ไขปริศนาไมเคิล แจ็คสัน จากดำเป็นขาวได้อย่างไร
โรคด่างขาว (Vitiligo)
โรคด่างขาว เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสี(melanocyte)ในการสร้างเม็ดสี(melanin) โดยเม็ดสีนี้ มีหน้าที่ในการกรองความรุนแรงของรังสีต่างๆที่มาจากแสงแดด เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเซลล์ผิวหนังของเรา ดังนั้น เราจะเห็นว่า คนซีกโลกเหนือ ที่แดดอ่อนๆ ตลอดปีก็จะมีผิวขาว ส่วนคนซีกโลกใต้ อย่างเราๆ หรือ ชาวแอฟริกา ที่มีแดดแรงตลอดปี ก็จะมีผิวสีเข้ม ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกการป้องกันอันตรายของร่างกาย ฉะนั้นอย่าไปโทษแม่ นะครับ ว่า "ดำตามแม่ แม่พาดำ" อิอิ
สาเหตุที่เซลล์สร้างเม็ดสี พากันไสตร์ค หยุดงานกันถ้วนหน้านั้น ไม่ได้มาจากนักการเมืองหน้าด้านบางคนนะครับ(เห็นหน้าแล้วอยากจะสกายคิกยอดหน้าจริงๆ) แต่มีสาเหตุดังนี้
1.เม็ดสีที่เซลล์สร้างเม็ดสีสร้างขึ้นมา มันเป็นพิษครับ ตัวเซลล์สร้างเม็ดสีก็เลยถูกทำลาย
2.เซลล์ประสาทที่มาควบคุมการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีผิดปกติ
3.ร่างกายสร้างสารมาทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีของตัวเอง
โรคด่างขาวจะมีรอยโรคบนผิวหนัง เป็นรอยสีขาวๆ สีออกน้ำนม ซึ่งแบ่งออกได้ 5 ชนิด ตามระดับความรุนแรงของโรค คือ มีด่างขาวจุดเดียวขนาดไม่กี่ มิลลิเมตร จนถึง ชนิดที่เป็นด่างขาวทั้งตัว ซึ่งมีชื่อเรียกว่า " Universal type"
โรคด่างขาว (Vitiligo)
โรคด่างขาว เป็นโรคผิวหนังที่เกิดจากความผิดปกติของเซลล์สร้างเม็ดสี(melanocyte)ในการสร้างเม็ดสี(melanin) โดยเม็ดสีนี้ มีหน้าที่ในการกรองความรุนแรงของรังสีต่างๆที่มาจากแสงแดด เพื่อลดอันตรายที่จะเกิดขึ้นกับเซลล์ผิวหนังของเรา ดังนั้น เราจะเห็นว่า คนซีกโลกเหนือ ที่แดดอ่อนๆ ตลอดปีก็จะมีผิวขาว ส่วนคนซีกโลกใต้ อย่างเราๆ หรือ ชาวแอฟริกา ที่มีแดดแรงตลอดปี ก็จะมีผิวสีเข้ม ซึ่งก็เป็นไปตามกลไกการป้องกันอันตรายของร่างกาย ฉะนั้นอย่าไปโทษแม่ นะครับ ว่า "ดำตามแม่ แม่พาดำ" อิอิ
สาเหตุที่เซลล์สร้างเม็ดสี พากันไสตร์ค หยุดงานกันถ้วนหน้านั้น ไม่ได้มาจากนักการเมืองหน้าด้านบางคนนะครับ(เห็นหน้าแล้วอยากจะสกายคิกยอดหน้าจริงๆ) แต่มีสาเหตุดังนี้
1.เม็ดสีที่เซลล์สร้างเม็ดสีสร้างขึ้นมา มันเป็นพิษครับ ตัวเซลล์สร้างเม็ดสีก็เลยถูกทำลาย
2.เซลล์ประสาทที่มาควบคุมการทำงานของเซลล์สร้างเม็ดสีผิดปกติ
3.ร่างกายสร้างสารมาทำลายเซลล์สร้างเม็ดสีของตัวเอง
โรคด่างขาวจะมีรอยโรคบนผิวหนัง เป็นรอยสีขาวๆ สีออกน้ำนม ซึ่งแบ่งออกได้ 5 ชนิด ตามระดับความรุนแรงของโรค คือ มีด่างขาวจุดเดียวขนาดไม่กี่ มิลลิเมตร จนถึง ชนิดที่เป็นด่างขาวทั้งตัว ซึ่งมีชื่อเรียกว่า " Universal type"
"ลักษณะรอยด่าง"
