ตายเพราะหนัง ความรุนแรงจากความจริง
ใครจะเชื่อว่า ภาพยนตร์เรื่อง La Vida Loca หรือ Crazy Life ผลงานสารคดีล่าสุดของ กริสตียอง โปเวตา จะกลายเป็นผลงานเรื่องสุดท้ายของผู้กำกับสารคดีชาวฝรั่งเศสคนนี้แบบไม่คาดคิด เมื่อเขาถูกยิงเสียชีวิตคารถยนต์พร้อมร่องรอยถูกจ่อยิงที่ศีรษะนอกเมืองประเทศเอลซาวาดอร์
.
มันเกิดอะไรขึ้นทำไม เขาถึงถูกฆ่า มีหลายประเด็นต้องสงสัยเกิดขึ้นเต็มไปหมด แต่ตำรวจค่อย ๆ ตัดประเด็นทั้งหมดทิ้งไป ไม่ว่าจะเป็นการปล้น หรือ ความขัดแย้งอื่น ๆ จนทุกคนมองว่า เขาถูกฆ่าเพราะทำหนังเรื่องนี้ต่างหาก
.
ทำไมหนังเรื่องนึ้ถึงชนวนความตายของเขากันแน่ ๆ หลายคนจึงพิสูจน์เรื่องราวนี้ด้วยการดูหนังของเขา
.
La Vida Loca คือ หนังสารคดีที่ตัวของโปเวตาตัดสินใจไปบันทึกเรื่องราวของแก๊งอาชญากรรมในประเทศเอล วาดอร์ ประเทศนี้แบบใกล้ชิด ทั้งที่นี่คือ ประเทศที่ถูกกล่าวกันว่า อันตรายที่สุดในพื้นที่อเมริกากลางแห่งนี้และอาจจะในโลกด้วย
.
มาร่า 18 คือ กลุ่มอาชญากรรมที่โปเวตาเข้าไปคลุกคลีด้วยเป็นเวลาถึง 16 เดือน เขาบันทึกเรื่องราวของแก๊งนี้เกือบทั้งหมดออกมาเป็นสารคดีความยาว 90 นาทีเรื่องดังกล่าว ซึ่งมันได้เผยแพร่เรื่องราวของแก๊งนี้ไปทั่วโลกทั้งฉายทีวี โรงภาพยนตร์ หรือ เทศกาลหนังในฝรั่งเศส และเทศกาลหนังในยุโรป
.
แน่ล่ะว่า หลายคนบอกว่า นี่คือ หนังที่เผยภาพความรุนแรงที่น่าสะพรึงกลัวในเอล ซาวาดอร์แห่งนี้ได้อย่างน่าขนลุก แถมทุกอย่างเป็นเรื่องจริง
.
มันมีทั้งภาพสมาชิกแก๊งถูกยิงตายข้างถนน การวิวาทจนเลือดไหลในที่สาธารณะ ภาพของวัยรุ่นที่มีสัญลักษณ์รอยสักชองแก๊งติดไว้บนหน้า และแน่นอนว่าตัวเอกของสารคดีนี้คือ สมาชิก 7 คนที่มีเรื่องราวและความโดดเด่นแตกต่างกันไป แน่นอนว่า เขาต้องการสะท้อนให้เห็นความล้มเหลวของระบบรัฐ
.
“แก๊งพวกนี้คือผลพวงจากนโยบายของรัฐบาลอันล้มเหลว พวกเขาบริหารประเทศผิดพลาดและย่ำแย่ของเอลซาวาดอร์ ซึ่งแน่ล่ะว่า มันเกิดขึ้นจากการรัฐประหาร สงครามกลางเมืองและการแทรกแซงของต่างชาติ ซึ่งอเมริกาต้องรับผิดชอบ เราต้องเข้าใจว่า ทำไมกันนะเด็กอายุ 12-13 ปี จะต้องมาอยู่ในแก๊งแบบนี้ เพราะพวกเขาไม่มีทางเลือก พวกเขาเกิดมาในสภาพครอบครัวที่ยากจน พ่อแม่ไม่มีเวลาดูแล พวกเขาเป็นเหยื่อของสังคมที่สร้างพวกเขาขึ้นมาต่างหาก”
.
โปเวดากล่าวถึงหนังเรื่องนี้
.
แน่ล่ะว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนี้คือผลพวงจากสงครามกลางเมืองของเอลซาวาดอร์ที่เกิดขึ้นในปี 1979 เมื่อนักปฏิวัติหัวคอมมิวนิสต์พยายามล้มล้างรัฐบาลทหารที่มีอเมริกาหนุนหลัง ทว่าทำไม่สำเร็จ ส่งผลให้เกิดความขัดแย้งขึ้นยาวนานถึง 13 ปี มีประชากรเสียชีวิตไป 75000 คน ที่เป็นพลเรือนเกือบครึ่ง และคนที่รอดต้องเผชิญหน้ากับปัญหาความยากจนในสังคมที่ล่มสลาย พวกเขาต้องเข้าแก๊งมิเช่นนั้นจะปกป้องตัวเองไม่ได้เลย นี่คือเรื่องจริงที่เขาพยายามจะเสนอ
.
แต่สุดท้ายเขาก็มาถูกยิงเสียชีวิตเสียก่อน
.
ไม่มีใครรู้ว่าใครกันแน่เป็นคนฆ่าเขา แต่จากสอบสวนพอจะคาดการณ์ได้ว่า คนฆ่าเขาคือชาวแก๊งค์ที่โปเวดาเชื่อใจและพยายามช่วยเหลือนี่แหละ การตายของเขาทำให้ประธานาธิบดีในตอนนั้นอย่าง เมาริซิโอ ฟูเนส กล่าวแสดงความเสียใจและสิ้นหวัง ทั้งที่เขาหวังจะใช้สารคดีของโปเวดาแสงไฟในการแก้ไขปัญหาแก๊งที่มีมาช้านี้ให้ได้ด้วยซ้ำ
.
กระนั้นเองการตายของโปเวดาก็เป็นเสมือนการตั้งคำถามว่า ถึงเวลาแล้วหรือยังที่เอล ซาวาดอร์จะแก้ไขปัญหานี้อย่างจริงจังเสียที
.
และที่สำคัญกว่านั้นคือ ความจริงของโปเวดาจะยังคงอยู่ต่อไป