หลวงปู่บุญกู้สอนวิธีทำเหตุ และผลของวิบากกรรมที่ติดตามเรามา
วันนี้ได้มีโอกาสไฟฟังพระธรรมเทศนาของหลวงปู่บุญกู้ อนุวัฑฒโน ท่านได้เทศนาสอนให้ทำเหตุมาว่า..
"การปฏิบัติแรกๆมันยาก การทำดีมันยาก ค่อยๆทำไปทีละนิดสะสมไปเรื่อยๆ ทำบ่อยๆ ทำกุศลให้มากในกาย วาจา ใจ เรื่องอกุศลก็ค่อยๆลดลง ให้มันนานขึ้นจึงเกิดมีได้ เวลามันคิดชั่วเราก็คิดดีแทรกแทรงโดยทำใจให้เอื้อเฟื้อปารถนาดี สงเคราะห์ให้"
เช่น..คนที่ชอบทำร้ายเบียดเบียนคนอื่นให้ช้ำใจ พรากชีวิตผู้อื่นนั้น ลักขโมยของผู้อื่น ชอบไปผิดลูกเมียเขา พรากคนรักเขา กระทำไม่ดีชอบด่า ชอบว่าให้ร้ายคนอื่น ยุยงให้ผู้อื่นแตกคอกัน ชอบลุ่มหลงมอมเมาขาดสติในกามารมณ์ ในสุรายาเสพย์ติดที่ทำให้ขาดสติ ระลึกไม่ได้ ..นั้นเพราะเขามีนิสัยสันดานติดมาจากนรก มันสะสมมานาน และเพราะเขาได้สะสม ศีล ทาน ภาวนามา มากพอก็จะมาเกิดเป็นคนได้ พอมาได้เกิดเป็นคนแต่กรรมอกุศลทั้งปวงที่เขาทำมานั้นมีมาก ทำให้เขามีหน้าตาดุร้ายบ้าง พิการบ้าง หม่นหมองไม่งดงามบ้าง จิตใจดุร้ายป่าเถื่อน จิตใจไม่ดีมีความตระหนี่ ริษยา ชอบทำร้ายเบียดเบียนผู้อื่น ฉกชิงของผู้อื่น เกรี้ยวกราด ผูกเวร ผูกโกรธ ผูกอาฆาต ผูกพยาบาท เพราะสันดานจากนรกที่เขาเคยเป็นสัตว์นรกด้วยผลกรรมจากที่ทำไม่ดีเหล่านี้สะสมทับถมเขามามากมันติดตามเขามาด้วย เขาเลยยังแก้ไม่ได้ จึงยังทำกาย-วาจา-ใจให้เป็นไปเพื่อเบียดเบียนทำร้ายตนเองและผู้อื่นอยู่ แล้วยิ่งเขาไม่ทำเหตุในกุศลเพิ่มมันก็ยิ่งชั่วไปใหญ่
..เมื่อเขามีกรรมอย่างนั้นเราก็ไม่พึงข้องใจในเขา อย่าไปติดใจในเขา พึงสงเคราะห์เขาเสีย อย่าไปคิด-พูด-ทำเพื่อเบียดเบียนเขาเพิ่มเติมซ้ำเติมเขาอีก เขาเป็นอย่างนั้นทั้งกายและใจเขาก็ได้รับทุกข์มามากพอแล้ว ทั้งเร่าร้อน, ร้อนรุ่ม, ถูกไฟกิเลสกรรม ถูกไฟนรกแผดเผาต้องกายใจให้หดหู่, วุ่นวาย, ฟุ้งซ่านมามากเต็มที่เขาแล้ว เราควรอดโทษไว้แก่เขา ให้อภัย เป็นการสงเคราะห์เขาเสีย
..หากนิสัยจากนรกที่ติดตามมานี้..เป็นตัวเราเองเมื่อรู้ว่านิสัยในนรกมีมากติดตามมาก็เพียรเจริญในกุศล ศีล ทาน ภาวนา ให้มากสะสมไปเรื่อยๆ เมื่อมันดีมีกำลัง มันก็จะกลายเป็นอุปนิสัย คิด พูด ทำ ในกุศลโดยชอบไม่เร่าร้อนเป็นทุกข์ ท่านผู้รู้ผู้ภาวนาท่านมองมาดูที่ตนเองอย่างนี้
..เมื่อเป็นอุปนิสัยก็จะกลายเป็นจริตสันดาน ตามไปทุกภพชาติ เมื่อมีจริตสันดานในกุศลที่เต็มที่เต็มกำลังใจก็กลายเป็นบารมี มีกำลัง อินทรีย์ก็จะแก่กล้า ทีนี้จิตมันจะไม่ปล่อยให้อกุศลเล็ดลอดออกมาได้ ภาวนาก็ให้รู้ลมหายใจมีพุทโธนี้แหละ หรือจะพิจารณาธาตุ ๖ ตามบทสวดมนต์ธาตุไป