บอกตรงๆว่าสะใจ พร้อมยินดีอวยชัยประตูแรกของปีโป้
แม้สถานการณ์จะได้เปรียบมาจากเลกแรกที่สกอร์ 2-0 แต่ ทีมชาติไทย ก็ยังเน้นเต็มที่ต่อหน้าแฟนบอลในสนามราชมังคลากีฬาสถาน ก่อนถล่มเอาชนะ เมียนมาร์ ไปได้แบบสนุกอยู่ข้างเดียว 4-0 รวมสกอร์ 2 นัด ทัพช้างศึกชนะ 6-0 ผ่านเข้าสู่รอบชิงชนะเลิศ ซูซูกิ คัพ 2016 พบกับ อินโดนีเซีย
เกมนี้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เฮดโค้ชทีมชาติไทย มีการปรับตัวผู้เล่นบางตำแหน่งจากเลกแรก โ
เริ่มต้นเกมมาเป็นทัพช้างศึกที่ได้ทักทายก่อนจากลูกแปหน้ากรอบเขตโทษของ ธีรศิลป์ แดงดา แต่บอลก็เหินข้ามคานออกไป จากนั้นนาทีที่ 17 ศราวุฒิ มาสุข ลองส่องไกลบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความหนักใจให้กับ คยอ ซิน เปียว ผู้รักษาประตูเมียนมาร์
ทีมชาติไทยมาได้ประตูขึ้นนำ 1-0 ในนาทีที่ 33 จากจังหวะที่ ธีราทร ขึ้นบอลมาทางกราบซ้าย ก่อนเปิดเข้ากลางให้ ศราวุฒิ พุ่งโขกเสียบตาข่าย ชนิดที่ผู้รักษาประตูเมียนมาร์ได้แต่ยืนมอง จากนั้นครึ่งแรกก็จบลงที่สกอร์ 1-0 รวมผล 2 นัด ทัพช้างศึกได้เปรียบอยู่ถึง 3 ลูก
เริ่มครึ่งหลัง โค้ชซิโก้ เปลี่ยนตัวให้ สิโรจน์ ฉัตรทอง ลงไปยืนในแดนหน้าแทน ธีรศิลป์ แต่เพียงไม่กี่นาที เมียนมาร์ก็เกือบได้ประตูตีเสมอ เมื่อ ธาน เปียง ได้บอลทางพื้นที่ว่างบริเวณก่อบเขตโทษ ก่อนที่จะยิงปั่นไปทางเสาไกล แต่บอลก็ไปชนสามเหลี่ยมเต็มๆ กระดอนออกมา
เจ้าถิ่นมาได้ลุ้นประตูทิ้งห่างในนาทีที่ 53 เมื่อได้ฟรีคิกที่บริเวณริมเขตโทษฝั่งขวา แต่ ธีราทร ก็ปั่นหลุดกรอบออกไป ก่อนที่ทีมชาติไทยจะทำการเปลี่ยนตัวอีกครั้ง โดยให้ ประวีณวัช บุญยงค์ ลงมาเล่นแทน ธนบูรณ์ เกษารัตน์
เมียนมาร์ใกล้เคียงที่จะได้ประตูตีเสมออีกครั้ง เมื่อ เมียว โค ตุน ได้สับไกยิงเต็มๆ ในกรอบเขตโทษ แต่ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์ ก็เซฟเอาไว้ได้อย่างยอดเยี่ยม จากนั้นทีมชาติไทยมาได้จุดโทษในนาทีที่ 64 เมื่อ ศราวุฒิ ถูกปะทะล้มลงในกรอบเขตโทษ ผู้ที่รับหน้าที่สังหารก็คือ ธีราทร ซึ่งก็แปเข้าไปไม่พลาด ส่งให้ทัพช้างศึกได้เปรียบยิ่งขึ้นไปอีกที่ 2-0
หลังจากตกเป็นรอง เมียนมาร์เริ่มควบคุมอารมณ์ไม่อยู่จนเริ่มเล่นหนัก กระทั่ง นันดา คยอ มารับใบเหลืองไป ด้วยเกมที่เปิดแลกมากขึ้น ทำให้ทีมชาติไทยได้โอกาสยิงทิ้งห่าง สารัช อยู่เย็น ลองส่องไกลในจังหวะที่ ซิน เปียว ออกมานอกพื้นที่ แต่แนวรับเมียนมาร์ที่เหลือก็ช่วยกันสกัดจากเส้นเอาไว้ได้ และนั่นก็เป็นแอ็คชั่นสุดท้ายของ เจ้าตังค์ ก่อนถูกเปลี่ยนตัวออกให้ ชารีล ชัปปุยส์ ลงมาเล่นแทนในนาทีที่ 75
หลังจากพยายามมาหลายครั้ง ในที่สุด สิโรจน์ ฉัตรทอง ก็เบิกสกอร์แรกให้กับตัวเองในนามทีมชาติได้สำเร็จในนาทีที่ 76 จากการวางบอลยาวขึ้นหน้ามาให้ของ ชัปปุยส์ ดาวยิงร่างยักษ์พักบอลก่อนกระชากหนีแนวรับทีมเยือนไปยิงแสกหน้า ซิน เปียว ส่งให้สกอร์ของทีมชาติไทยหนีไปสุดกู่ 3-0
นาทีที่ 80 ชัปปุยส์ ได้โอกาสลองส่องไกล แม้บอลจะไม่เข้ากรอบ แต่ก็เรียกเสียงเฮได้ทั้งสนาม แต่ถัดมาไม่กี่นาที สกอร์ก็ขยับเป็น 4-0 จนได้ คราวนี้มาจากการยิงในกรอบเขตโทษของ ชนาธิป สงกระสินธ์ โดยผู้ที่จ่ายมาให้คือ ศราวุฒิ
แม้จะแทบหมดลุ้นพลิกสถานการณ์แล้ว แต่เมียนมาร์ก็ยังคงมองหาประตูตีไข่แตก ยาน เนียง อู ได้ลองสับไกยิงบ้าง แต่ก็ยังไม่สามารถส่งบอลผ่านมือ กวินทร์ ไปได้
จากนั้นจบ 90 นาทีรวมทดเวลาบาดเจ็บก็ไม่มีประตูเพิ่มอีก ทำให้ ทีมชาติไทย เอาชนะไปได้ 4-0 รวมสกอร์ 2 นัด ชนะไป 6-0 ทะลุเข้าชิงชนะเลิศ ซูซูกิ คัพ เป็นครั้งที่ 8 พร้อมทั้งมีโอกาสทำสถิติคว้าแชมป์รายการนี้ได้มากสมัยที่สุดที่จำนวน 5 ครั้ง
เฮยาวววววววว