หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Team Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน ราคาทองคำ กินอะไรดี
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด !

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

เกือบๆเดือนๆที่ผมไม่ได้เขียนเรื่องราวอะไรในโอเคเนชั่นเพราะติดภาระกิจที่ต้องทำในมหาวิทยาลัย แต่ก็ยังคงติดตามข่าวสารการเลือกตั้งอยู่ไม่ขาดทั้งสื่อสิ่งพิมพ์และสื่ออย่างโอเคเนชั่นอันอบอุ่นแห่งนี้

ผมเห็นหลากหลายนโยบายของหลายพรรคการเมืองแล้วรู้สึกว่าประเทศไทยเราคงจะต้องเตรียมพบกับ “หายนะ”ทางเศรษฐกิจครั้งใหม่ในเร็ววัน ความไม่สัมพันธ์กันระหว่างรายรับกับรายจ่ายของรัฐบาลที่ต้องมาสนองนโยบายขายฝันเพื่อให้เป็นฝ่ายกุมอำนาจรัฐนั้นคือตัวเร่งปฏิกิริยามวลชนที่รอวันจะออกมาเดินตามท้องถนนเพื่อล้มรัฐบาลตามทฤษฎีสองนคราประชาธิปไตย และเป็นตัวที่ทำให้เศรษฐกิจของชาติต้องไปผูกพันธ์กับ “หนี้” ที่เกิดจากการกู้ยืมจากต่างชาติเพื่อมาสนองนโยบายรัฐและทำโครงการประชานิยมให้สำเร็จตามที่ได้หาเสียงไว้

ตลอดเวลาปีกว่านี้ผมเพิ่งจะมาศึกษาเกี่ยวกับประวัติศาสตร์การเมืองไทย รวมทั้งพระราชประวัติและการทรงงานของพระะเจ้าอยู่หัว ซึ่งจะมีความสัมพันธ์ที่เกี่ยวเนื่องกันและถ้ามองดูในภาพรวมแล้วสามารถสรุปออกมาได้เป็นประโยคเดียวคือ…

นักการเมืองยื่นปลา พระราชายื่นเบ็ด”

นักการเมืองยื่นปลา” คือลักษณะการทำงานของนักการเมืองที่มักจะหยิบยื่นและอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนเพื่อให้ได้มาซึ่งคะแนนนิยม “อันเป็นลักษณะธรรมชาติทั่วไปของนักการเมืองทุกชาติทุกภาษา” แต่การยื่นปลานั้นไม่ใช่การสร้างถนน สร้างไฟฟ้า สร้างปะปา หรือสาธารณูปโภค การยื่นปลาที่ว่าหมายถึง “นโยบายประชานิยม” ไม่ว่าจะแจกของ แจกเงิน ขึ้นเงินเดือนค่าแรง สร้างรถไฟฟ้าตามใจนักการเมืองโดยไม่คำนึงถึงปริมาณความจำเป็นที่แท้จริงของประชาชน เป็นต้น

นโยบายประชานิยมเป็นที่น่ารังเกียจของนักวิชาการมาทุกยุคทุกสมัยกลับกลายเป็น “นโยบายหลัก” ในการหาเสียงกับประชาชนในการเลือกตั้งครั้งนี้ การยื่นแต่ปลาให้กับประชาชนคือการสร้างความรวดเร็วในการพัฒนาประเทศและตักตวงซึ่งคะแนนนิยม การหยิบปลาจากแม่น้ำใส่มือประชาชนที่มาขึ้นทุกๆวันนี้ก็คงจะทำให้ “ปลา”หมดไปจากแม่น้ำในเร็ววัน เพราะเท่าที่ผมสังเกตดูแล้วรัฐบาลหลายรัฐบาลไม่ได้ใส่ใจที่จะเพาะพันธุ์ปลา แต่คิดจะตักปลาในแม่น้ำใส่มือประชาชนอย่างเดียว ซึ่งแตกต่างกับวิถีการทรงงานของพระราชาที่ทรงเพียรทำมาโดยตลอดหกสิบกว่าปี อันเป็นที่มาของคำว่า “พระราชายื่นเบ็ด”

