คอมมิเกะ เทศกาลหนังสือทำมือที่ใหญ่ที่สุดในโลก
ถ้าพูดถึงงานหนังสือโดจินชิแล้ว เราคงไม่พูดถึงเทศกาลหนังสือโดจินชิที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่าง คอมิเกะไปได้ แน่นอนว่า เพราะ นี่คือ งานหนังสือที่กล่าวกันว่า ไม่ต่างกับสมรภูมิรบในสงครามเลยด้วยซ้ำ
.
งานคอมิเกะ เป็นชื่อย่อของงาน คอมิค มาร์เก็ต ที่จัดขึ้นที่โตเกียวบิ๊กไซต์ โตเกียว ประเทศญี่ปุ่น ซึ่งจัดขึ้นโดยกลุ่มคณะกรรมการเตรียมงานคอมิเกะ ซึ่งงานนี้เริ่มต้นขึ้นเมื่อปี 2518 เรียกได้ว่ามีประวัติยาวนานมากว่า 40 ปีทีเดียว
.
จุดประสงค์ของการจัดงานก็เพื่อให้บรรดานักเขียนโดจินชิ หรือ นักเขียนหนังสือทำมือได้มีโอกาสขายหนังสือและแลกเปลี่ยนพูดคุยกับบรรดาแฟน ๆ หรือ คนซื้อ
.
รูปแบบการจัดงานของงานคอมิเกะนั้นจะจัดสามวันหลังเทศกาลช่วงฤดูร้อนและฤดูหนาวของญี่ปุ่นเท่านั้น เรียกว่า เป็นหนึ่งในงานเทศกาลสำหรับโอตาคุและผู้รักหนังสือที่ต้องจะต้องไปให้ได้ทีเดียวเชียว
.
ซึ่งครั้งแรกของการจัดงานมีเซอร์เคิ่ลหรือกลุ่มนักเขียนอิสระมาขายเพียง 30 รายเท่านั้น ทว่าเวลาต่อมางานขายหนังสือนี้กลับได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ จนกระทั่งปัจจุบันมีกลุ่มผู้ชายโดจินนับ 30000 ราย มาขายหนังสือที่กันเป็นจำนวนมาก ซึ่งการจะได้รับโอกาสขายนั้นไม่ใช่ว่า อยู่ ๆ ใครนึกจะขายต้องขายได้เท่านั้นจะต้องมีการจองและคัดเลือกจากบรรดาคณะกรรมการจัดงานคอมิเกะเสียก่อน ซึ่งว่ากันว่า ปีหนึ่งน่าจะมีคนสมัครไม่ต่ำกว่า 100000 รายเลยด้วยซ้ำไป
.
จากนั้นก็จะมีการคัดเลือกและส่งจดหมายหรืออีเมล์ไปที่บ้านหรือที่อยู่ เมื่อได้รับการยืนยันแล้วจะต้องจ่ายเงินค่าบูธและเริ่มต้นปั่นงานกันทันที
.
แน่ล่ะว่า เมื่อมีผู้สมัครและผู้มาขายมากมายเช่นนี้ทำให้มีคำกล่าวจากบรรดาผู้ซื้อหนังสือในงานนี้ว่า
.
“นี่มันสงครามชัด ๆ”
.
ใช่แล้วค่ะ เนื่องจากมีพื้นที่และจำนวนคนมาออกบูธกว่า 30000 รายทำให้มีคนมางานนี้เป็นจำนวนมาก (การคาดการณ์ในแต่ล่ะครั้งบอกว่า แต่ล่ะวันมีผู้มาในงานคอมิเกะนี้กว่า 300000-500000 คนเลยทีเดียว) แถมการที่มีคนมากแบบนี้ทำให้ต้องมีการจัดทำหนังสือแคตตาล็อตให้คนมาซื้อกันเลยทีเดียว
.
นอกจากนี้ก็มีการมาร่วมงานในฐานะคอสเพลย์เยอร์ด้วย ซึ่งคอมิเกะเป็นหนึ่งในสรวงสวรรค์ของนักคอสเพลย์ที่จะมาปรากฏโฉมชุดและความงดงามในความรักตัวละครนี้ให้ได้เห็นกัน ซึ่งเรียกว่า เป็นเทศกาลของคนการ์ตูนเพื่อคนการ์ตูนอย่างแท้จริง
.
สิ่งที่น่าสนใจอีกอย่างก็คือ งานคอมิเกะนี้เป็นงานที่สร้างรายได้ให้กับบรรดานักเขียนหลาย ๆ คน เนื่องจากเป็นหนังสือทำมือที่ไม่ใข่หนังสือของสำนักพิมพ์จึงสามารถสร้างจินตนาการได้อย่างไม่รู้จบ นักเขียนหลายคนเริ่มต้นทำงานจากการขายหนังสือ เกม หรือ นิยายที่นี่ ก่อนจะก้าวเข้าไปสู่ผู้ผลิตคอนเท็นต์งานแบบออฟฟิคอลในภายหลัง หรือ เข้าสู่วงการหนังสือแบบเต็มตัวในเวลาต่อมา
.
ไม่ว่าจะเป็นสาวกลุ่ม Clamp เจ้าของผลงาน ซากุระ มือปราบไพ่ทาโรต์ หรือ X พลังล้างโลก , อาคามัตสึ เคน จาก เนกิมะ , อุโรโบจิ เก็น ผู้เขียนบทอนิเมะเรื่อง สาวน้อยเวทย์มนต์มาโดกะ และ Fate Zero หรือ นาสุ คิโนะ จาก Typemoon เจ้าของผลงานซีรีย์ Fate Stay Nightเองก็เป็นผลผลิตงานจากการเขียนหนังสือทำมือและมาขายที่คอมิเกะทั้งสิ้น
.
รวมไปถึงนักวาดอย่าง ชุนซาเอกิ จาก ยอดนักปรุงโซมะ หรือ Maybe จาก คนสืบผี กระทั่ง Hisasi หรือเทพเยิ้มจากเรื่องเกราะผสานใจก็ล้วนแล้วแต่เขียนโดจินหนังสือที่ชอบก่อนขึ้นไปเป็นนักเขียนชื่อดังกันแทบทั้งสิ้น
.
แน่นนอนว่า สิ่งนี้ยืนยันถึงการเติบโตของอุตสาหกรรมของสิ่งพิมพ์ของญี่ปุ่นที่ยังคงสร้างงานและอาชีพที่ยืนยันว่า ในญี่ปุ่นหนังสือยังคงมีอนาคตต่อไปตราบใดที่มีผู้สนับสนุนและคนที่รักมันอย่างแท้จริงแบบนี้นี่เอง