จริงหรือ??..คนไทย กับ "นิสัย 4 ขี้..." ฝรั่งมองคนไทยมีนิสัยเฉพาะที่บั่นทอนตนเองและสังคม
ฝรั่งว่าคนไทยมี 4 ขี้?
หลายปี ที่ผ่านมา มีข่าวลงตามหน้าหนังสือพิมพ์ว่าหน่วยงานรัฐของไทยหน่วยงานหนึ่ง ได้ว่าจ้างบริษัทวิจัยของต่างประเทศ ให้ทำการศึกษาวิจัยค่านิยม พฤติกรรม นิสัยใจคอของคนไทยว่าเป็นอย่างไรบ้าง ปรากฏว่าจากผลการวิจัยดังกล่าว พบว่าคนไทยมี “อุปนิสัยอันถาวร” (แถวบ้านเขาใช้คำว่า “สันด...น”) ที่เด่นๆ อยู่ 4 ประการ คือ
1.คนไทยเป็นคน “ขี้เกียจ”
2.คนไทยเป็นคน “ขี้โกง”
3.คนไทยเป็นคน “ขี้โอ่”
4.คนไทยเป็นคน “ขี้อิจฉา”
อันเป็นที่มาของคำพูดที่ว่า “คนไทยนั้นมีนิสัย 4 ขี้!”
ถ้าเราคนไทยจะไม่เป็นคนที่ใจคอคับแคบจนเกินไป หรือถ้าเราคนไทยจะไม่ทำเป็นดัดจริตวี้ดว้ายกระตู้วู้ รับไม่ได้ ทนไม่ได้กับการที่มีคนเขามาบอกความไม่ดีของตัวเราแล้วละก็ เราน่าจะได้มองเห็นตัวของเราเองได้อย่างชัดเจน รอบด้านขึ้น อันจะสามารถทำให้เรานำข้อค้นพบนั้นไปปรับปรุงแก้ไขข้อบกพร่องได้บ้างตามสมควร
ที่ว่าคนไทยเป็นคน “ขี้เกียจ” นั้น นอกจากจะหมายความตรงๆ ตัวว่าไม่ค่อยขยันทำการงาน ดั่งภาษิตโบราณที่บอกว่า “เรื่องกินเรื่องอยู่ใครไม่สู้พ่อ แต่เรื่องพายเรื่องถ่อพ่อไม่สู้ใคร!” แล้ว ก็น่าจะหมายความรวมถึงประเด็นดังต่อไปนี้ด้วย :-
- บางครั้งก็ไม่ถึงกับขี้เกียจ แต่ว่าก็ไม่ค่อยจะกระตือรือร้น ทำอะไรก็จะทำไปเรื่อยๆ เหนื่อยก็เอนหลังนอน! มีลักษณะเฉื่อยชา แฉะแหมะ
- ทำงานตามอารมณ์ นึกอยากทำก็จะทำ พอไม่มีอารมณ์จะทำ (แล้วก็มักขยันไม่มีอารมณ์อยู่เรื่อยแหละ) ก็จะไม่ทำ ขนาดกำลังทำๆ อยู่นี่แหละ พอหมดอารมณ์ขึ้นมาก็หยุดทำ ทิ้งงานไปหน้าตาเฉย พวกนักลงทุนต่างชาตินี่เขาปวดหัวกับคนงานไทยเป็นอันมาก เพราะพอเสร็จหน้านา ก็เข้ามาหางานทำ ครั้นพอฝนพรำ ก็กลับไปดำนา! มิใยที่โรงงานเขาจะขอให้ช่วยเร่งผลิตสินค้าตามออร์เดอร์ที่มีเข้ามามาก ก็ไม่สนใจ คิดอยู่อย่างเดียวว่ากูจะกลับไปทำนา เดี๋ยวสิ้นหน้านา ก็ค่อยกลับมาหางานทำ พวกนักลงทุนทั้งคนไทยและต่างชาติเขาก็เลยทำชีวิตกันไม่ถูก จะวางแผนกะการอะไรไม่ได้เอาเลยทีเดียว เพราะคนงานไทยเล่นทำงานตามอารมณ์
