หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

"สองมือแห่งศรัทธา: ชีวิตแพทย์ผู้สร้างแรงบันดาลใจ นายแพทย์เบนจามิน คาร์สัน"

โพสท์โดย SpiderMeaw

เมื่อเริ่มอ่าน ผมก็ค้นพบสิ่งสำคัญมากสิ่งหนึ่ง นั่นคือ แม้ว่าเราไม่มีเงิน - ไม่มีเงินสำหรับสิ่งใดๆ เลยก็ตามแต่จากหน้ากระดาษที่อยู่ระหว่างปกของหนังสือเหล่านั้น ผมสามารถไปที่ใดก็ได้ในโลก จะเป็นใครก็ได้ ทำอะไรก็ได้...ขอบฟ้าของผมเริ่มเปิด

-- บางส่วนจากปาฐกถาในพิธีรับปริญญา มหาวิทยาลัยเดลาแวร์ โดย หมอเบน คาร์สัน ผู้เขียนหนังสืออัตชีวประวัติ "สองมือแห่งศรัทธา: ชีวิตแพทย์ผู้สร้างแรงบันดาลใจ นายแพทย์เบนจามิน คาร์สัน" - Gifted Hands: The Ben Carson Story --

“ ขอให้ลูกทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำส่วนของพระองค์"

ครั้นผ่านไปหลายปีเข้า การคอยส่งเสริมให้กำลังใจของแม่ก็ทำให้ผมกับเคอร์ติสเริ่มเชื่อว่าเราสามารถทำอะไรก็ตามที่เราเลือกที่จะทำได้จริงๆ แม่คงได้ล้างสมองเราจนเชื่อว่าเรากำลังจะเก่งมากและจะประสบผลสำเร็จอย่างสูงในสิ่งใดก็ตามที่เราพยายาม แม้วันนี้ ผมก็ยังได้ยินเสียงแม่พูดอยู่ในหัวว่า "เบนนี ลูกทำได้ ลูกอย่าได้หยุดเชื่ออย่างนั้นแม้แต่วินาทีเดียว"

... หมอเบน คาร์สัน ประสาทศัลยแพทย์ฝีมือเยี่ยมของโลกโตจากเด็กในสลัม ในวันที่เขาประสบความสำเร็จ เขาถือว่า แม่คือคนแรกที่ทำให้เขาเป็นดังที่เป็นในวันนี้ ... แม่ หญิงผิวดำที่ไม่ได้มีการศึกษาสูง แต่เธอมุ่งมั่นและตั้งใจส่งเสริมลูก

- อ่าน "บนเส้นทางแห่งปาฏิหาริย์ Dr. Ben Carson" : บทความโดย: สุรีพันธุ์ เสนานุช : http://www.ftpi.or.th/2015/6866

- อ่าน "คนที่คุณไม่รู้ว่าใคร: เมื่อหัวใจไม่ยอมแพ้ นายแพทย์เบนจามิน โซโลมอน คาร์สัน" : บทความโดย : ทพ.อภิสิทธิ์ อารยะเจริญชัย :http://thaidentalmag.com/dent-idea-detail.php?type=2&id=502

- อ่าน "ชีวิตที่พอเพียง : ๒๔๒๓. สองมือแห่งศรัทธา" : บทความโดย Prof. Vicharn Panich : https://www.learners.in.th/posts/590633

หมอเบน คาร์สันเขียนเล่าชีวิตของตนตั้งแต่เด็ก ในวัยเด็กเล็ก ครอบครัวเขามีความสุข แม้จะยากจน เกิดในครอบครัวคนผิวดำย่านคนจนในเมืองดีทรอยด์ พ่อแม่ให้ความรัก แต่แล้วชีวิตก็หักเห เมื่ออายุ 8 ขวบ พ่อจากไปโดยเบนไม่่เข้าใจว่าทำไมพ่อต้องไป มารู้เอาทีหลังว่าพ่อไปมีครอบครัวใหม่ แต่แม่ไม่เคยฟูมฟาย แม่เด็ดเดี่ยว เลี้ยงดูเบนกับเคอร์ติส พี่ชายที่แก่กว่าสองปีด้วยตนเอง สามชีวิตอยู่อย่างยากลำบาก แม่ทำงานทุกอย่างเพื่อธำรงครอบครัว

