หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
News บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

มะกันต้องการสงคราม? : หลังจากสถานการณ์เดินทางมาถึงจุดที่ รัฐบาลมะกันและอิสราเอลถูกเปิดโปงว่าสนับสนุนก่อการร้ายตามสื่อต่างๆ มากยิ่งขึ้น

แปลโดย ความภักดี

จุดที่ ๑.รัฐบาลมะกันและอิสราเอลถูกเปิดโปงว่าสนับสนุนก่อการร้ายตามสื่อต่างๆ มากยิ่งขึ้น

จุดที่ ๒.รัฐบาลรัสเซียไม่เดินตามสัญญาหยุดยิงของมะกันซึ่งล้วนทำขึ้นเพื่อช่วยเหลือกลุ่มก่อการร้ายทั้งนั้น

        นางฮิลารี คลินตัน ผู้สมัครตำแหน่งประธานาธิบดีของมะกันเสนอว่าให้สร้าง *โซนห้ามบิน* (No Fly Zone) ในซีเรีย ซึ่งเท่ากับบุกไปปล้นเอาดินแดนซีเรียแล้วห้ามมิให้เครื่องบินรัฐบาลซีเรียผ่าน จะทำให้เกิดสงครามกับรัสเซีย เพราะรัสเซียได้รับการร้องขอให้ช่วยขับไล่กลุ่มก่อการร้ายได้ ส่วนจอห์น เคอร์รีอยากให้รัฐบาลมะกันทำสงครามกับรัสเซียไปเลย สองคนนี้ ความคิดไม่ต่างกัน แต่กองทัพมะกันยังลังเลอยู่ ถ้าอยากรู้ว่าเหตุใด รัฐบาลมะกันถึงกระหายสงครามนัก 

V

V

V

 

        รัสเซียไม่กลัวสงครามเพราะมีความชอบธรรมมากกว่าและอีกอย่าง ผลประโยชน์ในตะวันออกกลางก็มีมากแถมมั่นคงยั่งยืนอีก

มะกันจึงต้องหันมาเล่นงานรัสเซียซึ่งขวางทางให้เสร็จก่อนค่อยไปเล่นงานชาติอื่นๆ มีหลายคนแสดงความเห็นว่าอยากให้รัสเซียสั่งสอนมะกันด้วยอาวุธนิวเคลียร์ ผมภาวนาไม่อยากให้ถึงขนาดนั้นครับ หรือถ้าจะมีสงครามก็หวังว่าจะเป็นแค่ระดับภูมิภาค และจำกัดการใช้นิวเคลียร์ขนาดเล็กมากกว่า ต้องไม่ลืมว่าทันทีที่กดปุ่มอาวุธนิวเคลียร์ โลกนี้จะไม่เหมือนเดิม อีกต่อไปเลย ที่สำคัญ จะมีผู้บริสุทธิ์จำนวนมากถูกสังหาร ขณะที่กุนซือรัฐบาลที่ชอบทำสงครามจะวิ่งเข้าหลุมหลบภัยและปลอดภัยกันทุกครั้ง

        ถามว่าทำไม ประเทศมะกันถึงกระหายทำสงครามดีนัก? ไม่มีนักวิชาการคนไหนเขียนให้อ่าน อ่านได้ดีเท่าไปอ่านคำอธิบายของบรรดาที่ปรึกษาประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกาหลายๆ ท่านที่นิยมทำสงคราม และคำพูดที่สื่อมวลชนนำมาอ้างมากที่สุดก็คือคำพูดของเฮนี คิสซิงเจอร์ (Henry Kissinger) ผมจะแปลคำพูดของเฮนรี่นี่แหละครับให้ท่านผู้อ่านได้อ่าน

        เฮนรีเป็นชาวเยอรมันเชื้อสายยิว เกิดในเยอรมนีเมื่อปีพ.ศ. 2481 (1938) เขาหลบหนีการไล่ล่าสังหารของนาซีไปลอนดอน ก่อนจะไปปักหลักที่นิวยอร์ค สหรัฐอเมริกา ต่อมา เฮนรีได้ไปทำงานในแวดวงทหารและได้รับมอบหมายให้ทำงานข่าวกรองก่อนจะไปเรียนจบปริญญาตรี โทและเอกที่ฮาร์วาร์ด