โรคด่างขาวไม่ได้ก่อความเจ็บปวด หรือ อันตรายใดๆ แก่ผู้ป่วย แต่มันมีผลต่อสภาพจิตใจของผู้ที่เป็น ผู้ป่วยจะรู้สึกอาย ไม่อยากพบปะกับใคร รู้สึกกดดัน สูญเสียความมั่นใจในตนเอง
การรักษาโรคด่างขาว มีเป้าหมายในการรักษาคือ การฟื้นคืนความสามารถในการสร้างเม็ดสี ของเซลล์สร้างเม็ดสีให้กลับมาเหมือนเดิมให้ได้มากที่สุด วิธ๊การรักษาก็มีตั้งแต่ ทายา กินยา ฉีดยา อาบแดด ฉายรังสี จนไปถึงการ ปลูกถ่ายเซลล์สร้างเม็ดสี แต่ไม่ใช่ผู้ป่วยทุกคนจะตอบสนองต่อการรักษาเหล่านี้ ........ หนึ่งในนั้นก็คือ ไมเคิล แจ๊คสัน (ขอเรียกสั้นๆ ว่า MJ นะครับ)
MJ เริ่มมีอาการ ด่างขาว ในช่วงที่เค้าพึ่งดังใหม่ๆ โดยมีข่าวลือว่า เกิดจากอุบัติเหตุถูกพลุไฟคลอกใบหน้าขณะทำการถ่ายทำโฆษณา ในช่วงแรก เป็นที่บริเวณใบหน้า และ ลำคอ แล้วต่อมารอยด่างขาวค่อยๆ ลงมาเรื่อยๆ จนทั่วตัว ในช่วงๆ แรกที่เป็นนั้น MJ อาศัยการตกแต่งหน้ามาช่วย โดยการเอาskin tone สีเข็มๆ มาปกปิดรอยด่างขาวไว้
เมื่อการรักษาเพื่อฟื้นคืนสภาพเซลล์สร้างเม็ดสีไม่ได้ผล บวกกับด่างขาวของเค้าเป็นชนิด Universal typeMJ จึงตัดสินใจใช้ทางเลือกที่สอง คือ ให้ด่างขาวทั่วทั้งตัวเลย จะเห็นได้จากอัตรารอยด่างขาวของเค้าในช่วงต่อมามันโตเร็วมาก ซึ่งเกิดจากการจงใจนั่นเอง แต่ความจริง MJ ไม่ได้ขาวหมดจดแบบขาวโอโม่นะครับ ก็ยังมีรอยดำๆ อยู่บ้าง การ make up ก็เข้ามาช่วยกลบเกลื่อนรอยดำเหล่านี้
จากการที่ตัวของMJ ไม่มีเม็ดสีคอยลดอันตรายจากแสงแดดอยู่เลย ทำให้ MJ แพ้แสงแดดอย่างรุนแรง ส่งผลให้เค้าต้องใช้ ครีมกันแดดเป็นปริมาณมาก รวมไปถึงการแต่งตัวของเค้า ที่จะเห็นได้จากการสวมหมวกใบโตๆ สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวตลอดเวลา....
จากการที่ MJ เปลี่ยนสีผิว จากคนดำ เป็น คนขาว ในช่วงเวลาอย่างรวดเร็ว และ แนบเนียน ส่งผลให้สื่ออเมริกัน ต่างพากันโจมตี MJ ว่า ไปทำศัลยกรรมมาให้ตัวเองขาว เพื่อทำการตลาด เอาใจตลาดคนขาว (ในช่วงนั้น การเหยียดผิวในสังคมอเมริกายังค่อนข้างรุนแรง) จนถึงขั้นมีบางสื่อออกมาด่าว่า MJ รังเกลียดความเป็น"คนดำ" จนประชาชนจำนวนมาก เชื่อว่า MJ เป็นเช่นนั้นจริงๆ
10 กุมภาพันธ์ 1993 MJ ให้สัมภาษณ์ในรายการของโอปรา วินฟรีย์(คนดำด้วยกัน) MJ พูดประโยคนึงออกมาด้วยสีหน้าภาคภูมิใจว่า "ผมคืออเมริกันผิวดำ ผมภูมิใจที่เป็นอเมริกันคนผิวดำ ผมภูมิใจในชาติพันธุ์ของผม ผมภูมิใจในสิ่งที่ผมเป็น ผมมีความภูมิใจและมีเกียรติอย่างที่สุด" (Michael: I’m a black American, I’M PROUD TO BE A BLACK AMERICAN, I’m proud of my race, I’m proud of who I am. I have a lot of pride and dignity.)
ถึงแม้ชีวิตของไมเคิล แจ๊คสัน จะเต็มไปด้วยเรื่องแปลกประหลาด และเพี้ยนๆ อยู่บ้างก็ตาม แต่ถ้าลองศึกษาชีวิตของเค้าทั้งชีวิต ผมว่าเค้าเป็นคนที่น่าสงสารมากๆ คนนึงเลยล่ะ