ย้อนข่าว!! หนุ่มวัย 19 ม.ดัง ฆ่า”พ่อ แม่ น้องชาย”วางแผนสุดแยบยลให้น้องรับผิดแบบนี้!!!
ย้อนเวลาไปเมื่อ ปี 2557 จากเหตุสะเทือนขวัญ ที่นายอัควัฒน์ ศรพรหม อายุ 19 ปี นักศึกษาชั้นปีที่ 1 มหาวิทยาลัยชื่อดัง ได้ใช้อาวุธปืนปลิดชีพพ่อแม่และน้อง จากนั้นวางปืนใส่ที่มือของน้อง พร้อมกุเรื่องให้การกับตำรวจว่า น้องถูกกดดันจากพ่อแม่จึงตัดสินใจฆ่าพ่อแม่จากนั้นก็ยิงตัวเองตายตาม
คดีนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 9 มีนาคม 2557 ตำรวจ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับแจ้งเหตุมีการยิงกันภายในบ้านเลขที่ 99/5 มบ.เมธาวิลล์ ถ.เสมาฟ้าคราม ต.ประชาธิปัตย์ อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี เมื่อไปตรวจสอบพบมีผู้เสียชีวิต 3 ราย เป็นชาย 2 ราย หญิง 1 ราย ที่เกิดเหตุเป็นบ้าน 2 ชั้น ที่ห้องนอนชั้น 2 พบร่างชายหญิงนอนห่มผ้า ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิต ชื่อผู้ตายคือนายภาณุวัตร ศรพรหม อายุ 44 ปี และ นางเยาวลักษณ์ ศรพรหม อายุ 41 ปี ภรรยา และอีกห้องหนึ่งพบร่างนายภัทรยุทธ ศรพรหม อายุ 16 ปี นักเรียนชั้น ม.5 ถูกยิงที่ศีรษะเสียชีวิตอยู่บนที่นอน พร้อมอาวุธปืนออโตเมติก ตกอยู่ข้างตัว 1 กระบอก
จากการสอบสวนนายอัควัฒน์ ศรพรหม อายุ 19 ปี ลูกชายคนโต ขณะนั้นเรียนอยู่ที่มศว.ประสารมิตร ให้การว่า ครอบครัวมีด้วยกัน 4 คน นายอัควัฒน์ บอกว่าตนพร้อมน้องและแม่นั่งกินหมูกระทะกันที่บ้านจนถึงตีหนึ่ง จึงได้เข้านอนกัน พ่อแม่และน้องนอนอยู่ชั้นบน ส่วนตนนอนอยู่ชั้นล่างและเมื่อกลางดึกเวลาประมาณตีสาม ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น 3 นัด เลยออกไปถามยามหน้าหมู่บ้านว่าเสียงมาจากไหน ยามบอกว่าไม่รู้ และตนเองก็ไม่ได้ขึ้นไปดูบนบ้าน พอรุ่งเช้าก็อาบน้ำไปเรียน และก่อนกลับบ้านได้โทรศัพท์หาแม่แต่ไม่มีใครรับสาย เมื่อมาเคาะห้องเรียกแม่ก็ไม่เปิดประตู จึงได้โทรศัพท์ตามป้ามาดูที่รูไขกุญแจ เห็นแม่นอนมีเลือดไหลออกมา จึงได้โทรแจ้งตำรวจ
นายอัควัฒน์ให้การอีกว่า คนก่อเหตุน่าจะเป็นน้องชาย ก่อนจะตัดสินใจยิงตัวตายตาม ส่วนสาเหตุน่าจะมาจากความน้อยใจ เพราะที่ผ่านมาน้องชายคิดว่าพ่อแม่ไม่รัก รักพี่มากกว่า ล่าสุดน้องชายโดนพ่อกับแม่ยึดโทรศัพท์มือถือ และยังถูกพ่อแม่ตำหนิเรื่องการเรียนตกต่ำ และทำตัวกระตุ้งกระติ้ง นอกจากนี้ยังน้อยใจที่พ่อแม่ซื้อคอนโดฯ ให้ตนแถวมศว.ประสานมิตร ใกล้กับที่เรียนหนังสือ ทั้งหมดน่าจะเป็นเหตุจูงใจ ให้น้องชายก่อเหตุสลดใจขึ้น ส่วนปืนนั้นเป็นปืนของพ่อ
