จอน เอ็ม ชู ผู้ชุบชีวิต Step up
ชื่อหรือไม่ว่า หนุ่มตี๋คนนี้คือ ผู้พลิกฟื้นแฟรนไชส์หนังเต้นเรื่องนี้ไม่ให้กลายเป็นหนังส่งลงแผ่น
.
หากหลายคนจำได้หนังเต้นเรื่องนี้ที่มีไชนิ่ง เททัม นำแสดงนั้นแม้จะทำเงินไปถึงร้อยล้าน แต่ก็ใช้ทุนสร้างและงบโปรโมทรวมทั้งเสียงวิจารณ์ที่ไม่ดีเท่าไหร่นักนั่นเองทำให้ดิสนีย์ เจ้าของหนังเรื่องนี้คิดว่า ภาคต่อของหนังเรื่องนี้จะต้องส่งลงแผ่นไปแล้วด้วยซ้ำ เขาจึงเรียกตัวผู้กำกับเอ็มวีหนุ่มคนหนึ่งมาเพื่อรับหน้าที่กำกับหนังภาคต่อเรื่องนี้เพื่อส่งลงแผ่นแทน
.
ผุ้กำกับหนุ่มที่ชื่อว่า จอห์น เอ็ม ชู
.
ชายหนุ่มชาวอเมริกันเอเชียนคนนี้ เป็นลูกชายของเชฟมือดีและเจ้าของภัตตาคารชื่อดังในแคลิฟอร์เนีย ผู้หลงใหลในงานภาพยนตร์ตั้งแต่อายุ 14 ปี เขาได้รับกล้องวีดีโอจากแม่เป็นของขวัญวันเกิด และเริ่มจากถ่ายงานในบ้าน จนกระทั่งรับจ้างถ่ายงานตามที่ต่าง ๆ และเริ่มเรียนรู้ทักษะทางดนตรีไปพร้อม ๆ กับเรียนภาพยนตร์ไปด้วย แน่ล่ะว่า เขาเริ่มต้นมีชี่อเสียงด้วย MV when the kids are away ที่ทำให้เขาได้รับการจับตามองจากฮอลลีวู้ดทันทีด้วยสไตล์เอ็มวีที่แปลกใหม่และงานภาพชั้นดีนั้นเอง
.
แม้แต่สตีเว่น สปีลเบิร์ก ยังสนใจตัวเขาและยื่นข้อเสนอมาให้ทำหนังเพลงเรื่อง Moxie ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องราวโรมิโอ แอนด์ จูเลียต
.
ทว่าฝันดีของเขาก็ต้องพังทลายลงเพราะ ไม่มีโปรเจ็ทใดผ่านหรือได้สร้างเลยสักนิดเป็นเวลาถึง 5ปี ที่เขาแทบไม่มีงานเลยด้วยซ้ำ ซึ่ง จอห๋นชูถึงกับบอกว่า มันเหมือนกับตกนรก
.
“มันเป็นช่วงเวลาเหมือนผมตกนรกทั้งเป็น ผมได้เข้าไปอยู่ในบริษัทหนังยักษ์ใหญ่ที่มีทุกอย่างเพียบพร้อมแทบทุกอย่าง แต่ไม่มีโอกาสทำหนัง ต้องมานั่งเสียเวลาถึง 5 ปีกับการนั่งเฉย ๆ กับฝันลม ๆ แล้ง ๆ”
.
กระนั้นเอง จอห์นชูก็ไม่ยอมแพ้ เขาตัดสินใจที่จะสู้ต่อด้วยการลาออกมาทำเอ็มวี โฆษณาจนกระทั่งถูกดิสนีย์เรียกไปพบเพื่อคุยกันเรื่องทำหนังเรื่อง Step Up 2 ส่งลงแผ่น
.
“พวกเขาอยากให้ผมทำหนังเรื่องนี้ส่งลงแผ่น แต่ผมมองแล้วหนังมันมีศักยภาพมากกว่านั้น”
.
เขาตัดสินใจโยนบทหนังเรื่องนั้นทิ้งถังขยะ แล้วทำตัวอย่างหนังใหม่ขึ้นมาเพื่อไปพบกับผู้บริหารของดิสนีย์ด้วยการตัดต่อเอาคลิปการเต้นสุดมันแบบสตรีทแดนซ์มาผสมกับการเต้นของโรเบริ์ต ฮอฟแมน นักเต้นที่เขาตัดสินใจจะปั้นแทนแชนนิ่ง เททั่ม เขามั่นใจว่า หนังเรื่องนี้มีดีกว่าการเป็นหนังส่งลงแผ่นทุนสร้าง 7 ล้านง่อย ๆ เขาบอกว่า จะทำให้หนังฮิตกว่าภาคแรกซะอีก
.
“ผู้บริหารดิสนีย์เองก็เหมือนแบกรับแบกสู้นะ เพราะเขาไม่คิดว่า หนังเต้นมันจะฮิต แต่ผมก็มั่นใจแล้วว่า มันดังแน ๆ พวกเขาจึงยอมลงเงิน”
.
ความมั่นใจนั้นทำให้ดิสนีย์ลองเสี่ยงกับจอห์นชูและได้ผลเมื่อหนังฮิตเกินคาดด้วยทุนสร้างต่ำกว่าภาคแรกเกือบครึ่งและทำเงินถึง 148 ล้านเหรียญสูงกว่าภาคแรกซะอีก แถมคลิปเต้นตอนท้ายก็ดังกลายเป็นไวรัลไปชั่วขณะ ก่อเกิดหนังแนวเต้นไปทั่วที่ถูกสร้างตามกระแสออกมา ชูตัดสินใจทำภาคสามต่อ ซึ่งฮิตกว่าภาคแรกซะอีก แถมทำเป็น 3D อีกด้วย ที่สำคัญหนังทำเงินไปมากกว่าเดิมจนมีภาคสี่ออกมา (แม้ว่าเขาจะไม่ได้กำกับเอง แต่ได้เป็นโปรดิวซ์เซอร์) และสานต่อด้วยหนังเต้นอีกหลายเรื่องแทน
.
แม้ว่าชื่อของจอห์น เอ็ม ชู เป็นที่ยี้ของบรรดาแฟนหนังแอ็คชั่นทั้งหลายหลังกำกับหนังภาคต่ออย่าง G I Joe ได้ชวนง่วงและน่าเบื่อยิ่งหนัก แต่ยังดีที่หนังทำเงินมากกว่าภาคแรกจากทุนสร้างที่น้อยกว่าทำให้เขายังมีโอกาสได้ทำหนังต่อไป
.
แน่ล่ะว่า ถึงจะคว่ำแบบนี้ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจอะไรนัก เขามองไปยังโปรเจ็ทต่อไปด้วยความเชื่อมั่นที่พ่อของเขาสอนเสมอว่า
.
“อย่ายอมแพ้และไขว้คว้าทุกโอกาส”