ตามรอยประวัติศาสตร์ 5 วัง 5 แผ่นดิน
ชวนไปชม 5 วังกลางกรุง ที่งดงามข้ามกาลเวลามาถึง 5 แผ่นดิน อนาคตอันรุ่งโรจน์ของเรานั้นย่อมมาจากความเข้าใจอดีตอย่างถ่องแท้ ทริปนี้จึงอาจสร้างแรงบันดาลใจชั้นดีชนิดที่คุณคาดไม่ถึง และก่อนออกเดินทางอย่าลืมเช็กการแต่งกายให้เรียบร้อย สำรวม ไม่อย่างนั้นหากไม่เหมาะสมจะเข้าวังไม่ได้นะ
ออกแบบโดย นายมาริโอ ตามาโญ (Mario Tamagno) สถาปนิกชาวอิตาลี ผู้ออกแบบพระที่นั่งเทวราชสภารมย์
คอกาแฟทั้งหลายคงเคยได้ไปลิ้มรสกาแฟหอมกรุ่นจากร้านกาแฟนรสิงห์ ณ พระราชวังพญาไทกันมาแล้วแน่นอน ใช้โอกาสนี้เยี่ยมชมพระตําหนักต่างๆที่งดงามน่าทึ่ง แรกเริ่มนั้น “พระตําหนักพญาไท” สร้างเมื่อพ.ศ.2452 ในรัชกาลที่ 5 เพื่อใช้เป็นที่ประทับขณะแปรพระราชฐานและทดลองทํานาปลูกพืชไร่ เลี้ยงไก่ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 เป็นที่ประทับของสมเด็จพระศรีพัชรินทราบรมราชินีนาถจนกระทั่งเสด็จสวรรคตในปี 2462 พระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระราชดําริให้สร้างพระราชมณเฑียรสถานขึ้นใหม่เพื่อเป็นที่ประทับในวังพญาไท และโปรดเกล้าฯให้สถาปนาขึ้นเป็นพระราชวังพญาไท นอกจากนี้ ด้านหลังของหมู่พระที่นั่งยังเคยเป็นที่ตั้งของดุสิตธานี หรือเมืองประชาธิปไตยย่อส่วน จําลองขึ้นเพื่อทดลองการปกครองระบอบประชาธิปไตย ซึ่งปัจจุบันไม่มีเหลือให้เห็นแล้ว
จากวันนั้นถึงวันนี้พระราชวังพญาไทได้แปรเปลี่ยนไปหลายสถานะ จากโฮเต็ลพญาไทในสมัยรัชกาลที่ 7 ไปจนถึงโรงพยาบาลทหารเมื่อครั้งเปลี่ยนแปลงการปกครอง จนกระทั่งปัจจุบันชมรมคนรักวังและมูลนิธิอนุรักษ์พระราชวังพญาไทได้เข้ามาดูแลให้พระราชวังพญาไทกลายเป็นพิพิธภัณฑ์ถาวรสําหรับประชาชนทั่วไปได้เข้าชมกัน
ที่อยู่ : ถนนราชวิถี เขตราชเทวี กรุงเทพฯ พระราชวังพญาไทอยู่ภายในโรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า ถนนราชวิถี สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้า BTS ลงที่สถานีอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ แล้วเดินต่ออีกนิดไปตามถนนราชวิถี
เวลาทำการ : วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 9.00น.-16.00น. มีวิทยากรนําชมวันละ 2 รอบ คือ เวลา 9.30 น.และ 13.00 น.