        ต่อมา เป็นนักการทูตและนักการเมืองที่สำคัญของมะกัน เขาทำงานเป็นที่ปรึกษาด้านความมั่นคง (National Security Advisor) ให้ประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน ระหว่างพ.ศ.2512-2517 (1969-1974) โดยนิกสันแต่งตั้งเขาเป็นที่ปรึกษาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2511 (1968) เป็นต้นมาทันทีที่ชนะการเลือกตั้งได้เป็นประธานาธิบดี ต่อมาเมื่อเจอรัลด์ ฟอร์ด ได้เป็นประธานาธิบดีสืบต่อจากนิกสัน เฮนรีก็ได้เป็นที่ปรึกษาและพร้อมกันนั้น ก็เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของมะกันระหว่างพ.ศ. 2516-2520 (1973-1977)

        ผลงานสำคัญของเขาคือเขาคือหนึ่งในคนที่อยู่เบื้องหลังการวางแผนให้ประธานาธิบดีนิกสันก่อสงคราม ส่งเครื่องบินไปทิ้งระเบิดที่เวียตนาม ลาวและเขมร หลังจากทิ้งระเบิดในเวียตนามสักพักหนึ่ง เขาก็พยายามให้ยุติสงคราม ความพยายามของเขาทำให้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพในปีพ.ศ. 2516 (1973) นอกจากสงครามในเวียดนาม ลาวและเขมร เขาสนับสนุนให้รัฐบาลมะกันโค่นรัฐบาลคอสตาริกาในปี 2513-2514 (1970-71), โค่นรัฐบาลโบลิเวียในปีพ.ศ.2514 (1971) และตามมาด้วยการแทรกแซงการเมืองในชิลี

        หลังจากตัวแทนพรรคสังคมนิยิมชื่อว่าซัลวาดอร์ อัลเลนด์ (Salvador Allende) มีแนวโน้มได้รับเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดี เขาแนะให้นิกสันส่งซีไอเอไปร่วมกับทหารชิลีทำรัฐประหารยึดชิลี แต่ครั้งนั้น ทำไม่สำเร็จ, เขาอยู่เบื้องหลังนโยบายรัฐบาลที่ให้ส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดไปถล่มคิวบาเมื่อพ.ศ.2519 (1976) และรัฐบาลออสเตรเลียในปีพ.ศ.2516-2518 (1973-75) ในช่วงที่มะกันบุกถล่มอิรักเมื่อปี พ.ศ. 2546 (2003) มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ State of Denial เขียนโดยบอบ วูดวาด (Bob Woodward) บอกว่าเขาให้คำปรึกษาแก่ประธานาธิบดีจอร์จ ดับเบิ้ลยู บุ๊ชอย่างสม่ำเสมอด้วย

        ข้อสำคัญก็คือนางฮิลารี คลินตันถือว่านายเฮนรี คิสซิงเจอร์เป็นผู้ให้คำปรึกษาที่ปั้นความคิดของเธอมา ปูตินถึงมั่นใจว่าถ้านางได้เป็นประธานาธิบดินีของมะกัน จะต้องเกิดสงครามกับรัสเซียแน่ เพราะนางเอาความคิดของเฮนรีมาใช้เป็นนโยบาย

ข้อความข้างล่างนี้คือวาทกรรมสำคัญของเฮนรี คิสซิงตันซึ่งพูดในโอกาสต่างๆ (โปรดดูอ้างอิงท้ายบทความนี้) ผมเอามาแปลเพื่อให้ผู้อ่านมองเห็นภาพรวมว่า 'เหตุใด สหรัฐอเมริกาถึงต้องอยากทำสงคราม?' โปรดอย่าลืมว่าเฮนรี คิสซิงเจอร์ได้รางวัลโนเบล สาขาสันติภาพเมื่อปีพ.ศ.2516 (1973)

แน่นอนครับ วาทกรรมเหล่านี้ บรรดานักเรียนสาขารัฐศาสตร์ทั้งหลายคงไม่มีโอกาสเรียนจากตำราเรียนหลักหรอกครับ ตำรารัฐศาสตร์หลักๆ ที่ฝรั่งผลิตขึ้นมาให้นักเรียนสาขารัฐศาสตร์อ่านคือ *ชุดความคิด* ชุดหนึ่งที่พวกเขาประสงค์จะให้เรียนและท่องจำเอาไว้ใช้ แต่นี่คือคัมภีร์นอกตำราที่หน่วยงานคลังสมองของมะกันมีไว้เพื่อกำหนดเป็นนโยบายต่างประเทศในทุกรัฐบาลมะกันที่ผ่านมาและในอนาคตครับ

