หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เคล็ดลับฉบับความหวาน: รอบรู้เรื่องน้ำตาลเพื่อมื้ออาหารสุดเฮลท์ตี้

โพสท์โดย Francom Asia

เคยคิดกันบ้างไหมว่าชีวิตเราจะเป็นอย่างไรหากไม่มีน้ำตาล แน่นอนว่าคงจะจืดชืดไม่ใช่น้อยเลยล่ะ เพราะน้ำตาลช่วยให้อาหารมีรสหวาน อร่อยกลมกล่อมขึ้น และยังทำให้เรารู้สึกอิ่มเอมใจไปกับอาหารแต่ละมื้อ นอกจากนี้ ยังรู้กันดีว่า รสชาติหอมหวานของน้ำตาลช่วยให้รู้สึก “สดชื่นกระปรี้กระเปร่า” และอารมณ์ดีขึ้นได้ทันทีที่เรารู้สึกโหยและอ่อนล้า ในอดีตกาลที่น้ำตาลยังไม่ใช่ของที่หาซื้อได้ทั่วไป เราหาความหวานจากผักและผลไม้มากมายแทน มีข้อมูลที่น่าสนใจพบว่า พระนางคลีโอพัตรา ซึ่งมีพระชนม์ชีพในช่วง 69 ถึง 30 ปีก่อนคริสตกาล ทรงโปรดปรานลูกฟิกและอินทผลัมเป็นของทานเล่น ซึ่งเป็นหนึ่งในผลไม้ที่มีรสหวานที่สุด น้ำตาลเพิ่งกลายมาเป็นส่วนประกอบสำคัญของอาหารที่เราทานเมื่อช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 16 ที่ผ่านมานี้เอง เมื่อเริ่มมีการทำไร่อ้อยผลิตน้ำตาลและใช้เรือขนน้ำตาลไปค้าขายยังภูมิภาคต่าง ๆ ทั่วโลก        

น้ำตาลเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่ง พบได้ทั่วไปในอาหารหลากหลายประเภท เช่น น้ำตาลแลกโตสในน้ำนม หรือน้ำตาลฟรุกโตสในผลไม้และน้ำผึ้ง อันที่จริงแล้ว น้ำตาลบางชนิดถือว่าส่วนประกอบจำเป็นของอาหารเพราะช่วยเติมเต็มพลังงานให้กับร่างกาย ไม่ว่าจะเป็นกล้ามเนื้อหรือสมอง ต่างก็ต้องการเชื้อเพลิงมาเพิ่มพลังงานและช่วยให้ร่างกายรู้สึกกระฉับกระเฉงตื่นตัวทั้งนั้น ดังนั้น จึงไม่ควรตัดน้ำตาลออกไปจากมื้ออาหารไปซะหมด แต่ควรรู้จักบริโภคน้ำตาลอย่างเหมาะสมและเข้าใจประโยชน์ของน้ำตาลให้ถ่องแท้เสียก่อน เพื่อจะได้เพลิดเพลินกับรสชาติหวาน ๆ แสนอร่อยโดยไม่ส่งผลร้ายต่อสุขภาพให้รำคาญใจ   

ฟรุกโตส กลูโคส และซูโครส  

น้ำตาลมีอยู่ด้วยกันหลายชนิดและมาจากหลายแหล่งที่มา แต่ชนิดที่บริโภคกันมากได้แก่ ฟรุกโตสและกลูโคส ที่มีอยู่ตามธรรมชาติในผักและผลไม้ซึ่งมีเส้นใยและสารต้านอนุมูลอิสระรวมอยู่ด้วยเช่นกัน ส่วนน้ำตาลซูโครสมาจากฟรุกโตสและกลูโคสประกอบกัน กลายเป็นน้ำตาลทรายที่เราซื้อและใช้ประกอบอาหารในชีวิตประจำวันนั่นเอง เมื่อเราบริโภคน้ำตาลเข้าสู่ร่างกาย กลูโคสจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือด และเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือด ในขณะที่ฟรุกโตสจะต้องถูกเปลี่ยนให้เป็นกลูโคสก่อน จากนั้นก็จะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดต่อไป นับเป็นคาร์โบไฮเดรตชนิดหนึ่งที่มีรสชาติแสนอร่อยชวนติดใจ ทว่าก็ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดเพิ่มสูงขึ้นอย่างค่อยเป็นค่อยไปหลังจากที่บริโภคเข้าไปแล้ว