บัตรผ่านประตู : ไม่เสียค่าใช้จ่าย
การถ่ายภาพ : ถ่ายภาพได้เฉพาะภายนอก
ติดต่อ : โทร.0-2354-7987, 0-2354-7732 www.phyathaipalace.org
พระที่นั่งวิมานเมฆ | อิทธิพลการก่อสร้างสไตล์วิกตอเรีย
ออกแบบโดย สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์
หลายคนอาจได้มีโอกาสไปเยี่ยมเยือนพระที่นั่งวิมานเมฆมาแล้วเมื่อครั้งยังเยาว์ แต่เรายังอยากชวนไปทบทวนกันอีกคร้ังว่า คุณยังจําความงดงามของพระที่นั่งไม้สักทองที่ใหญ่ท่ีสุดในโลกองค์นี้ ได้แค่ไหน
พระที่นั่งวิมานเมฆเป็นพระที่นั่งถาวรองค์แรกภายในพระราชวังดุสิต โดยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวมีพระบรมราชโองการให้รื้อพระที่นั่งมันธาตุรัตนโรจน์จากพระจุฑาธุชราชฐาน ณ เกาะสีชัง มาปลูกสร้างข้ึนใหม่บนพื้นท่ีบริเวณคลองผดุงกรุงเกษมจรดคลองสามเสนในปี พ.ศ. 2444 พระที่นั่งนี้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวและเจ้านายฝ่ายในหลายพระองค์ จวบจนสิ้นรัชกาลที่ 6 พระที่นั่งก็ถูกปิดร้างและทรุดโทรมลงตามกาลเวลา จนกระทั่งเมื่อปีพ.ศ.2525 ซึ่งเป็นปีฉลองกรุงรัตนโกสินทร์ครบ 200 ปี สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ทรงขอพระบรมราชานุญาตซ่อมแซมพระท่ีนั่งวิมานเมฆเพื่อจัดเป็นพิพิธภัณฑ์เฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และเปิดให้คนรุ่นหลังได้เข้าชมเพื่อเรียนรู้มรดกของชาติสืบไป
วังสวนผักกาด | เรือนไทยโบราณ
เยี่ยมชมวังแบบฝรั่งมาหลายแห่ง ลองมาดื่มด่ำกับความงามของเรือนไทยโบราณกลางกรุงบนถนนศรีอยุธยากันบ้าง ผืนดินแห่งนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นสวนผักกาดของคนจีน จวบจน พ.ศ.2495 ช่วง ปลายสงครามมหาเอเชียบูรพา พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าจุมภฏพงษ์บริพัตร กรมหมื่นนครสวรรค์ศักดิพินิต (พระโอรสในทูลกระหม่อมบริพัตรฯ เจ้าของวังบางขุนพรหม) โปรดให้รื้อเรือนไทยอายุเก่าแก่กว่าร้อยปีของบิดาท่านย่าทวดจากอัมพวามาปลูกเป็นที่ประทับ พระองค์ทรงเริ่มสะสมและตกแต่งเรือนไทยด้วยวัตถุโบราณ บางชิ้นเป็นมรดกตกทอดจากพระบิดา บางชิ้นก็ซื้อหามาเพิ่มเติมจากต่างประเทศ หลังจากสิ้นพระชนม์เมื่อ พ.ศ.2502 พระชายา หม่อมราชวงศ์พันธุ์ทิพย์ บริพัตร ได้มอบวังสวนผักกาด ให้อยู่ในความดูแลของมูลนิธิจุมภฏ-พันธุ์ทิพย์ ซึ่งเป็นองค์กรการกุศลที่ส่งเสริมด้านการศึกษาและการอนุรักษ์ด้านศิลปวัฒนธรรม และเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์วังสวนผักกาดต้ังแต่นั้นมา
ที่อยู่ : ถนนศรีอยุธยา เขตราชเทวี กรุงเทพฯ สามารถเดินทางด้วยรถไฟฟ้าBTS ลงที่สถานีพญาไท ทางออก4 แล้วเดินต่ออีกนิดไปตามถนนศรีอยุธยา
เวลาทำการ : ทุกวัน 9.00 น.- 16.00 น.