เบนเขียนเล่าถึงความเด็ดเดี่ยวของแม่ที่พยายามอยู่ให้ได้โดยไม่มีพ่อ ทั้งที่แม่แต่งงานเมื่ออายุ 13 เรียนจบแค่เกรด 3 [ป. 3 บ้านเรา] แต่แม่เป็นผู้หญิงที่เด็ดเดี่ยว และมีความเชื่อต่อลูกสูงมาก เบนเป็นเด็กเรียนอ่อน ถูกเยอะเย้ยดูถูกในโรงเรียน เพราะหลังจากที่พ่อจากไป

แม่ต้องพาลูกชายสองคนไปอยู่กับพี่สาวที่นิวยอร์ก และต้องเข้าโรงเรียนคนผิวขาว จึงถูกรังเกียจมาก แต่แม่จะพูดกับเบนตลอดว่า คนผิวขาวก็เป็นคนเหมือนๆ กัน แม่ไม่เคยสอนให้เบนเกลียดคนอื่น แต่ให้มีความมั่นใจในตัวเอง แม่ผลักดันลูกทั้งสองให้อ่านหนังสือ แม้เรียนอ่อน ก็ต้องท่องสูตรคูณให้ได้ ต้องอ่านหนังสืออาทิตย์ละสองเล่ม จนเบนเรียนดีขึ้นเรื่อยๆ และทำคะแนนได้เป็นที่หนึ่ง จากที่ถูกดูถูก กลายเป็นที่ยอมรับ แม้ว่าแม่เองต้องเข้ารับการรักษาทางจิตเวชเพราะความเครียดและแรงกดดันต่างๆ แต่แม่คือโขดหิน จึงทำให้ครอบครัวอยู่รอดมาได้

เบนไม่ชอบเรียน แต่ความรักของแม่นั่นเองที่ทำให้เขาฝ่าฟันมาได้ แม่บอกว่าการศึกษาเป็นหนทางเดียวที่จะหนีจากความลำเค็ญ
ในวัยเด็ก เบนอารมณ์ร้อนมาก มีอยู่ระยะหนึ่งที่ไปเกาะกลุ่มแก๊งในโรงเรียน ต้องการเป็นที่ยอมรับของเพื่อนๆ แต่ถูกเพื่อนล้อเรื่องแต่่งตัวเชย เขาพยายามจะขอเสื้อผ้าดีๆ จากแม่ แม่ซึ่งทำงานหนักเพื่อหาเลี้ยงครอบครัวอยู่แล้วย่อมไม่อาจสนอง

ครั้งหนึ่งเขาโกรธถึงขนาดเกือบทำร้ายแม่ ดีที่ได้เคอร์ติส พี่ชายมาขวางไว้ อีกครั้งหนึ่งถูกเพื่อนแกล้ง เขาหยิบมีดพกออกมาแทงเข้าใส่ท้องของเพื่อน เคราะห์ดีที่ปลายมีดไปโดนหัวเข็มขัดขนาดใหญ่ของเพื่อน จนกระเด็นตกพื้น เหตุการณ์ครั้งนั้นทำให้เขารู้ตัว และได้สติ จากนั้น เขาก็สามารถแก้ปัญหาอารมณ์รุนแรงไปได้

เบนมีความตั้งใจตั้งแต่เด็กว่าจะเป็นหมอ และความตั้งใจนั้นไม่เคยหันเห เมื่อผ่านพ้นภาวะที่เป็นเด็กที่ "โง่ที่สุด" ในชั้นมาได้เมื่ออยู่ ป.6 หลังจากนั้นเขาก็มุ่งมั่นและเรียนดีขึ้นเรื่อยๆ เขาทุ่มเท รับผิดชอบ มีวินัยในตัวเอง และในช่วงปิดภาคฤดูร้อนก็ต้องออกหางานทำทุกปี แต่ก็เรียนจบชั้นมัธยมปลายด้วยคะแนนสูงจนสามารถสมัครเข้าเรียนที่มหาวิทยาลัยเยลได้อย่างง่ายดาย โดยระยะที่เรียนระดับปริญญาตรีนี้เขาสนใจด้านจิตวิทยา และจบปริญญาตรีด้านนี้