พระราชายื่นเบ็ด” คือลักษณะการทรงงานของในหลวงคือ “ยื่นเบ็ดตกปลา” ให้ประชาชนแล้วสอนว่าต้องตกปลาอย่างไร ลักษณะการทรงงานแบบนี้ต้องใช้เวลา เห็นผลช้า และประชาชนไม่นิยม อีกทั้งไม่เป็นที่ใส่ใจและน้อมนำมาปฏิบัติอย่างจริงจังจากรัฐบาลทุกยุคทุกสมัย ลักษณะงานแบบพระราชายื่นเบ็ดนี้ยังเป็นการ “ถนอม”ทรัพยากรธรรมชาติ ทรัพยากรบุคคล รวมทั้งงบประมาณแผ่นดินได้อย่างมหาศาล สังเกตได้จากลักษณะโดยทั่วไปของโครงการตามพระราชดำริของในหลวงซึ่งจะเป็นโครงการที่อยู่ภายใต้งบประมาณที่จำกัด แต่กลับได้ผลเกินคาด ซึ่งเราจะหาโครงการแบบนี้ตามโครงการของรัฐบาลไม่ได้สักโครงการเดียว

พระราชายื่นเบ็ด” นี้ต้องอาศัยความต่อเนื่องของการติดตามโครงการกินเวลานาน โครงการตามพระราชดำริ(ด้านการเกษตร-ปศุสัตว์)บางโครงการต้องใช้เวลาเป็นสิบปีเพื่อพิสูจน์ความเป็นจริงตามพระราชดำรัสที่ทรงให้ไว้ตั้งแต่เริ่มโครงการ ประชาชนหลายๆแห่งแม้อยู่ต่อหน้าพระพักตร์รับทุกอย่าง แต่เมื่อลงมือปฏิบัติจริงกลับเกิดคำถามในใจ “จะสำเร็จจริงหรือ” ซึ่งพระเจ้าอยู่หัวทรงเข้าใจในความคิดนี้ของประชาชน ทรงเน้นย้ำให้ข้าราชการและหน่วยงานที่รับผิดชอบต้องติดตามผลและรายงานผลให้พระองค์รับทราบตลอดเวลา จนกระทั่งผ่านไปหลายปีเมื่อโครงการตามพระราชดำริสำเร็จ ประชาชนที่เคยคิดว่า “จะสำเร็จจริงหรือ” ก็กลับกลายเป็น “น้ำตาของความดีใจ” ทันทีที่หวนนึกถึงและรู้สึกดีที่อดทนพิสูจน์พระราชกระแสรับสั่งที่เคยให้ไว้เมื่อหลายปีก่อน

แต่การทำงานของ “รัฐบาล” นั้นมีเวลาจำกัด และต้องอยู่ในสถานะที่ได้รับความนิยมจากประชาชนโดยตลอด ทำให้ลักษณะการทำงานออกมาในแนวทางของการ “ยื่นปลา” ซึ่งรวดเร็ว และประชาชนก็ชื่นชอบ ไม่ต้องรอเป็นสิบๆปี แต่กระนั้น “ความไม่ยั่งยืน” ก็จะถามหาภาคประชาชน ความไม่ยั่งยืนที่ว่าพร้อมทำลาย “รากฐาน” ของประเทศไทย นั่นคือ “เกษตรกรรม” ได้อย่างรวดเร็ว เพราะเท่าที่ผมสังเกตมาในช่วงเวลาหลายปีที่ผ่านมาแทบจะไม่มีรัฐบาลไหนที่ให้ความสำคัญกับ “น้ำมันบนดิน” หรือภาคการเกษตรซึ่งเป็นรากฐานของประเทศไทยมาตั้งแต่ยังเป็นกรุงศรีอยุธยา

