รวบลูกชายคางานศพพ่อ เหตุใช้ปืนยิงพ่อตายคาบ้าน

สุดดราม่า ลูกชายใช้ปืนยิงพ่อตายคาบ้าน ยังทำตัวเนียนจนถูกตำรวจบุกจับกลางงานศพ

          ผู้สื่อข่าวรายงานว่า (29 ก.พ.) เจ้าหน้าที่ตำรวจนำตัว นายธรรม อายุ 42 ปี ไปทำแผนประกอบคำรับสารภาพ หลังก่อเหตุใช้อาวุธปืนยาว ขนาด.22 (ปืนลูกกรด) ยิง นายจรัญ อายุ 72 ปี ซึ่งเป็นพ่อของนายธรรมเองเสียชีวิต คาบ้านพัก ม.11 ต.บ้านนา อ.เมือง จ.ชุมพร เมื่อช่วงเวลา 16.30 น.ของวันที่ 29 ก.พ.63 ที่ผ่านมา เบื้องต้น ทางตำรวจได้แจ้งข้อกล่าวหาฆ่าบุพการี ซึ่งเป็นโทษสถานหนัก

          โดยมีชาวบ้านและญาติๆ แห่กันมาดูการทำแผนกันเป็นจำนวนมาก โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องกระจายและกันคนไม่ข้องเกี่ยวออกไป ซึ่งทางเจ้าหน้าที่ได้ทำแผนจนเสร็จโดยใช้เวลาประมาณ 2  นาที ก่อนนำตัวขึ้นกลับอย่างเร่งด่วน เนื่องจากเริ่มมีชาวบ้านที่รู้ข่าวแห่กันมาเป็นจำนวนมาก  

          พล.ต.ต.วิมล พิทักษ์บูรพา ผบก.ภ.จ.ชุมพร เปิดเผยว่า หลังจากที่ทางเจ้าหน้าที่ชุดสืบสวนสอบสวน ได้ระดมลงพื้นที่เพื่อสืบหาตัวคนร้าย จนในที่สุด ได้ทราบแน่ชัด ว่าผู้ก่อเหตุยิง นายจรัญ พ่อเฒ่าวัย 72 ปี เป็นลูกชายของผู้ตายเอง จึงได้ขอหมายจับจากศาลจังหวัดชุมพร แล้วเดินทางไปควบคุมตัวนายธรรมได้ในบริเวณบ้านซึ่งเป็นสถานที่ตั้งศพนายจรัญ

         จากการสอบสวน นายธรรม ผู้ก่อเหตุ ได้รับสารภาพตลอดข้อกล่าวหา พร้อมให้การการว่า ตนเองจะลงมือฆ่าพ่อ เนื่องจากเมื่อเวลาประมาณ 15.00 น. ของวันที่ 27 ก.พ. ตนเองได้ขี่รถ จยย.พ่วงข้าง หมายเลขทะเบียน 2915 ชุมพร ออกจากบ้านเพื่อจะไปรับลูกชาย ซึ่งเรียนอยู่โรงเรียนแห่งหนึ่งห่างจากบ้านประมาณ 3 กม.

         ขณะที่ขับรถ จยย.ออกมา ได้เห็นพ่อนั่งฟังเพลงอยู่หน้าบ้าน จึงได้จอดรถและลงไปเพื่อจะขอเงินจำนวน 1,000 บาท เพื่อจะนำไปให้ลูกชายตนที่จะต้องเข้าค่ายลูกเสือ แต่พ่อปฏิเสธไม่ให้พร้อมดุด่าตนว่าใช้เงินเป็นเบี้ยไม่รู้ค่า อีกทั้งยังถามว่าเงิน 5,000 บาท ที่ตนขายหมากได้เอาไปไหนหมด ทำไมไม่เอาเงินนี้จ่ายให้ลูก  

          นายธรรม กล่าวต่อว่า พ่อยังด่าตนเองจนตนเองคุมสติไม่อยู่ เดินเข้าไปในบ้านพร้อมเอาอาวุธปืนลูกกรดของพ่อออกมาจากตู้ที่เก็บ และโดยไม่พูดพร่ำทำเพลงได้ใช้ด้ามปืนกระหน่ำตีพ่อจนล้ม และใช้อาวุธปืนยิงใส่พ่อ 3 นัด แล้วก็เอาอาวุธปืนไปเก็บไว้ที่เดิม และขึ้นรถ จยย.ไปรับลูกกลับบ้าน โดยทำตัวปกติไปนั่งสอนการบ้านลูก จนมีเพื่อนบ้านมาเรียกว่าพ่อถูกยิงเสียชีวิตอยู่หน้าบ้าน ตนจึงได้เดินมาดูและแจ้งแม่กับพี่สาวให้ทราบ