เมื่อจบแล้วก็สามารถเข้าเรียนต่อที่โรงเรียนแพทย์ของมหาวิทยาลัยแห่งรัฐมิชิแกน [รัฐบ้านเกิด] ได้ ซึ่งเขาหันไปเรียนด้านศัลยกรรมประสาท เมื่อเรียนจบด้วยคะแนนสูงสุดก็ได้ไปทำงานที่โรงพยาบาลจอห์นสฺ ฮ็อปกินสฺ ที่ซึ่งเขาขยัน ทำงานทุกอย่าง รับผิดชอบ จนอายุเพียง 33 ก็ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการแผนกศัลยกรรมระบบประสาทด้านเด็ก เป็นศัลยแพทย์อายุน้อยที่สุดในประเทศที่ดำรงตำแหน่งนี้

หมอคาร์สันทำงานด้วยความตั้งใจ ผ่าตัดเด็กที่เป็นเนื้องอกในสมอง ซึ่งเป็นเคสวิกฤตที่ศัลยแพทย์คนอื่นๆ ลงความเห็นว่าสิ้นหวัง ทำไปก็เสียเวลาเปล่า แต่ละปีเขาผ่าตัดเคสยากๆ แบบนี้กว่า 500 ราย และยิ่งทำมากก็ยิ่งสั่งสมประสบการณ์มาก โดยเฉพาะได้ไปอยู่ออสเตรเลียหนึ่งปี ซึ่งการทำงานที่นั่นทำให้เขาได้ประสบการณ์จากเคสยากๆ จำนวนมาก

ในปี 1987 มีเด็กฝาแฝดชาวเยอรมัน เกิดมาศีรษะติดกัน พ่อกับแม่เพียรพยายามทุกวิถีทางที่จะหาทางผ่าตัดลูก แพทย์ทางเยอรมันติดต่อมาที่จอห์น ฮอพกินส์ หมอคาร์สันร่วมกับทีมแพทย์และเจ้าหน้าที่ทางการแพทย์กว่าเจ็ดสิบคน ทำการตระเตรียมเพื่อการผ่าตัดครั้งนี้เป็นเวลา 5 เดือน และการผ่าตัดได้ดำเนินการในเดือนกันยายน ปี 1987

ผ่านความตึงเครียดมากมาย ในที่สุด การแยกเด็กแฝดก็ประสบความสำเร็จ คือเด็กรอดทั้งคู่ ซึ่งก่อนหน้านั้น เคยมีการผ่าตัดทำนองนี้ แต่เด็กอาจจะรอดได้เพียงคนเดียว หรือไม่รอดทั้งคู่ เคสนี้เป็นเคสแรกในโลกที่เด็กรอดทั้งคู่ ทำให้หมอคาร์สันเป็นที่รู้จักไปทั้งโลก แต่เขาบอกว่าไม่ใช่ความสำเร็จของเขาอย่างแน่นอน มันคือความอดทน ทุ่มเท ทำงานหนักของทีมแพทย์เจ็ดสิบคน การผ่าตัดใช้เวลา 22 ชั่วโมงไม่หยุด เด็กเลือดออกมากจนต้องระดมเลือดจากโรงพยาบาลทั่วทั้งเมืองบัลติมอร์ สุดท้ายต้องขอจากคลังเลือดของกาชาด อย่างไรก็ดี เด็กรอดมาได้ท่ามกลางความสุขของพ่อแม่และทีมแพทย์

หมอคาร์สันเคยผ่าตัดและคนไข้เสียชีวิต เขาร้องไห้ ญาติคนไข้ที่เสียใจมากนั้น พอเห็นหน้าหมอก็เกิดความเห็นใจหมอมากกว่า เพราะญาติได้รู้ว่าหมอทำดีที่สุดแล้ว และหมอเสียใจมากแค่ไหน

หมอคาร์สันเชื่อมั่นในพระเจ้า เขาเล่าถึงหลายต่อหลายครั้งที่เจอภาวะวิกฤต แม้แต่ระหว่างการผ่าตัดเด็กแฝด เขาก็สวดขอพรจากพระเจ้า และเขาก็มักจะผ่านมาได้ด้วยการช่วยเหลือของพระเจ้า – นี่คือศรัทธาของเขา

งานเขาหนัก ตารางการผ่าตัดยาวเหยียด และเขาต้องพยายามจ้ดเวลาให้ครอบครัว ภรรยาคือแคนดี้นั้น เข้าใจเขาดีมาก และเธอสนับสนุนเขาทุกวิถีทาง ทั้งสองมีลูกชายสามคน

หนังสือเล่มนี้น่าอ่านมากค่ะ เป็นกำลังใจได้ดีสำหรับคนที่ตั้งใจทำงาน...

