การฆ่าเพื่อเกียรติ กับการกดขี่ผู้หญิงในปากีสถาน
“ผมฆ่าเธอเพราะ เธอทำครอบครัวของเราเสื่อมเสียแก่วงศ์ตระกูลของเรา”
.
คำสารภาพของวาซีม อาซีม น้องชายหรือพี่ชาย (หลายสื่อรายงานความสัมพันธ์นี้ไม่ตรงกัน) ของ Qandeel Baloch เซเล็ปหญิงชื่อดังของปากีสถานที่เสียชีวิตลงด้วยการัดคอ หลังจากกลับบ้านไปเยี่ยมพ่อ กลายเป็นหนึ่งในคดีฆาตกรรมเพื่อเกียรติ หรือ Honor Killing ซึ่งในที่สุดได้ถูกจับกุมตัวหลังหลบหนีไปได้สองวัน
.
แน่ล่ะว่า เมื่อเขาถูกจับกุมมาเขาได้สารภาพถึงสิ่งที่เกิดขึ้นว่า เขาไม่เคยรู้สึกผิดกับการกระทำนี้เลย
.
ตัวอาซีมไม่รู้สึกเสียดายหรือละอายกับการสังหารพี่สาวตัวเองเพราะเขาเชื่อว่าพฤติกรรมของพี่สาวเขาเป็นสิ่งที่สุดจะทน วาซีม อะซีมรับสารภาพว่าเขาสังหารเธอในขณะที่พ่อแม่นอนหลับอยู่ชั้นบนและเขาอยู่กับเธอที่ชั้นล่าง เขาสังหารเธอเมื่อเวลาประมาณ 4 ทุ่ม 45 นาที หลังจากเอาแท็บเล็ตให้เธอใช้
.
มีข้อรายงานว่า เขาวางยาเธอให้หลับด้วย ก่อนจะลงมือฆ่าเธออย่างโหดเหี้ยม
.
ที่น่าสนใจกว่านั้นคือ เขาอาจจะไม่ติดคุก เพราะ มีกล่าวว่า พ่อและครอบครัวของเขาไม่เอาเรื่อง เพราะถือว่าเป็นการฆ่าเพื่อเกียรติ ซึ่งเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในปากีสถานที่มีคนตายเพราะ การฆ่าเพื่อเกียรติไม่ต่ำกว่า 1000 คนทีเดียว นับว่า เป็นประเทศที่มีปัญหาด้านนี้สูงที่สุดในโลก
.
กระนั้นเองการตายของเธอนั้นได้กลายเป็นที่ตั้งคำถามต่อสังคมว่า ควรหรือยังทีจะมีกฎหมายออกมาควบคุมสิ่งที่เกิดขึ้นนี้
.
ชาร์มีน โอเบด ชินอย ผู้กำกับที่ได้รับรางวัลออสการ์จากภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับการฆ่าเพื่อเกียรติในปากีสถานให้สัมภาษณ์ว่า การฆ่าเพื่อเกียรติยศเช่นนี้เป็นสิ่งที่ "ระบาดหนัก" ในปากีสถาน ซึ่งมีนักกิจกรรมพยายามพูดถึงเรื่องนี้มาโดยตลอด แต่ก็ยังคงเกิดขึ้นอย่างกว้างขวางโดยที่ไม่เพียงแค่เกิดขึ้นในเมืองเล็กๆ เท่านั้น การสังหารเช่นนี้ยังมีกรณีเกิดขึ้นในเมืองใหญ่ๆ ด้วย นั่นทำให้เธอสนับสนุนให้ผ่านร่างกฎหมายต่อต้านการสังหารเพื่อเกียรติยศ
.
แน่ล่ะว่า สิ่งที่น่าสนใจคือ คำพูดของฆาตกรที่ทำการฆ่าเพื่อเกียรติยศที่ทั้งหมดไม่เคยโศกเศร้าเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลย หนำซ้ำพวกเขายังรู้สึกดีที่ได้ฆ่าคนอีกต่างหาก
.
