อเล็กซานเดอร์ กษัตริย์ที่แย่มาก!
ผู้คนมากมายชื่นชม ชื่นชอบกษัตริย์นี้ ผมกลัวว่าคนจะหลงมองด้านเดียวแบบผิดๆ ผมจึงขอมองต่างมุมว่าเขาไม่ใช่กษัตริย์ที่ดี ไม่พึงยกย่องหรือเอาเป็นเยี่ยงอย่าง
หลายคนเรียกเขาว่าพระเจ้าอเล็กซานเดอร์มหาราชในฐานะผู้พิชิตไปค่อนโลก บ้างก็ว่าพิชิตจนไม่เหลือแผ่นดินให้พิชิต!?! เป็นกษัตริย์รูปหล่อ (แต่สาวๆ อาจอกหักเพราะเขาน่าจะเป็นเกย์) เป็นกษัตริย์นักรบที่ห้าวหาญ ผมไปเห็นเพอร์ซีโพลิสซึ่งเป็นมหานครที่เขาพิชิต และทำลายทั้งที่ยึดได้แล้ว ผมจึงลองค้นหาข้อมูลเพิ่มเติม (เช่นจาก http://goo.gl/ZMUoTb) เรามาดูในอีกแง่มุมหนึ่งบ้าง จะได้ไม่ยกย่องคนผิด!
1. เขามีครูหลายคน ๆ หนึ่งคือศิษย์ของเพลโตและอีกคนคืออริสโตเติล มหาปราชญ์ของโลก แต่เขาไม่ได้แสดงออกทางปัญญาสร้างสรรค์โลกอย่างมีนัยสำคัญเลย บ้างอาจบอกว่าการรบพุ่งของเขาเป็นการเผยแพร่อารยธรรมกรีกไปทั่ว แต่เราก็สามารถเผยแพร่โดยวิธีไม่ทำลายได้ โดยวิธีการค้าที่ทำกันอยู่แล้ว เช่น กรณีเส้นทางสายไหม เป็นต้น
2. การที่เขาสามารถปราบม้าพยศในขณะอายุ 10 ปี จนพ่อเขาบอกว่านครรัฐของพ่อคงเล็กไปสำหรับเขาเสียแล้ว แสดงให้เห็นว่ากษัตริย์ในสมัยก่อนชมชอบการปล้นชิงอำนาจ สร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชน ไม่ต่างไปจากเจ้าพ่อ ผู้มีอิทธิพล หรือหมู่โจรที่สร้างอำนาจจากคมหอกคมดาบ กดขี่ข่มเหงเมืองอิ่นๆ
3. เรื่องวีรกรรมขี่ม้าบุกเดี่ยวไปพุ่งหอกใส่กษัตริย์เปอร์เซียนั้น ก็คงเป็นเพราะขณะนั้นยังเป็นหนุ่มแน่น อายุแค่ 23 ปี กำลังห้าว ประกอบกันทั้งเก่งและเฮง เพราะถ้ามีแต่ความเก่ง แต่ไม่เฮง ก็คงม้วยไปแล้ว
4. สิ่งชั่วร้ายประการหนึ่งก็คือการเผาทำลายเพอร์ซีโพลิส (http://goo.gl/KvMOEN) และปล้นชิงสมบัติกลับบ้านเมืองตนโดยใช้อูฐและล่อถึง 6,000 ตัวในการขนทรัพย์สินที่ปล้นไปจากวังและชาวเมือง (https://goo.gl/Hdzi2i) เขาจึงเป็นนักทำลายมากกว่าผู้สร้างสรรค์ การปล้นชิงฆ่าเผานี้เกิดจากการแก้แค้นที่เปอร์เซียเคยไปทำกับกรีก วัฒนธรรมชั่วร้ายเช่นนี้มีในหมู่กษ้ตริย์โบราณจนสร้างความเดือดร้อนแก่ประชาชนอย่างแสนสาหัส
5. การที่อเล็กซานเดอร์ไปคารวะหลุมศพของกษัตริย์ไซรัสแห่งเปอร์เซีย (http://goo.gl/1QBzfD) ผู้ซึ่งมีอายุก่อนเขา 200 ปีและเป็นวีรบุรุษในใจของเขานั้น และสั่งห้ามทำลายพื้นที่นั้น ก็เป็นเพียงการเกาะกระแส เขาไม่ได้รับสิ่งดีๆ จากไซรัสที่มีเมียคนเดียว ไม่ชอบความหรูหรา ให้เสรีภาพในการนับถือศาสนา ไม่เน้นการรบพุ่งเพื่อขยายอาณาจักร และให้ความสำคัญต่อสิทธิมนุษยชนเลย
6. การที่ว่าเขาชนะไปทั่วจนไม่มีแผ่นดินให้พิชิตแล้ว ไม่จริง เป็นการยกย่องด้วยความเขลาเพราะสมัยนั้นมีนครรัฐทั้งในจีน และสุวรรณภูมิแล้ว สิ่งที่ทำให้เขาชนะคือทีมงานหรือเหล่าทหารหาญของเขาต่างหาก จนเมื่อทหารเหล่านั้นแข็งข้อไม่ยอมรบต่อไปตามความบ้าไม่เลิกของเขา เขาก็ต้องยอมเดินทางกลับ
7. ในวาระสุดท้าย ทหารใกล้ชิดคนหนึ่งของเขาตาย เขากอดศพไว้ถึง 2 วัน ถึงขนาดเอาแต่กินเหล้าอีกหลายวัน และต่อมาป่วยจนเสียชีวิต (บ้างก็ว่าถูกลอบวางยาพิษยามอ่อนแอ) นั้น เป็นการคิดที่ไร้เหตุผลสิ้นดี ตอนที่เหล่าทหารขัดใจเขา จนเขาต้องเสียฟอร์มยกทัพกลับ หรือตอนพ่อแม่เขาตาย ก็ไม่ปรากฏว่าเขาเสียใจปานนี้ เรื่องนี้จึงมีผู้ตั้งข้อสังเกตว่าทหารคนนี้คงเป็นคู่เกย์ของเขา แต่ที่สำคัญก็คือกรณีนี้ชี้ให้เห็นว่าตลอดชีวิตของเขาๆ รบเพื่อตัวเอง ไม่คิดจะทำเพื่ออาณาประชาราษฎร์
เขาจึงไม่น่าจะเป็นกษัตริย์ที่พึงยกย่องหรือถือเป็นเยี่ยงอย่างแก่มนุษยชาติ เขาเห็นชีวิตของประชาชนและทหารหาญ เป็นเพียงเครื่องมือสนองตัณหาของตน เราไม่ควรสอนอนุชนให้นิยมในกษัตริย์ที่ใช้ความรุนแรง (ปล้นชิงฆ่าเผา) ถ้าหากในสมัยนั้น เขาเป็นกษัตริย์ที่ดี ก็คงเป็นบุญของมนุษยชาติ ทรัพยากรคงมีเหลือเฟือไว้บำรุงบ้านเมือง ศิลปะวิทยาการอาจรุ่งเรืองกว่านี้เป็นแน่
อย่ายกย่องคนที่ทำเพื่อตนเองโดยเห็นประชาชนเป็นแค่หญ้าแพรกที่แหลกลาญเพราะการชิงอำนาจ
ที่มา: http://www.area.co.th/thai/area_announce/area_press.php?strquey=press_announcement1635.htm