หลังจากตรวจที่เกิดเหตุ ตำรวจได้ส่งศพทั้งสามไปชันสูตรที่ ร.พ.ธรรมศาสตร์รังสิต อย่างไรก็ตามผลการพิสูจน์จากเจ้าหน้าที่วิทยาการถึงการใช้อาวุธปืนที่ยิงพบว่าจากวิถีกระสุนการยิงขมับซ้ายไปทะลุด้านขวา ไม่ใช่จากด้านขวาไปด้านซ้าย และปืนพกที่ใช้ก่อเหตุตกอยู่ด้านขวามือของผู้เสียชีวิต จึงไม่ใช่การยิงตัวตายธรรมชาติ และจากการตรวจสอบฮาร์ดดิสก์ กล้องวงจรปิดภายในบ้าน พบว่านายอัครวัฒน์ เดินไปปิดกล้องวงจรปิด ในวันที่ 8 มีนาคม ก่อนเกิดเหตุ 1 วัน
ด้าน พ.ต.อ.ตระกูล เกียวประเสริฐ ผกก.สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ ขณะนั้นกล่าวว่าคดียิง 3 ศพ พ่อแม่ลูกนั้น จากการตรวจสอบหลักฐานภายในบ้าน ยืนยันว่าเป็นการจัดฉากขึ้นมาให้สมจริง ในวันที่ 10 มีนาคม 2557 จึงได้ไปรวบตัว นายอัควัฒน์ ที่สถาบันนิติเวชธรรมศาสตร์ ขณะไปรอรับศพพ่อแม่น้องพร้อมญาติ ซึ่งจะนำศพไปบำเพ็ญกุศลที่วัดราษฎร์บำรุง ต.ไผ่กองดิน อ.บางปลาม้า จ.สุพรรณบุรี
หลังจากนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายอัครวฒน์ไปยังบ้านที่เกิดเหตุ โดยเมื่อไปถึงได้พานายอัควัฒน์ เข้าไปภายในบ้านหลังดังกล่าว เพื่อตรวจสอบที่เกิดเหตุอย่างละเอียดอีกครั้ง โดยมีเพื่อนๆ ของนายอัครวัฒน์ พร้อมเพื่อนบ้านเกือบ 10 คนอยู่ภายในบริเวณบ้านและหน้าบ้าน พร้อมกับตรวจค้นรถยนต์ยี่ห้อนิสสัน เทียร์น่า หมายเลขทะเบียน ฌอ 5215 กรุงเทพมหานคร และนำเสื้อผ้าบางส่วนที่อยู่ท้ายรถไปตรวจสอบดีเอ็นเอ ก่อนจะพานายอัครวัฒน์ กลับไปที่ สภ.ประตูน้ำจุฬาลงกรณ์ กระทั่งเวลาประมาณหนึ่งทุ่ม เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำตัวนายอัครวัฒน์ ขึ้นรถอีกครั้ง โดยแจ้งเพียงว่า จะนำตัวไปที่ดอนโดที่พักของนายอัครวัฒน์ ในกรุงเทพ แต่จริงๆ แล้วพาไปสอบสวนเพิ่มเติม
หลังจากตำรวจสอบสวนกดดันอย่างหนัก ในที่สุดกลางดึกวันเดียวกัน นายอัครวฒน์ จึงยอมการรับสารภาพว่าเป็นคนฆาตกรรมพ่อแม่ และน้องชาย สาเหตุเพราะถูกกดดันเรื่องการเรียน และไม่พอใจเรื่องก่อนหน้านี้พ่อแม่เคยสัญญาจะซื้อรถยนต์ให้หากสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ แต่พอสอบเข้าได้ก็ไม่มีการซื้อรถให้แต่อย่างใด สำหรับรถยนต์เทียนน่า คันสีดำที่ใช้อยู่ก็เป็นรถของพ่อ จึงวางแผนวางยาในอาหารให้ทั้งสามคนกินจนนอนหลับสนิท แล้วใช้อาวุธปืนจ่อยิงทีละคน เขาให้การว่าวันก่อนวันเกิดเหตุได้วางแผนว่าจะวางยานอนหลับพ่อและแม่ แต่เป็นยานอนหลับชนิดละลายน้ำไม่เป็นผล จึงไปซื้อยานอนหลับชนิดน้ำแต่ขวดยากลับตกแตกอีก
