กระดูกหมูต้ม อันตราย
เลือดและเนื้อของสัตว์เป็นพิษ ก่อนที่สัตว์จะถูกฆ่าโดยเฉพาะสัตว์ใหญ่ๆ ซึ่งมีจิตสำนึกค่อนข้างสูงเช่น วัว ควาย หมู สัตว์เหล่านี้จะเกิดความกลัวสุดขีดและพยายามต่อสู้ดิ้นรนอย่างสุดชีวิต ในช่วงเวลานั้นชีวะเคมีในตัวสัตว์จะมีการเปลี่ยนแปลงอย่างมากมายเกิดขึ้น ฮอร์โมนที่เป็นพิษจำนวนมากจะถูกขับออกมาโดยเฉพาะ สารแอดรีนาลิน พิษของฮอร์โมนนี้จะแพร่กระจายแทรกซึมเข้าไปในเส้นเลือดและเนื้อทุกส่วน
แม้ว่าสัตว์นั้นจะตายไปแล้ว แต่ว่าพิษนั้นยังคงอยู่ต่อไป สารแอดรีนาลินนี้สามารถพบได้ในร่างกายของคนเราด้วยเช่นกัน มันจะหลั่งออกมามากในขณะที่บุคคลผู้นั้นเกิดอารมณ์โกรธเกลียด เครียดแค้น หรือตกใจกลัวสุดขีด เพราะฉะนั้นคนที่อารมณ์รุนแรงและตึงเครียด โมโหร้าย เจ้าอารมณ์ มักมีสุขภาพร่างกายไม่ดี ใบหน้าหมองคล้ำ ป่วยเป็นโรคต่างๆเสมอ แก่เกินวัยและตายเร็ว ตรงกันข้ามกับคนที่มีจิตใจดี อารมณ์ดี จะมีใบหน้าสดใส ร่าเริง แก่ช้า อายุยืน และสุขภาพอนามัยดี สถาบันโภชนาการประเทศสหรัฐอเมริกา ระบุว่า " เนื้อสัตว์ที่ถูกฆ่าตาย เต็มไปด้วยเลือดที่เป็นพิษและสารพิษอื่นๆมากมาย " พบว่าหลังจากที่สัตว์ตายไป 2 - 3 ชั่วโมงเนื้อสัตว์จะเป็นกรดมากขึ้นทุกขณะ กรดนี้คือน้ำเนื้อซึ่งมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทรับรสอยู่ที่บนลิ้น ทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าเนื้อมีรสชาดอร่อย ฉะนั้นผู้ที่ปรุงอาหารเนื้อจึงไม่นิยมนำเนื้อไปล้างน้ำ
เพราะจะทำให้มีรสจืด แต่กรดในน้ำเนื้อมีฤทธิ์กระตุ้นสมอง กระตุ้นจิตใจ และอารมณ์ ให้มีความรุนแรงฉะนั้นชนชาติที่ นิยมกินแต่เนื้อสัตว์จะมีความก้าวร้าวรุนแรง จ้องประหัตประหารล้างผลาญ คิดสร้างสรรอาวุธขึ้นมาทำลายล้างซึ่งกันและกัน นับวันยิ่งทวีความโหดร้ายรุนแรงมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้วิจัยพบว่าในเนื้อสัน 1 กิโลกรัมจะมีกรดยูริคอยู่ถึง 30 กรัม กรดยูริคในเนื้อมีสารยูเรียซึ่งเข้าไปสะสมในร่างกาย สารนี้เมื่อเข้าสู่ร่างกายแล้ว ยากแก่การขับถ่ายและไม่สามารถสลายตัวได้ง่าย ส่วนที่ตกค้างก็ถูกส่งไปตามส่วนต่างๆของร่างกาย โดยจับเป็นผลึกอยู่ตามกล้ามเนื้อไขข้อและกระดูกทำให้เป็นโรคไต โรคเก๊า โรคไขข้ออักเสบ ฯลฯ แพทย์พบว่าไตของคนกินเนื้อ ต้องทำงานมากกว่าคนกินผักถึง 3 เท่า
เพื่อขับสิ่งสกปรกและสารพิษในเนื้อที่กินเข้าไป แม้ว่าขณะอยู่ในวัยหนุ่มสาวจะไม่แสดงอาการผิดปกติ แต่พออายุมากขึ้น ไตที่ต้องทำงานหนักติดต่อกันเป็นเวลานานๆย่อมไม่อาจจะทนไหว อาการเจ็บป่วยจึงเริ่มปรากฏให้เห็น เช่น โรคไตพิการ ไตวาย นิ่วในไต โรคเก๊า และโรคไขข้อ ทั้งนี้ก็เนื่องมาจากการจับเป็นผลึกของกรดยูริค ภายในส่วนต่างๆของร่างกายนั่นเอง ทุกวันนี้คนเราตกอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ กินอาหารประเภทเนื้อสัตว์และอาหารดัดแปลงต่างๆ เมื่อร่างกายสะสมพิษเข้าไว้มากๆในที่สุดก็ต้องเจ็บป่วย ครั้นแล้วก็กลับพากันกินยาซึ่งสกัดจากสารเคมีเข้าไปรักษาความเจ็บป่วยนั้น บางครั้งยาที่คิดว่าจะช่วยรักษาความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้น กลับให้ผลแทรกซ้อนข้างเคียง ทำให้อาการของโรคย่ำแย่ลงไปอีก บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราจะต้องหันมาปฎิบัติตนกันใหม่ก่อนที่ทุกอย่างจะสายเกินไป