1. 'สงครามสำคัญในหลายๆ ด้านในการจัดสร้างระเบียบโลกใหม่' (War is important in many ways for establishing the New World Order)

2. 'สงครามทำให้อุตสาหกรรมผลิตอาวุธของเรามีกำไรอย่างต่อเนื่อง' (War creates a constant flow of profits to our military industrial complex).

3. 'สงครามช่วยทำให้โลกลดจำนวนคนบริโภคทรัพยากรธรรมชาติที่ไร้ประโยชน์ลงได้เป็นจำนวนมาก' (War rids the world of a large number of useless eaters).

4. 'สงครามทำให้ผู้คนผูกใจเคียดแค้นชิงชังกันไปตลอด โดยไม่มีเวลามาสนใจเราแม้ว่าเราจะเป็นคนทำให้คนพวกนี้ขัดแย้งกันก็ตาม' (War keeps people hating each other, rather than focusing their attention on us the people who created the conflicts).

5. 'สงครามทำให้มีเหตุผลชอบธรรมที่จะส่งทหารไปยึดครองและควบคุมประเทศอื่น' (War establishes legitimate ground for occupation and control of regimes resistant to full domination by the elites).

6. 'สงครามทำให้สังคมสับสนอลหม่านซึ่งทำให้สะดวกต่อการสร้างระเบียบโลกใหม่ได้' (War creates the chaos out which the New World Order will be established).

7. 'พวกทหารทั้งหลายเป็นสัตว์ปัญญาทึบและงี่เง่าซึ่งจะถูกใช้เป็นตัวประกันสำหรับนโยบายต่างประเทศ' (Military men are dumb stupid animals to be used as pawns for foreign policy).

8. 'คุณต้องเข้าใจน่ะว่าสงครามไม่ใช่เป้าหมายสุดท้าย' (You must understand; war is not the ultimate goal).

9. 'อำนาจเป็นสารกระตุ้นกามารมณ์ได้สูงสุด การมีอำนาจไปแย่งเอาทรัพย์ที่มีเพียงเล็กน้อยได้คือเป้าหมายสูงสุดของเรา' (Power is the ultimate aphrodisiac, power over the remaining few, that's our ultimate goal).

10. 'การมีทาสเป็นสิ่งที่น่าสนุกสนานและน่าพึงพอใจยิ่งกว่าการสังหารหมู่ในสงคราม' (Slavery is even more fun and satisfying than the mass murder of war).

11. 'สิ่งผิดกฎหมาย เราทำได้ทันที อะไรที่ผิดรัฐธรรมนูญ อาจใช้เวลานานกว่านั้นเล็กน้อย' (The illegal we do immediately. The unconstitutional takes a little longer).

12. 'นิกสันต้องการให้มีการทิ้งระเบิดใส่ประชาชนจำนวนมากในกัมพูชา เสร็จแล้ว เขาไม่ต้องการรับรู้อะไรทั้งนั้น มันเป็นคำสั่งที่จะต้องทำให้สำเร็จ เป้าหมายคืออะไรก็ตามที่บินได้ อะไรก็ตามที่เคลื่อนไหวได้' (Nixon wants a massive bombing campaign in Cambodia. He doesn't want to hear anything about it. It's an order, to be done. Anything that flies or anything that move).

13. 'เป็นเรื่องไร้สติและน่าอับอายของชาติหากจะมีกฎหมายห้ามประธานาธิบดีมิให้มีอำนาจออกคำสั่งลอบสังหารคนได้' (It is an act of insanity and national humiliation to have a law prohibiting the President from ordering assassination).”