พระเจ้าอยู่หัวทรงให้ความสำคัญของ “เกษตรกรรม” ไทยมากเป็นพิเศษ เพราะทรงเข้าใจพื้นหลังและสภาพความเป็นจริงของชนชาติไทย และภูมิประเทศที่เอื้อกับการเกษตรมากกว่าอุตสาหกรรม โครงการตามพระราชดำริส่วนใหญ่จึงเป็นโครงการพัฒนาลุ่มน้ำ กักเก็บแหล่งน้ำเพื่อการเกษตร และเป็นโครงการส่งเสริมด้านการเกษตร ซึ่งน่าเสียดายที่รัฐบาลไทยหลายสมัยไม่ได้ใส่ใจเรื่องนี้เท่าที่ควร ประชาชนส่วนใหญ่ที่เคยทำงานด้านการเกษตรก็ทิ้งเรือสวนไร่นาไปอยู่โรงงานอุตสาหกรรม ธุรกิจการเกษตรก็ตกไปอยู่ในอุ้งมือนายทุนใหญ่ไม่กี่ราย ซึ่งเขาสามารถกำหนดราคาสินค้าในตลาด ควบคุมการกินของคนไทยได้สำเร็จ

หลายคนอาจมองว่าดี แต่สำหรับผมแล้วการผูกขาดการค้าโดยนายทุนไม่เคยมีคำว่าดีสักนิด พระเจ้าอยู่หัวทรงส่งเสริม “สหกรณ์ชุมชน” เพราะเป็นสิ่งที่จะทำให้ประชาชนลืมตาอ้าปากและสร้างความแข็งแกร่งให้กับชุมชนโดยไม่ต้องพึ่งพานายทุน แต่ปัจจุบันสหกรณ์ชุมนุมกลายเป็นเพียงทฤษฎีในตำรา ที่ประสบความสำเร็จก็จะต้องใช้เวลาหลายปี อีกทั้งการไม่ได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐในเรื่องความรู้ความเข้าใจ จึงทำให้ “นายทุนการเกษตร” เข้ามาครอบครองส่วนแบ่งการตลาดจากสหกรณ์ของประชาชนไปเกือบร้อยเปอร์เซ็นต์

โดยที่นายทุนนั้นก็อิงแอบกับภาคการเมืองเพื่อให้ “เดินสะดวก” ในการทำธุรกิจ มันจึงกลายเป็นวัฏจักรที่จะนำพาประเทศไทยไปสู่หายนะในไม่ช้า

และทันทีที่บ้านเมืองเกิดหายนะทางเศรษฐกิจรวมทั้งความเชื่อมั่นของคนในชาติที่ลดลงกับการเมืองก็จะหันไปมอง “เบ็ดตกปลา” ของพระเจ้าอยู่หัวอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้ตัวและสำนึกตัวว่า “สายไปเสียแล้ว” ที่เราจะไปหยิบเบ็ดตกปลานั้นมาใช้ !!

