จูบ รู้ท่าทาง รู้ภาษา ว่ารักหรือหลอก
เค้ารักจริงหรือหลอกเล่นก็ได้นะ ไม่เชื่อลองดู
ถ้าเขาจับไหล่คุณทั้งสองข้างก่อนที่จะเริ่มจูบ เขาก็น่าจะพยายามเก็บคุณเป็นของตาย การจับไหล่คุณโดยห่างตั้งช่วงแขนโดยตั้งใจสร้างช่องว่างระหว่างร่างกาย แสดงว่าเขาเลี่ยงความสัมพันธ์ใกล้ชิด ซึ่งไม่ใช่สัญญาณบ่งบอกความสัมพันธ์ที่ดีเลยทีเดียว คือแสดงว่าคนรักของคุณไม่จริงจังจะผูกมัดกับคุณเต็มตัว และพร้อมที่จะผลักคุณพ้นทางหากเขาเปลี่ยนใจ” ดังนั้นถ้าคุณไม่สามารถทำให้เขากอดคุณอย่างอ่อนโยน ก็คงจะดีกว่าที่จะทิ้งวายร้ายรายนี้ก่อนที่เขาจะเขี่ยคุณทิ้ง
ภาษากาย 2 : คว้าหมับจับจูบ
คุณคิดว่าคนรักพิศวาสคุณเสียเหลือเกินเมื่อเขากอบหน้าคุณไว้ในมือทั้งสอง ข้างก่อนที่จะจูบคุณ เราขอให้คิดใหม่อีกครั้ง ดร.วิลสัน เตือนว่า “เมื่อผู้ชายจูบคุณในลักษณะนี้นั่นคือเขาไม่ให้คุณมีทางเลือกอื่นนอกจากต้อง จูบเขา ผลก็คือมันเป็นจูบที่ที่แสดงถึงท่าทีควบคุมบงการ เป็นวิธีการครอบงำอย่างหนึ่งและเขากำลังทำเหมือนคุณเป็นเด็กเล็กๆ” ถ้าคุณต้องการคู่รักที่เป็นช้างเท้าหน้าก็คงไม่มีปัญหา แต่ควรระวังว่าเขาจะไม่ครอบงำความรู้สึกของคุณในด้านอื่นๆ จนเกินไป
ภาษากาย 3 : แตะเอวแล้วจูบ
ถ้าคนรักวางมือโอบเอวคุณขณะจูบ คุณก็สบายใจได้ ดร.วิลสัน บอกว่า “นี่เป็นวิธีการจูบที่โรแมนติกมากที่สุด คือแสดงถึงความสนิทสนมแต่ก็ยังให้อิสระแก่ฝ่ายหญิงที่จะเคลื่อนไหวได้ เป็นวิธีที่เปิดเผยให้เห็นความเต็มใจใส่ไปด้วย”การกระตุ้นที่ริมฝีปากและรอบ เอวคือความพยายามของเขาที่จะปลุกเร้าอารมณ์ของคุณอีกด้วย ดังนั้นถึงเขาจะทำให้คุณรู้สึกปลอดภัยและได้รับการทะนุถนอม แต่เขาก็กำลังสรรหาวิธีที่ดีที่สุดเพื่อพาคุณขึ้นเตียง ไชโย!
ภาษากาย 4 : โอบเอว
ถ้าเขาชอบพาดแขนรอบเอวคุณก็ขอบอกว่าคุณ คือ ผู้โชคดี ดร.วิลสัน บอกว่า “นี่แสดงให้เห็นความกระตือรือร้นอย่างเต็มที่และจริงใจที่จะผูกความสัมพันธ์ กับคุณ เป็นการกอดที่บ่งบอกความรักอย่างมาก แฝงไว้ด้วยความคุ้นเคยและไว้ใจระหว่างคนสองคน แสดงให้เห็นว่าระหว่างคุณไม่มีช่องว่าง ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่ก็เท่าเทียมและปรองดอง” แต่สิ่งหนึ่งที่การกอดลักษณะนี้ไม่แสดงออกคือความรัก อย่างดูดดื่ม มันเป็นภาษากายที่ไม่มีความหมายทางเพศอยู่เลยพ่อและลูกสาวก็อาจกอดกันลักษณะ นี้
ภาษากาย 5 : โอบไหล่