14. 'ผมไม่เข้าใจว่าทำไมพวกเราจะต้องเฝ้ามองดูประเทศที่เปลี่ยนไปเป็นคอมมิวนิสต์เพราะประชาชนประเทศนั้นไม่รู้จักรับผิดชอบตัวเอง (ในบริบทนี้ คือประเทศชิลี) มีหลายเรื่องสำคัญมากเกินกว่าที่พวกเราจะปล่อยให้ประชาชนชาวชิลีตัดสินอนาคตตัวเอง' (I don't see why we need to stand by and watch a country go communist due to the irresponsibility of its people. The issues are much too important for the Chilean voters to be left to decide for themselves).

15. 'ถ้าควบคุมน้ำมันได้ คุณก็จะควบคุมชาติต่างๆ ได้, ควบคุมอาหารได้ ก็จะควบคุมประชาชนได้' (Control oil and you control nations, control food and you control the people).

16. 'การลดจำนวนประชากรของโลกที่สาม โดยเฉพาะประเทศด้อยพัฒนาควรเป็นนโยบายต่างประเทศที่เร่งด่วนที่สุดของอเมริกาเพราะอเมริกาต้องการแร่ธาตุจากต่างประเทศในปริมาณมากและเพิ่มขึ้นด้วย โดยเฉพาะจากประเทศที่ด้อยพัฒนาเหล่านี้' (Depopulation should be the highest priority of foreign policy towards the third world, because the US will require large and increasing amounts of minerals from abroad, specially from less developed countries).

17. 'การจัดระเบียบโลกใหม่เป็นไปไม่ได้เลยหากอเมริกาไม่เข้าไปมีบทบาท เนื่องจากประเทศอเมริกาของเราเป็นองค์ประกอบหนึ่งเดียวที่สำคัญมากที่สุด' (The New World Order can not happen without US participation, as we are the most significant single component).

18. 'ความปลอดภัยของอิสราเอลเป็นข้อบังคับทางศีลธรรมที่เสรีชนทุกคนต้องทำให้' (The security of Israel is a moral imperative for all free peoples)

สังเกตจากวาทะเหล่านี้แล้ว โดยเฉพาะข้อ 16 ผมคิดว่าเฮนรี คิสซิงเจอร์สมควรได้ปริญญาเอกชื่อย่อว่า DhD มากกว่า PhD คำว่า DhD ในที่นี้คือ Doctor of Human Destruction ครับ

 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ความภักดี's profile


โพสท์โดย: ความภักดี
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
32 VOTES (4/5 จาก 8 คน)
VOTED: llHackll, MoreFuture, ป้าสวย, Varg Vikernes, มัลลิกามาศ, บรูพา
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
ปรมาจารย์ไทเก็ก ถูกนักมวยต่อยจนร้องไห้ บนเวทีมวยแปลปกสลากสัญจร จังหวัดชัยนาท งวด 1 มิถุนายน 2567เหรียญชนิดราคา 10 บาท รุ่นปีที่ถูกผลิตน้อยที่สุด และหาได้ยากมากที่สุดไขปริศนา! ปลายทางของ "รถดูดส้วม"..เขาเอาไปเทที่ไหน"สวีท ฮาร์ท" หนึ่งในจระเข้ยักษ์ ในตำนานของประเทศออสเตรเลียเมืองใหญ่ชื่อดังระดับโลก ที่ผู้อาศัยมีระดับความเครียดมากที่สุดภาพวาดที่มีราคาแพงที่สุดในประวัติศาสตร์ เท่าที่เคยมีการซื้อขายในโลกโทษหรืออันตรายของน้ำอัดลม ที่หลายคนไม่รู้หรือคาดไม่ถึงเจออีกแล้ว "เศียรพระพุทธรูปริมน้ำโขง" ที่ลาว
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
บริษัทใหญ่ในประเทศไทย ที่มีมูลค่ากิจการมากที่สุดในปัจจุบันเจาะลึก "แม่ฮ่องสอน" แชมป์จังหวัดที่จนที่สุดในไทย ทำไม? แล้วเราจะช่วยได้ยังไง?
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ข่าววันนี้
สุดยอด!นักเรียนโรงเรียนบ้านก่องาม -ทุ่งใหญ่สอบโอเน็ตวิชาภาษาอังกฤษได้ 100 คะแนนเต็มเม็กซิโกฉลองวันlปลือยกายยูเครนเปิดโอกาสให้นักโทษเกณฑ์ทหารสหรัฐเตือน ให้ระวังกลุมไอเอสโจมตี กลุ่ม LGBTQ+
ตั้งกระทู้ใหม่