-- วิภาดา กิตติโกวิท --

ชีวิตของเบน ไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบพวกเขา ต้องเผชิญกับความขัดสนอย่างแสนสาหัสต้องทำงานหนักมาก เขา เคยเป็นเด็กที่เรียนได้ที่โหล่จนเพื่อนๆเรียกไอ้ทึ่ม เพราะเขามีมารดาผู้ประเสริฐ ที่ได้เอาใจใส่ทุ่มเท กดดันเข้มงวด เตือนสติ ให้อ่านหนังสือให้มากเพราะหนังสือเป็นประตูแห่งความรู้ แม่ แนะนำให้กำลังใจ และหนุนใจว่า ลูกทำได้เสมอ “ขอให้ลูกทำส่วนของตัวเองให้ดีที่สุด แล้วองค์พระผู้เป็นเจ้าจะทำส่วนของพระองค์”

เบนจึงสามารถฝันฝ่าอุปสรรคต่างๆในวัยเยาว์ ผลการเรียนดีมาก เขาได้ทุนเรียนที่มหาวิทยาลัยเยล และจบแพทย์ที่มหาวิทยาลัยชิกาโก้ เขาสามารถฝันฝ่า เรื่องการเหยียดสีผิวอย่างรุนแรง (ในขณะนั้น ) เพราะคนผิวขาวเท่านั้นที่คิดว่าตัวเองฉลาดและชอบกลั่นแกล้งคนผิวดำ ในที่สุดหมอเบนเป็นผู้อำนวยการ ด้านศัลยศาสตร์ทางสมองที่โรงพยาบาลจอห์นสฺ ฮ็อบกินสฺ ตอนอายุ 33 ปี

ขอบคุณที่มา: Book For Society Project - มูลนิธิหนังสือเพื่อสังคม
https://www.facebook.com/bookforsociety/photos/a.626425884098831.1073741829.611370672271019/1109284479146300/?type=3&theater
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
SpiderMeaw's profile


โพสท์โดย: SpiderMeaw
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
4 VOTES (4/5 จาก 1 คน)
VOTED: แมวฮั่ว แมวขี้น้อยใจ
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
สำนักงานพุทธฯ สั่งตรวจสอบ พ่อแม่ "น้องไนซ์" เชื่อมจิตสาวสอบติดครู ร้องไห้หนัก เหตุบนลิเกไว้ 4 วัด เข่าทรุดหลังรู้ราคาลิเกนักเรียนมุสลิมในเยอรมันเผย "ศาสนาของเรา อยู่เหนือกฎหมาย!!"เมื่อสาวเจอความทรงจำที่หายไป..มาอยู่ที่ใต้สะพานลอย7 ที่มา คําว่ากระบี่ มีต้นเค้ามาจากคําไหน?การพบงูทะเลยักษ์ ในปี 2391รู้ยังค่าเทอม "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ค่าธรรมเนียมการศึกษา ปี 2567แฟนๆ กรี๊ด หนุ่มคนใหม่ของสาว "เบลล่า"..ไม่ธรรมดา ทั้งหล่อและรวยหนุ่มกล้ามโตจีบสาว สาวไม่เล่นด้วย เลยจับสาวทุ่มลงพื้น
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
รู้ยังค่าเทอม "จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย" ค่าธรรมเนียมการศึกษา ปี 2567เอาอีกแล้ว! เขมรก็อปปี้หนังไทย เรื่องเด็กหญิงวัลลี ยอดกตัญญู?หลวงพ่อทองคำ พระพุทธรูปทองคำที่ใหญ่ที่สุดในโลกไทยเสนอเป็นคนกลาง ไกล่เกลี่ยสงครามเมียนมาเมื่อหนูน้อยทำตุ๊กตา "ลาบูบู้"..เพราะรู้ซื้อไม่ได้ มันราคาแพง!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ความรัก, ประสบการณ์ชีวิต
สาเหตุที่น้องสาวมีกลิ่น และวิธีกำจัดกลิ่นน้องสาวอย่างได้ผล??ขนน้องสาวมีไว้ทำไม? เอาออกดีไหม?lซ็กส์ดีขึ้น!! ขริบหนังหุ้มปลายน้องชๅย ช่วยให้หลั่งช้าลงจริงหรือ??5 สิ่งที่คุณมีอยู่แล้วน่าอิจฉาแต่คุณอาจไม่รู้ตัว
ตั้งกระทู้ใหม่