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
VOTED: จิ๊บจิ๊บ, Tabebuia, amee18, หล่อลงเบื้อย, ทะเล้น, แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ, เด็กชายสมปองปรีดา, zerotype
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
พ่อแม่ต้องใจแข็ง! 2 เรื่องที่ลูก ‘ขอแล้วห้ามให้’ ไม่อย่างนั้นน้ำตาอาจเช็ดหัวเข่าตอนบั้นปลายชีวิตจากปลาคนจน สู่ ‘โสมแห่งสายน้ำ’ เนื้อหวานเหมือนใส่ชูรส ราคาพุ่งแรงจนต้องอึ้งของเก่าดีอยู่แล้ว? พรบ.เหล้าใหม่ทำสังคมสับสน ผู้เชี่ยวชาญเตือนอย่าปล่อยนายทุนกำหนดทิศทางประเทศ!เขมร ดัดแปลงปราสาทพระวิหาร ให้กลายเป็นสนามรบเต็มตัว มีทั้งการติดตั้งอุปกรณ์ทางทหาร กล้องตรวจการณ์ ระบบแอนตี้โดรน รวมถึงโครงสร้างต่าง ๆ ที่ดูไม่เหมาะสมกับสถานที่ซึ่งควรได้รับการอนุรักษ์แถลงขออภัยครั้งที่สอง: Index Creative Village น้อมรับผิดพลาดระบบเสียงพิธีเปิดซีเกมส์ 2025 กระทบ 3 ศิลปินดังมติ "สั่งด่วน" จาก กสทช. : ซีเกมส์ต้องฟรีทีวีทุกแพลตฟอร์ม ยุติการผูกขาดเพื่อสิทธิการเข้าถึงของประชาชนผักดอง ผักกระป๋อง ของรักสายเฮลตี้ ที่ทำไตพังแบบเงียบๆ6 อาหารเพิ่มความ "ฟิตปั๋ง" สำหรับคุณผู้ชาย สู้มือ เลือดไหลเวียนสูบฉีดวงการหนัง A\/ ญี่ปุ่น คึกคัก ค่ายชั้นนำในวงการ เปิดตัวนางเองหน้าใหม่ สวยสะกดทุกสายตา เหล่าแฟนคลับนำไปเปรียบเทียบเป็น มิยาบิ คนใหม่ในวงการAI วิเคราะห์เลขท้าย 2 ตัว งวดวันที่ 16 ธันวาคม 68..โดยใช้สถิติย้อนหลัง 20 ปี"รัฐมนตรีเขมร" สตอว์ อ้างไทยยิง รพ.ประจำอำเภอสำปาวลุน เพจดังชี้ "กระสุนปืนใหญ่" เหมือนแค่เอามาวาง"นุ่น วรนุช" เปิดใจฟ้องหมอดูดัง 20 ล้านบาท ยันชีวิตก้าวหน้าด้วยความพยายาม ไม่ได้พึ่งพาดวงเพียงอย่างเดียว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
ซีเกมส์ไทยจัดเงียบ..มีแต่ดราม่านักวิจัยต่างประเทศฟันธง! ผู้นำไทย–กัมพูชาเล่นการเมืองบน ‘กลิ่นควันปืน’ ชี้เป็นสงครามที่โง่ที่สุด—ประชาชนสองฝั่งเจ็บตัวฟรีเขมรส่งทหารรับจ้างต่างชาติ เข้าสู่พื้นที่ชายแดน ทำหน้าที่ช่วยบินโดรนพลีชีพร่วมกับทหารเขมร เหมือนเหตุการณ์ปะทะครั้งแรกมติ "สั่งด่วน" จาก กสทช. : ซีเกมส์ต้องฟรีทีวีทุกแพลตฟอร์ม ยุติการผูกขาดเพื่อสิทธิการเข้าถึงของประชาชนแถลงขออภัยครั้งที่สอง: Index Creative Village น้อมรับผิดพลาดระบบเสียงพิธีเปิดซีเกมส์ 2025 กระทบ 3 ศิลปินดังแม่อเมริกันคลอดลูกในแท็กซี่ไร้คนขับอย่างปลอดภัยกลางเทคโนโลยี
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
ความคารวะและความอ่อนน้อมถ่อมต่นในฐานะ "สุขทิฏฐวิหารธรรม" (เอไอ รวบรวมและเรียบเรียง)สามชั่วโมงแห่งความหวัง… และอ้อมกอดที่ช่วยชีวิตม้าได้ทั้งตัวและหัวใจความเชื่อที่ว่า ถ้าคุณไม่ขยับตัวใต้น้ำ ฉลามจะไม่เล่นงานคุณ มันอาจจะไม่ใช่เสมอไปน๊า.....ทึ่งทั่วโลก : "Factory Butte" ภูเขาที่มีรูปร่างแปลกตา และมีเอกลักษณ์ ตั้งอยู่ใน Wayne County รัฐยูทาห์ ประเทศสหรัฐอเมริกา
ตั้งกระทู้ใหม่