นายอัครวฒน์ สารภาพอีกว่าในวันเกิดเหตุ ตัวเองถูกแม่ทั้งดุและด่าจึงรู้สึกโกรธแค้น วันนั้นเวลาประมาณตีสาม เขาขึ้นไปในชั้น 2 ของบ้านและพบกระเป๋าบรรจุปืนของพ่อวางอยู่ ตั้งใจว่าจะนำปืนไปยิงแม่เพียงคนเดียว แต่กลัวว่าพ่อและน้องชายจะตื่นมาเห็น จึงตัดสินใจยิงทิ้งทั้งหมด แต่หลังก่อเหตุรู้สึกกลัวความผิด จึงนำปืนไปวางที่มือน้องชาย เพื่อโยนความผิดให้น้องชายว่าเป็นผู้ลงมือก่อเหตุ ก่อนที่ตัวเองจะขับรถออกจากบ้านไป และทำทีว่าติดต่อพ่อแม่ไม่ได้ และขอให้ป้ามาช่วยดูที่บ้าน หลังจากนั้นได้ขับรถยนต์ไปรับแฟนสาว เพื่อให้มีพยานยืนยันว่าตัวเองบริสุทธิ์
ขณะที่ พล.ต.ต.มนตรี ยิ้มแย้ม ผบก.ภ.จ.ปทุมธานี ขณะนั้น กล่าวถึงกรณีนายอัควัฒน์ ศรพรหม อายุ 19 ปี ผู้ต้องหาก่อเหตุฆ่า พ่อ แม่ และน้องชายว่า จากที่พนักงานสอบสวนสรุปสำนวนส่งอัยการจังหวัดธัญบุรีเพื่อส่งฟ้องศาลไปเมื่อวันที่ 2 มิ.ย. ล่าสุดวันที่ 22 ต.ค. ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาว่า นายอัควัฒน์ ศรพรหม มีความผิดจริงตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 289(1), (4) ฐานฆ่าบุพการีและผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน ขณะกระทำความผิดจำเลยอายุ 18 ปีเศษ สมควรลดมาตราส่วนโทษให้ 1 ใน 3 ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 36 ประกอบมาตรา 52(1) จำคุกตลอดชีวิต จำเลยให้การรับสารภาพเป็นประโยชน์แก่การพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 78 ประกอบมาตรา 53 คงจำคุก 25 ปี ซึ่งเป็นโทษ 1 ใน 3 เพราะผู้ต้องหาเป็นเยาวชนและสำนึกผิดรับสารภาพ ซึ่งขณะนี้ผู้ต้องหาถูกควบคุมตัวอยู่ที่เรือนจำธัญบุรี
” ขอฝากไปถึงประชาชนทุกท่านว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในคดีนี้ไม่ใช่เป็นปัญหาอาชญากรรมล้วนๆ แต่เป็นปัญหาสังคมที่แสดงให้เห็นว่าครอบครัวซึ่งเป็นหน่วยที่เล็กที่สุดของสังคมอ่อนแอ ฝากถึงพ่อแม่รวมถึงผู้ปกครองให้ดูแลลูกหลาน ให้ความรักความอบอุ่น ให้ความเมตตากรุณา เหตุการณ์เช่นนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น” พล.ต.ต.มนตรี
ข้อมูลจาก คดีดัง คดีสะเทือนขวัญ
และ ขณะนี้ นายเอก ถูกควบคุมตัวอยู่ในความดูแลของเรือนจำธัญบุรี จ.ปทุมธานี รับโทษจำคุก 25 ปี ตามคำพิพากษาเบื้องต้น