A Man and The Extra Virgin ฉีดน้ำมันมะกอกเพิ่มขนาด…เชยไปหรือเปล่า ?

เรื่อง : นายเอก

ช่วงหนึ่งมีการพูดกันมากถึงการขยายขนาดของเจ้าโลกของคุณด้วยการ ฉีดน้ำมันมะกอกเข้าไปที่เจ้าหนูของคุณ แต่ประโยชน์ของน้ำมันมะกอกมีอะไรเข้าท่ากว่านั้นมาก หากคุณเปลี่ยนจากการฉีด เป็นกินเข้าไปแทน ในอิตาลีนั้นรู้ค่าของน้ำมันมะกอกมาอย่างช้านาน มะกอกและน้ำมันของมัน มีค่ามาตั้งแต่สมัยกรีกและโรมัน ถึงกับมีการจัดตั้ง The Olive University เพื่อการศึกษาวิจัยและควบคุมคุณภาพของน้ำมันมะกอกที่ผลิตในอิตาลี

ข้อเท็จจริงบางอย่างที่เป็นประโยชน์ของน้ำมันมะกอกที่มีประโยชน์กับผู้ชายนั้น มีมากมายเหลือคณานับจริงๆ (ทั้งนี้เราขอไม่รวมว่าการฉีดเพิ่มขนาดเป็นประโยชน์ของมัน) มีการสำรวจพบว่าในอิตาลีมีผู้ป่วยโรคหัวใจขาดเลือดน้อยมาก และยังมีสารต้านอนุมูลอิสระอยู่ในปริมาณมาก พบว่าการกินน้ำมันมะกอกเป็นประจำ ช่วยป้องกันโรคมะเร็งลำไส้อย่างมีนัยยะสำคัญ

ว่าแต่จะกินอย่างไรให้ได้ผลดีที่สุด ?
ใครหลายๆ คนเข้าใจว่าการนำน้ำมันมะกอกมาปรุงอาหารก็ทำให้ได้รับประโยชน์แล้ว แต่ข้อเท็จจริงก็คือการกินให้ได้ประโยชน์ต้องกินแบบ ‘กินเปล่า' หรือนำไปคลุกกับอาหารที่ต้องการกิน ไม่ควรนำไปผ่านความร้อน เพราะน้ำมันมะกอกที่คุณภาพดี เป็นน้ำมันที่มีจุดเกิดควัน (smoking point) ต่ำ จะนำไปปรุงอาหารที่ใช้ความร้อนสูงไม่ได้ เพราะจะทำให้เกิดสารก่อมะเร็ง

น้ำมันมะกอกที่เลือกควรเป็นชนิดที่ดีเป็นน้ำมันที่ใช้วิธีการสกัดแบบหีบ เย็น หรือที่คุณจะเห็นเขียนติดที่ฉลากว่า ‘extra virgin' ซึ่งจะรักษาสารอาหารไว้ได้อย่างครบถ้วน รวมถึงกรดไขมันไม่อิ่มตัว ทำให้ไม่หืน และไม่เปลี่ยนสภาพง่ายๆ ซึ่งวิธีการสกัดแบบนี้ จะทำให้น้ำมันมะกอกมีราคาสูงกว่าการสกัดโดยกรรมวิธีอื่นๆ ซึ่งจะใช้สารเคมี เช่น เฮกเซน เป็นตัวทำละลาย

เพื่อให้ได้ปริมาณน้ำมันออกมามากที่สุด จากนั้นจึงกำจัดออกในภายหลัง แน่นอนว่ามันอาจมีสารเคมีตกค้าง และทำให้คุณสมบัติที่ดีของน้ำมันมะกอกเปลี่ยนไป น้ำมันมะกอกประเภทนี้มักนำมาใช้ประกอบอาหาร เพราะจะมีจุดเกิดควันที่สูงกว่าแบบ extra virgin สังเกตง่ายๆ คือจะมีสีใสกว่า

การกินที่ได้ผลดีที่สุดคือ ควรกินพร้อมกับอาหาร เพราะร่างกายดูดซึมได้ดีที่สุด นอกเหนือจากคุณสมบัติเรื่องการป้องกันโรคมะเร็งแล้ว น้ำมันมะกอกยังอุดมไปด้วยวิตามินอี และยังช่วยลดคอเลสเตอรอลไม่ดีอีกด้วย รู้อย่างนี้แล้วเปลี่ยนจากการฉีด มาเป็นกินน่าจะดีกว่า

ปัจจุบันมีตัวเลือกที่ถูกกว่า นั่นคือ น้ำมันคาโนลาผสมกับน้ำมันดอกทานตะวัน น้ำมันชนิดนี้มีโอเมก้า 3 6 และ 9 โดยเฉพาะโอเมก้า 6 และ 3 ซึ่งมีอยู่ในอัตราที่พอเหมาะคือ 4:1 มีวิตามินอีสูง มีจุดเกิดควันสูง 230 องศาเซลเซียส เหมาะกับการปรุงอาหารและกินเปล่าๆ ก็ยังได้ ที่สำคัญราคาถูกกว่าน้ำมันมะกอกกว่าครึ่ง !