- ทำงานแบบตำข้าวสารกรอกหม้อ คือทำงานแบบวันต่อวัน เงินหมดก็หางานทำ พอได้เงินมา ซึ่งก็แค่พอใช้ไปได้วันสองวัน ก็หยุดทำ พอเงินหมดก็ออกหางานทำอีก วนเวียนเป็นวงจรอุบาทว์อยู่อย่างนี้อยู่ทั้งปีทั้งชาติ
- ทำงานอย่างไม่มีน้ำอดน้ำทน ดั่งคำโบราณที่ว่า “หนักไม่เอา เบาไม่สู้” และหรือเป็นคน “หยิบโหย่ง..เหยียบขี้ไก่ไม่ฝ่อ” คนไทยเป็นคนที่รักสนุก ชอบความสำราญ ชอบความบันเทิง ชอบการละเล่น มากกว่าชอบทำงาน ส่งผลให้กลายเป็นคนที่ไม่ค่อยจะมีความมุ่งมั่น ขี้แพ้ ท้อง่าย ไม่ชอบแก้ปัญหา อ้างว่าคิดแล้วปวดหัว เครียด ชอบหนีปัญหา ทิ้งปัญหา ชอบกวาดขยะไว้ใต้พรม ชอบผลัดวันประกันพรุ่ง นอกจากนี้ยังชอบทำงานที่เบาๆ งานที่สบายๆ ไม่ชอบทำงานหนัก
- คนไทยเป็นคนที่ไม่ชอบทำอะไรอย่างจริงๆจังๆ เป็นงานเป็นการ แต่ชอบทำทุกอย่างอย่างผิวเผิน ทำอย่างฉาบฉวย ทำพอเป็นพิธี ทำอย่างผักชีโรยหน้า ทำโดยเน้นรูปแบบมากกว่าเนื้อหาสาระ เน้นพิธีกรรมมากกว่าแก่นแท้ เรื่องที่ควรทำอย่างจริงจังก็เอามาทำกันอย่างเล่นๆ (เช่น เล่นการเมือง เล่นหุ้น ฯลฯ) แต่เรื่องที่เป็นเรื่องเล่นๆ เรากลับทำอย่างจริงจัง ทำอย่างเป็นการเป็นงาน (เช่น งานกาชาด งานวัด งานประกวดธิดาโอท็อป งานประกวดสุนัข ฯลฯ เหล่านี้นี่เราเรียกว่ามันเป็น “งาน” ทั้งสิ้น ไม่ได้ทำกันอย่างเล่นๆ เลย)
- คนไทยทำงานและดำเนินชีวิตด้วยหลักความเชื่ออย่างผิดๆ เช่น เชื่อในเรื่องของฟ้าลิขิต มากกว่าจะเชื่อว่าชีวิตลิขิตเองได้ เชื่อว่าคนจะรวยจะจนอยู่ที่โชคลาภวาสนา ไม่เชื่อในเรื่องของความขยัน อดทน ไม่เชื่อในเรื่องของความเพียร ความอุตสาหะวิริยะ ความมุมานะพยายาม ก็เลยแทนที่จะขยันทำการงาน แต่กลับไปขยันหาเลขเด็ด ขยันไปตระเวนหาเจ้าแม่เจ้าพ่อ ขยันไปวิ่งไล่ล่าหาเช่าบูชาจตุคามรามเทพกันจนถึงขั้นชกต่อยทำร้ายกันเพื่อแย่งกันเช่าบูชาวัตถุมงคลนั้น (แค่เริ่มต้นก็ไม่เป็นมงคลแล้ว คิดดูก็แล้วกัน!) ปากก็ก็พร่ำว่าเป็นชาวพุทธ แต่พฤติกรรมกลับไปคล้ายพวกชนเผ่าผีตองเหลือง ที่ยังนับถือภูติผีปีศาจอะไรกันอยู่
ส่วนที่ว่าคนไทยมีนิสัย “ขี้โกง” นั้น นอกจากจะหมายถึงโกงจริงๆจังๆ โกงอย่างเป็นล่ำเป็นสัน อย่างกรณีสนามบินสุวรรณภูมิที่ต้องถือว่าเป็น “มหากาพย์แห่งการโกง” แล้ว ก็น่าจะหมายรวมถึงประเด็นในต่อไปนี้ด้วย :-