บัตรผ่านประตู : นักเรียน นักศึกษา 20 บาท คนไทย 50 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
การถ่ายภาพ : ถ่ายภาพได้เฉพาะภายนอก
ติดต่อ : โทร.0-2245-4934 www.suanpakkad.com
วังวรดิศ | สถาปัตยกรรมตะวันตกผสมผสานกลิ่นอายเยอรมัน
ออกแบบโดย คาร์ล ซีกฟรีด เดอริง (Karl Siegfried Döhring) สถาปนิกชาวเยอรมัน ผู้ออกแบบวังบางขุนพรหมและพระรามราชนิเวศน์ (พระราชวังบ้านปืน) จังหวัดเพชรบุรี
ท่ามกลางความจอแจคับคั่งของการจราจรบนถนนหลานหลวง วังวรดิศตั้งตระหง่านอย่างสง่างามท่ามกลางความร่มรื่นของพรรณไม้มากว่าหนึ่งศตวรรษ วังนี้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ “พระบิดาแห่งประวัติศาสตร์ และโบราณคดี” ต้นราชสกุล “ดิศกุล” สร้างขึ้นเมื่อพ.ศ.2454 บนที่ดินของเจ้าจอมมารดาชุ่ม พระมารดาของพระองค์ เพื่อทดแทนวังเก่าบนถนนเจริญกรุงที่คับแคบ วังนี้สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนมาแล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 6 สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพประทับที่วังนี้จวบจนสิ้นพระชนม์เมื่อ วันที่ 1 ธันวาคม พ.ศ.2486 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่สอง
ต่อมา วังวรดิศได้รับการอนุรักษ์โดยพลตรี หม่อมราชวงศ์ สังขดิศ ดิศกุล พระนัดดา เพื่อเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคลที่จัดแสดงให้เห็นการดําเนินชีวิตของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดํารงราชานุภาพ เมื่อสมัยที่พระองค์ยังมีพระชนมชีพอยู่ โดยได้รับรางวัลอนุรักษ์ดีเด่นจากสสมาคมสถาปนิกสยามฯ เมื่อ พ.ศ. 2527
ที่อยู่ : ถนนหลานหลวง แขวงคลองมหานาค เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯ
เวลาทำการ : วันและเวลาราชการ ส่วนหอสมุดฯ วันจันทร์-ศุกร์ 8.30 น.- 16.30 น.
บัตรผ่านประตู : ไม่คิดค่าเข้าชม แต่เนื่องจากเป็นพิพิธภัณฑ์ส่วนบุคคล จึงต้องเข้าชมเป็นหมู่คณะ พร้อมทําหนังสือแจ้งล่วงหน้า
การถ่ายภาพ : ถ่ายภาพได้เฉพาะภายนอก
ติดต่อ : โทร. 08-1689-3994
วังบางขุนพรหม | อิทธิพลจากสถาปัตยกรรมแบบบาโรกและโรโกโก
ตําหนักใหญ่ ออกแบบโดยนายมาริโอ ตามาโญ (Mario Tamagno) สถาปนิกชาวอิตาลี
ตําหนักสมเด็จซึ่งสร้างขึ้นภายหลัง ออกแบบโดยคาร์ล ซีกฟรีด เดอริง (Karl Siegfried Döhring) สถาปนิกชาวเยอรมัน
จากสะพานพระรามแปด หากมองมายังฝั่งพระนคร เราจะพบกับ “วังบางขุนพรหม” โดดเด่นเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ําเจ้าพระยา เมื่อหนึ่งร้อยกว่าปีก่อน วังแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ เจ้าฟ้าบริพัตรสุขุมพันธุ์ กรมพระนครสวรรค์วรพินิต ต้นราชสกุล “บริพัตร” พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าสุขุมาลมารศรี พระอัครราชเทวี
นับตั้งแต่สร้างแล้วเสร็จในปีพ.ศ.2449 ความโอ่โถงสง่างามของวังบางขุนพรหมทําให้สถานที่แห่งนี้ถูกใช้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง และเป็นสถานที่จัดงานสังสรรค์ของพระบรมวงศานุวงศ์อยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ยังเป็นสถานที่ให้ครูชาวต่างประเทศใช้จัดสอนวิชาต่างๆ ให้พระธิดาและเจ้านายฝ่ายในของวังอื่นๆ ในสมัยรัชกาลที่ 5 จนมีชื่อเรียกกันในสมัยนั้นว่า “บางขุนพรหมยูนิเวอร์ซิตี้” ภายหลังการเปลี่ยนแปลงการปกครอง ทูลกระหม่อมบริพัตรได้ย้ายออกจากวังบางขุนพรหม เสด็จไปประทับอยู่ที่ตําหนักประเสบัน เกาะชวา ประเทศอินโดนีเซีย อย่างกะทันหัน และประทับอยู่ที่นั่นจนสิ้นพระชนม์ ปัจจุบันจาก “บางขุนพรหมยูนิเวอร์ซิตี้” ได้กลายเป็นพิพิธภัณฑ์ธนาคารแห่งประเทศไทย