ด่วน 10 เดือนปี 59 บ้านเปิดใหม่ 87,165 หน่วย คาดทั้งปีลงทุน -16%
ดัชนีสำคัญที่สุดของตลาดที่อยู่อาศัยก็คือ การเปิดตัวโครงการใหม่ ดร.โสภณ เปิดหมดเปลือกโครงการเปิดใหม่ปีนี้ ชะลอตัวลง ทุกฝ่ายพึงสังวรเพราะกำลังซื้อลดลงนั่นเอง
ตารางโครงการอสังหาริมทรัพย์เปิดตัวใหม่ในปี 2559 (มกราคม-ตุลาคม) แยกตามระดับราคา
https://thaisocialwork.files.wordpress.com/2016/11/59-432.jpg
จากผลการสำรวจภาคสนามอย่างต่อเนื่องแต่เพียงแห่งเดียวในประเทศไทย โดย ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย บจก. เอเจนซี่ ฟอร์ เรียลเอสเตท แอฟแฟร์ส (www.area.co.th) พบว่า ในรอบ 10 เดือนที่ผ่านมา มีโครงการอสังหาริมทรัพย์เปิดใหม่ รวมจำนวน 87,238 หน่วย เฉพาะที่อยู่อาศัยมี 87,165 หน่วย สินค้าที่เปิดขึ้นมาก เป็นในช่วงหลังคือในเดือนกันยายน-ตุลาคม 2559 โดยก่อนหน้านั้นเปิดตัวน้อยมากเลย
ที่น่าสนใจเป็นอย่างยิ่งก็คือ 54% ของอสังหาริมทรัพย์ที่เปิดตัวเป็นห้องชุดถึง 47,357 หน่วย รองลงมาคือทาวน์เฮาส์ 23,216 หน่วย (27%) และจึงเป็นบ้านเดี่ยว 9,812 หน่วยหรือ 11% กรณีนี้แตกต่างกับเชียงใหม่ที่ตลาดส่วนใหญ่ถึงราว 55% เป็นบ้านเดี่ยว ส่วนนกรณีพัทยา ฝั่งตะวันตกของถนนสุขุมวิท สินค้าส่วนใหญ่ราว 70% เป็นห้องชุด และหากเป็นนครโฮจิมินห์ซิตี้ สินค้าถึง 95% เป็นห้องชุด เพราะที่ดินมีจำกัดกว่า
เมื่อพิจารณาถึงสินค้าที่เปิดขายมากที่สุดตามระดับราคาก็คือ บ้านราคา 1-2 ล้านบาท โดยมี 27,475 หน่วย หรือ 32% รองลงมาเป็นบ้านราคา 2-3 ล้านบาท และ 3-5 ล้านบาท บ้านที่เกิน 10 ล้านบาท มีเพียง 708 หน่วย หรือ 3% เท่านั้น แต่ในแง่มูลค่ารวมกันถึง 17% เลยทีเดียว แสดงว่าบ้านระดับบนนั้นเป็นสินค้าที่มีมูลค่าสูงมาก โดยส่วนมากเป็นห้องชุด (354 หน่วย) และบ้านเดี่ยว (297 หน่วย)
เมื่อเจาะลึกลงไปยังประเภทและระดับราคาจะพบว่า ห้องชุดราคา 1-2 ล้านบาท มีอยู่ 17,505 หน่วย ถือว่ามากที่สุด อาจกล่าวได้ว่าบ้านเดี่ยวมักเปิดขายในราคา 5-10 ล้าน บ้านแฝดมักขายในราคา 3-5 ล้านบาท ทาวน์เฮาส์ มักขายในราคา 2-3 ล้านบาท สินค้ายังเน้นกลุ่มระดับราคาปานกลางค่อนข้างน้อย แต่ในภาวะขณะนี้ กำลังซื้อตกต่ำลง ทำให้การซื้อขายไม่ไม่ได้คล่องเช่นเดิม
ในเดือนแรกของการเปิดตัวพบว่า ขายได้ราว 19% ของทั้งหมด ซึ่งนับว่าลดลงจากปีก่อนที่เฉลี่ยที่ 30% แสดงว่าสภาพคล่องในการขายได้น้อยลง ถ้าพิจารณาในรายละเอียดจะพบว่าในเดือนแรก บ้านเดี่ยวขายได้ 11% ทาวน์เฮาส์ขายได้ 26% และห้องชุดมักจะขายได้ถึง 49% นี่อาจถือเป็น "ขีดคั่น" มาตรฐาน หากขายได้ต่ำกว่านี้ ก็ควรปรับปรุงผลิตภัณฑ์ หรือหากขายได้ในอัตราที่สูงกว่านี้ ก็นับว่าจะดีมาก
ตารางจำนวนที่อยู่อาศัยและมูลค่าการพัฒนาแยกตามระดับราคา ปี 2558 และ 2559
https://thaisocialwork.files.wordpress.com/2016/11/59-432-2.jpg
เมื่อนำตัวเลข 10 เดือนมาประมาณการเป็นในรอบ 1 ปี จะพบว่า จำนวนหน่วยขายในปี 2559 จะลดลงกว่าปี 2558 อยู่ 4% จาก 107,990 หน่วย เหลือ 103,165 หน่วย ทั้งนี้นับแต่ปีที่มีตัวเลขสูงสุดในปี 2556 ก็ลดต่ำลงมาโดยตลอด ส่วนมูลค่าการพัฒนาในปี 2559 น่าจะเป็นเงินรวม 363,812 ล้านบาท ลดลงจากปี 2558 ถึง 16% เลยทีเดียว การลงทุนในโครงการที่อยู่อาศัยมีแนวโน้มลดลงโดยเฉพาะสินค้าราคาแพง (ตั้งแต่ 10 ล้านบาทขึ้นไป)
โดยที่จำนวนหน่วยขายในระดับราคาไม่เกิน 5 ล้านบาท ยังลดลงไม่มาก แสดงว่าเศรษฐกิจอาจกำลังปรับตัวค่อย ๆ ดีขึ้น หากไม่มีเหตุร้ายใด ๆ ในปี 2560 และ 2561 ตลาดอสังหาริมทรัพย์คงจะค่อย ๆ ฟื้นตัวได้ ในปัจจุบัน ราคาค่าก่อสร้างก็ไม่ได้เพิ่ม ดอกเบี้ยก็ไม่ได้ขึ้น ราคาน้ำมันก็ไม่ได้ขึ้น แสดงให้เห็นถึงปัจจัยบวกในทางหนึ่ง หากเศรษฐกิจได้รับการพัฒนาให้ดีขึ้นได้จริง ตลาดอสังหาริมทรัพย์ไทยคงค่อย ๆ ฟื้นตัว
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1668.htm