- คนไทยนิยมเล่นพรรคเล่นพวก เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง มากกว่าจะเห็นแก่ประโยชน์ส่วนรวมและสังคมประเทศชาติ ข้าราชการไทยทุกคนน่ะรู้อยู่แก่ใจว่า “ซื่อกินไม่หมด คดกินไม่นาน” แต่เขาก็ยังรู้อีกว่า “แต่ถ้ากินของราชการ กินได้ตั้งนานก็ยังไม่หมด!” คนไทยต้องหันมาตรวจสอบในเรื่องของ “สำนึกเพื่อสาธารณะ” (Public Spirit) กันให้มากยิ่งขึ้น แม้แต่ในเรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราปฏิบัติต่อกันในสังคม อย่ารอแต่ให้พม่ายกทัพมาทางด่านเจดีย์สามองค์ แล้วจึงค่อยไปอาสาขี่ควายออกศึก กันอยู่สถานเดียว!!
- คนไทยนั้นเป็นคนที่ได้ชื่อว่ามีไหวพริบปฏิภาณเป็นเลิศ แต่เรามักเอาไปใช้ในลักษณะของ “ความกะล่อน” “การเอาตัวรอดไปวันๆ” “การแก้ตัวไปน้ำขุ่นๆ” “การเอาสีข้างเข้าถู” เท่านั้น เราชอบหาเหตุผลตั้งร้อยข้อพันข้อเพื่อมาแก้ตัวว่าทำไมจึงยังไม่ทำอะไร หรือทำไมจึงทำไม่ได้ แต่เราไม่เคยใช้ความเป็นอัจฉริยะนั้นไปขบคิดหาเหตุผลเพียงแค่หนึ่งข้อเท่านั้นก็พอ เพื่อจะหาวิธีทำมันให้ได้
- คนไทยชอบหลอกตัวเอง โกงกระทั่ง “โกงตนเอง” อย่างเช่น แก้ปัญหา “ยาม้า” ด้วยการไปเปลี่ยนชื่อว่า “ยาบ้า” แล้วยาม้าก็หมดไป ส่วนยาบ้าก็เฟื่องฟูเสียยิ่งกว่ายาม้าเสียอีก คนไทยแก้ปัญหา “สลัม” ที่มีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง ด้วยการไปเปลี่ยนชื่อเสียเก๋ไก๋ว่า “ชุมชนแออัด” จากนั้นสลัมก็หมดไปจากแผ่นดินไทย ส่วนชุมชนแออัด ก็เพิ่มพูนขึ้นไปทุกหย่อมย่าน! นี่ได้ข่าวว่าจะมีการเปลี่ยนชื่อจากยาบ้า เป็น “ยาโง่” กันอีกแล้ว ส่วนชุมชนแออัด ก็เห็นได้ยินว่าจะเปลี่ยนเป็น “ชุมชนพัฒนา” หรือ “ชุมชนเก่า” หรือ “ชุมชนเดิม” หรือ “ชุมชนเมือง” ฯลฯ อะไรกันต่อไปอีกแล้ว เป็นการแก้ปัญหาแบบหมกเม็ด แบบหลอกตัวเอง แบบกวาดขยะไว้ใต้พรม
- คนไทยเป็นคนที่ไม่มีวินัย ไม่เคารพกฎเกณฑ์ ไม่สนใจกฎ กติกา มารยาท เราจึงสามารถทำได้ทั้งนั้น ทั้งโกงเวลา (มาสาย กลับก่อน) ทั้งโกหก ทั้งแก้ตัว ได้สารพัดเพื่อปัดความรับผิดชอบ ฯลฯ