ยุทธศาสตร์ชีวิต
เมื่อมีสิ่งใดเกิดขึ้นมา หากเราปล่อยปละละเลย มันก็จะเกิดขึ้นมาอีก จนกว่าเราจะสำนึกว่าเราควรจะทำอะไรกับมัน คนเรามักจะมองว่ามันเป็น "เรื่องธรรมดา" ที่เกิดกันทุกปี แล้วก็รอคอยให้เขามาประกาศเป็นพื้นที่ประสบภัยแบบฉุกเฉิน ที่จะมีงบประมาณถูกนำใช้หลายหมื่นล้าน ในจำนวนเงินที่มากขนาดนี้ เราควรนำใช้ไปกับการทำโครงการที่เป็นประโยชน์ เพื่อประโยชน์อย่างเป็นรูปธรรม
ความจริงแล้ว ธรรมชาติมาเคาะประตูบอกเราทุกปี ว่าประเทศของ "พวกนาย" มีทรัพยกรน้ำมากมายนะ ให้นายรีบหาทางนำไปใช้ให้เป็นประโยชน์ แต่พวกเรากลับไม่สนใจ ธรรมชาติก็มาเคาะประตูเรียกอีก คราวนี้เคาะประตูบานใหญ่ เผื่อว่าเราจะตระหนักว่า ให้รีบเอาน้ำที่เป็นประโยชน์นี้ไปใช้ เพราะอุตส่าห์มอบมาให้ทุกปี
ถ้าเราแปลความหมายของเหตุการณ์ว่าเป็น ภัยพิบัติ มันก็ยังคงเป็นภัยพิบัติต่อตลอดไป หากเรามองเอกลักษณ์เฉาะของมันใหม่ว่า มันเป็นการนำทรัพยกรขนาดใหญ่มาให้แก่เรา เราก็จะพบวิธีการบริหารจัดการกับมันในแบบใหม่ขึ้นมา
จงอย่ามองสิ่งต่างๆ ว่ามันเป็นเรื่องธรรมดาที่จะต้องเกิดขึ้นโดยเราควบคุมไม่ได้ หรือเราจะต้องเผชิญหน้ากับมันเป็นประจำทุกฤดูกาล แต่จงมองว่ามันเป็นเรื่องพิเศษ ที่จะใช้ประโยชน์จากสิ่งที่เกิดขึ้น แล้วเราต้องไม่อยู่ในภาวะของวัวหายแล้วล้อมคอก
เมื่อใดก็ตามที่ยังไม่สามารถจัดการกับมันด้วยโครงการขนาดใหญ่ได้ เราก็จะต้องมีการเตรียมการก่อนหน้า ว่าเราจะต้องทำอยางไรกับมัน ศึกษามัน เข้าใจมัน แล้วเราก็จะเลี้ยงดูมันให้เติบใหญ่ แล้วเป็นประโยชน์กับเราได้
มันเป็นกฎเดียวกับกฎเหตุต้นและผลปลาย ซี่งกล่าวว่าเมือมีผลก็ต้องมีเหตุ ถ้าเราฉลาด ก็ลองมองย้อนกลับไปที่เหตุแล้วปรับเหตุเสียใหม่ ผลของมันก็ต้องเปลี่ยน ถ้าเราอยากได้ผลอะไร เราก็ต้องหว่านเมล็ดพันธุ์นั้นลงไป แล้วเราก็จะได้เก็บเกี่ยวผลที่เราหว่านลงไปนั้นเอง