มุฟตี นาอีม ครูสอนศาสนาอิสลามสายอนุรักษ์นิยมก็เป็นอีกคนประณามการก่อเหตุสังหารในครั้งนี้เช่นกัน โดยบอกว่าชีวิตส่วนตัวของ Baloch ก็ถือเป็นเรื่องของเธอเอง การสังหารใครบางคนถือเป็นฮะรอม (สิ่งต้องห้ามตามหลักอิสลาม) น้องชายของเธอควรถูกลงโทษ ไม่ควรมีใครถูกฆ่าในนามของเกียรติยศศักดิ์ศรี
.
การตายของเธอนับว่าเป็นสิ่งที่หลายคนโศกเศร้าและพากันตั้งคำถามถึงหลักการในประเทศแห่งนี้ว่า ดูแลคนในประเทศนี้อย่างไรโดยเฉพาะสตรีกันแน่ นั่นทำให้เรารู้สึกได้ถึงสภาพสังคมที่ชายเป็นใหญ่ในประเทศนี้อย่างชัดเจน เมื่อพ่อ และ พี่ชายเป็นสิทธิขาดในบ้านที่ผู้หญิงไม่มีสิทธิจะทำอะไรนอกจากยอมตามที่พวกเขาต้องการเท่านั้น
.
ตัวของ Qandeel Baloch ก็เช่นกัน
.
เธอถูกพ่อแม่บังคับให้แต่งงานกับชายที่อายุมากกว่าเธอหลายเท่าตอนอายุ 17 ปี เนื่องจากบ้านของเธอมีฐานะยากจนต้องการเงินจากชายคนนี้ ซึ่งเธอก็ทนอยู่กับเขาจนมีลูกหนึ่งคน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ไหวจนต้องยอมหย่า เหตุผลหลัก ๆ ที่ทำให้เธอต้องหย่านั่นก็คือ การทนรับมือรับเท้าจากเขาไม่ไหว ด้วยความที่เธอคนสวยจึงมีผู้คนมาสนใจ นั่นทำให้สามีของเธอทำร้ายเธอบ่อยครั้งด้วยความหึงหวง
.
แต่ที่หนักคือ การพยายามข่มขู่เธอว่า จะสาดน้ำกรดใส่หน้าของเธอ
.
ซึ่งแน่ล่ะว่า การสาดน้ำกรด เป็นหนึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในปากีสถานและมีผู้เคราะร้ายเป็นหญิงสาวจำนวนมากทีเดียวที่ต้องเจอกับเรื่องทุกข์ทรมานเช่นนี้
.
ด้วยประสบการณ์เลวร้าย และการใช้ชีวิตแบบปากกัดตีนถีบนี้ทำให้เธอกลายเป็นหญิงสาวที่ทำทุกอย่างละส฿ชีวิตเพื่อให้ครอบครัวและลูกมีชีวิตที่ดีขึ้น ที่เธอมีฐานะที่ดีนั้นมาจากการเป็นเน็ตไอดอลและการต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชนนั้นแหละที่ทำให้เธอมาไกลจนมีชื่อเสียงระดับโลก
.
โดยเฉพาะการต่อสู้กับการกดขี่ผู้หญิงในปากีสถานเพียงลำพังโดยไมมีใครสนใจ กระทั่งเสียชีวิตเพราะมือน้องชายและครอบครัวของตัวเอง
.
การตายของเธอทำให้หลายคนตัดสินใจออกมาไว้อาลัยและจุดเทียนให้กับเธอกันจำนวนมาก หลายคนบอกว่า ชีวิตของผู้หญิงไม่มีคุณค่าเลยภายใต้การบีบคั้นของแนวคิดอนุรักษ์นิยมและสังคมแบบชายเป็นใหญ่ ซึ่งพวกเธอขอประท้วงต่อต้านสิ่งเหล่านี้
.
คงต้องดูกันว่า การตายของเธอจะเปลี่ยนสังคมที่กดขี่ผู้หญิงนี้ได้หรือไม่ หรือเธอจะเป็นเพียงการตายที่เกิดขึ้นแล้วเกิดขึ้นอีกโดยไม่มีใครสนใจอีกเลยก็เท่านั้น
.
คงต้องตามดูกันต่อไปค่ะ