เมื่อผู้ชายโอบแขนทั้งสองข้างรอบไหลคุณ เวลากอดก็แสดงว่าเขากำลังประกาศว่าคุณเป็นสมบัติของเขา และเขาเป็นฝ่ายที่มีอำนาจเหนือคุณ คอยคุ้มครองคุณ ถ้าคุณชอบแสดงบทบาทลูกนกบาดเจ็บ คุณก็พบผู้ชายที่เหมาะสมแล้ว แต่ถ้าคุณต้องการชีวิตคู่ที่เท่าเทียม คุณก็กำลังเจอปัญหา.ลองพาดแขนของคุณโอบไหล่เขาดูบ้างและดูว่าเกิดอะไรขึ้น ถ้าเขาพยายามพลิกแขนของเขากลับมาอยู่เหนือแขนคุณเหมือนกำลังงัดข้อกันล่ะก็ น่าจะตะเพิดเขาให้ไกลได้
ภาษากาย 6 : โอบไหล่และเอว
ผู้ชายส่วนมากจะโอบแขนข้างหนึ่งที่ไหล่ คุณ และใช้อีกข้างกอดเอวคุณขณะเต้นรำในช่วงแรกเริ่มคบกัน คุณอาจมองว่ามันเป็นท่าทางที่เขาให้เกียรติคุณ ดร.วิลสัน เห็นด้วย “ผู้ชายที่โอบคุณในลักษณะนี้กำลังระวังไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามใส่คุณ เขาจะพยายามเก็บไม้เก็บมือให้อยู่ในตำแหน่งที่สุภาพที่สุดโดยเลี่ยงการ สัมผัสถูกส่วนที่ไวต่อความรู้สึก” แต่ถ้าเขายังรักษาท่าทางนี้ไว้แม้จะคบคุณนาน 5 ปีแล้ว คงถึงเวลาที่คุณจะแยกย้ายกันได้
ภาษากาย 7 : กุมมือ
การจับมือในแบบฝ่ามือแนบฝ่ามือ คือวิธีที่แม่เคยจับมือคุณเมื่อยังเด็กเพื่อแสดงความรัก ดร.วิลสัน เห็นว่า “มันเป็นท่าที่แสดงการปกป้องแบบพ่อปกป้องลูก ผู้ชายมักจะจับมือผู้หญิงใน ลักษณะนี้ ถ้าจะข้ามถนนหรือเผชิญกับเหตุการณ์อันตราย” ถ้าคนรักของคุณจับมือคุณแบบนี้ก็แสดงว่าคุณมีความสัมพันธ์ที่ราบรื่น และมักจะเป็นท่าจับมือที่คู่รักใหม่ชอบทำต่อกัน แต่ควรระวังเรื่องการแสดงความเป็นเจ้าของตัวคุณด้วย ถ้าเขาจับมือคุณแบบนี้ขณะที่เดินเข้างานเลี้ยงด้วยกันอาจหมายถึงเขาอยากแสดง ตัวเป็นเจ้าของ
ภาษากาย 8 : ประสานนิ้วมือ
ถ้าคนรักสอดนิ้วของเขาเข้ากับนิ้วมือ ของคุณ ก็หมายความได้ 2 อย่าง เขาอาจอยากถอดเสื้อผ้าของคุณออกเหลือเกิน หรือเขาเป็นพวกบ้าอำนาจ ดร.วิลสัน อธิบายว่า “การจับมือลักษณะนี้ในแง่หนึ่งก็หมายถึง การหน่วงเหนี่ยวโดยใช้นิ้วของเขาเองเป็นกรงกักขังฝ่ายหญิง จึงอาจแสดงถึงการเกาะติด ความไม่มั่นใจ หรือการแสดงความเป็นเจ้าของ” แต่เขาอาจทำไปเพื่อสัมผัสคุณให้แนบแน่นที่สุดก็ได้ ซึ่งเป็นการจับมือที่ให้ความรู้สึกวาบหวามได้พอๆ กับการจูบทีเดียว
ภาษากาย 9 : จับปลายนิ้ว
ผู้ชายที่จับเฉพาะปลายนิ้วของคุณไม่ใช่คนที่อยากอยู่ร่วมกับคุณตลอดกาล การจับเฉพาะนิ้วมือแสดงว่าต้องการสัมผัสคุณให้น้อยที่สุดหรือต้องการเป็น อิสระในทันทีที่เขารู้สึกตัว แต่ก็ไม่เลวร้ายทุกอย่างเสียทีเดียว ต้องลองสังเกตว่าเขาจับมือคุณลักษณะนี้เมื่อไหร่ ถ้าเป็นเฉพาะในบางสถานการณ์ก็คงเป็นเพราะสภาพแวดล้อมบังคับมากกว่าจะเกี่ยว กับความรู้สึกของเขา บ่อยครั้งที่บางคนจะจับมือคู่รักแบบนี้ เมื่อเขาขัดเขินเพราะไม่ชอบอวดความสัมพันธ์ต่อหน้าสาธารณะ