที่ควรหรือไม่
3. การริเริ่มโครงการนี้ถือเป็นการหาเสียงทางการเมืองโดยใช้งบประมาณแผ่นดินในการดำเนินการหรือไม่ ถือเป็นการขาดจริยธรรมทางการเมืองหรือไม่
4. การที่ยังมีแนวคิดที่จะดำเนินโครงการทำนองนี้อีกในอนาคต ในพื้นที่อื่น ในจังหวัดอื่น ถือเป็นการโฆษณาชวนเชื่อที่ไม่เป็นจริงหรือไม่
ดร.โสภณ เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านอสังหาริมทรัพย์และได้ไปดูงานการทำรถโดยสารแบบ BRT ที่กรุงจาการ์ตาในระหว่างที่เป็นที่ปรึกษาในโครงการของกระทรวงการคลัง อินโดนีเซีย และพบว่าโครงการประเภทนี้ไม่อาจประสบความสำเร็จจริง แม้กรุงจาการ์ตาจะใช้บริการประเภทนี้มากที่สุดในโลก มากกว่าที่กรุงโบโกตาที่เป็นจุดเริ่มต้น แต่ก็ยังต้องหันมาสร้างรถไฟฟ้าแทน
โดยเฉพาะในพื้นที่ถนนพระรามที่ 3 และถนนนราธิวาสราชนครินทร์ มีคลองอยู่ตรงกลางสามารถสร้างรถไฟฟ้าแบบลอยฟ้า หรือขุดลงใต้ดินได้ โดยอาจร่วมกับภาคเอกชนดำเนินการได้ แต่ก็ไม่ได้รับการดำเนินการ ทำให้ประสบปัญหามากมาย แม้แต่ในปัจจุบัน ก็ยังไม่ได้กั้นช่องทางจราจรให้โดยเฉพาะ และแม้หากมีการกั้นช่องทางจราจร ก็กลับกลายเป็นการลดพื้นที่การจราจรของรถโดยสารอื่นอีกต่างหาก
โดยสรุปแล้ว "บีอาร์ที" จะกลายเป็นปัญหามากกว่าเป็นการแก้ปัญหาจราจร เพราะตราบเท่าที่เมืองยังเติบโตอย่างไร้ทิศผิดทาง แทนที่จะสร้างความหนาแน่นให้กับเขตชั้นในของเมือง เพื่อให้ประชาชนสัญจรไปมาได้ง่าย แต่กลับอนุญาตให้ก่อสร้างบ้านในเขตรอบนอกของเมืองอย่างไร้แบบแผน สภาพแบบนี้ คงไม่สามารถใช้ "บีอาร์ที" ในการแก้ไขปัญหาจราจรได้