เราคงเคยได้ยินเกี่ยวกับน้ำเชื่อมข้าวโพดชนิดที่มีฟรุกโตสสูง หรือ high fructose corn syrup (HFCS) ซึ่งทำมาจากข้าวโพดกันมาบ้าง เจ้าน้ำเชื่อมตัวนี้เป็นคนละอย่างกับน้ำตาลฟรุกโตส ความจริงแล้วน้ำเชื่อมชนิดนี้มีองค์ประกอบคล้ายกับน้ำตาลทราย และปริมาณครึ่งหนึ่งของน้ำตาลชนิดนี้เป็นน้ำตาลกลูโคส น้ำเชื่อม HFCS พบมากในพวกอาหารแปรรูป และเริ่มนิยมใช้กันมากในยุค 1980 โดยผู้ผลิตเริ่มหันมาใช้น้ำเชื่อมนี้แทนน้ำตาลจากอ้อยเพื่อเพิ่มรสชาติให้กับผลิตภัณฑ์อาหารแปรรูปต่าง ๆ โดยที่หลายคนไม่ได้นึกสงสัยเลยว่าจะมีน้ำตาลชนิดนี้ซ่อนอยู่ในอาหารในชีวิตประจำวันทั่วไป อย่างเช่น ซอสมะเขือเทศ น้ำสลัด แครกเกอร์ และพวกขนมปังต่าง ๆ ซึ่งทำให้คนเราสะสมแคลอรี่เพิ่มขึ้นโดยไม่รู้ตัว นี่จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมเราจึงควรอ่านฉลากอาหารที่จะทานให้เข้าใจ เพื่อจะได้รู้ว่าบริโภคอะไรเข้าไปบ้างในแต่ละมื้อ    

น้ำตาลทานได้ แต่ในปริมาณที่พอดี

ในบางครั้ง อาหารบางเมนูต้องเติมรสหวานเข้าไปบ้างเพื่อช่วยชูรสอาหารให้อร่อยขึ้น หรือกลบรสขมให้น้อยลง หรืออย่างน้อยก็ให้รู้สึกเพลิดเพลินเวลาทานกันสักหน่อย อย่างไรก็ดี เราก็ต้องรู้จักควบคุมปริมาณน้ำตาลที่เติมให้เหมาะสมด้วย และหันมาลิ้มรสชาติหวาน ๆ ตามธรรมชาติจากอาหารอย่างผลไม้กันให้มากขึ้น 

เราทุกคนรู้ดีว่า ในทางวิทยาศาสตร์นั้น เมื่อพูดถึงการบริโภคน้ำตาล ก็จะเชื่อมโยงไปถึงโรคอ้วน และปัญหาด้านสุขภาพอื่น ๆ ด้วย ดังนั้นการทำความเข้าใจชนิดน้ำตาลต่าง ๆ และความสำคัญของน้ำตาลในอาหารแต่ละมื้อจึงถือเป็นเรื่องสำคัญ โดยข้อมูลจากสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) พบว่า กาแฟขนาด 475 มิลลิลิตรหนึ่งถ้วยที่คนไทยนิยมดื่มกันทั่วไป มีน้ำตาลอยู่ถึง 10.5 ช้อนชาหรือ 52.5 กรัม ในขณะที่ชานมไข่มุกปริมาณ 350 มิลลิลิตรในหนึ่งแก้ว จะมีน้ำตาลทั้งหมด 11.25 ช้อนชาหรือ 56.25 กรัม ซึ่งหากคุณดื่มเครื่องดื่มเหล่านี้แค่เพียงหนึ่งแก้ว จำนวนน้ำตาลที่ควรบริโภคต่อวันก็จะเกือบเกินหรือเกินระดับของเกณฑ์ทางด้านโภชนาการของไทยที่กำหนดไว้ (นั่นคือ แต่ละคนควรบริโภคน้ำตาลเพียงร้อยละ 10 ของปริมาณพลังงานในอาหารที่บริโภคทั้งหมด หรือห้ามมากกว่า 40-55 กรัมต่อวัน)

ปริมาณน้ำตาลที่สมดุลคือคำตอบ คุณไม่สามารถทานอาหารแบบไม่มีน้ำตาลเลยได้ แต่เราก็ไม่อยากบริโภคน้ำตาลมากเกินไป เพราะนั่นเท่ากับเพิ่มจำนวนแคลอรี่ให้ร่างกาย และอาจทำให้น้ำหนักตัวเพิ่มขึ้นด้วย

ดร. เดวิด ฮีเบอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านโภชนาการที่มีชื่อเสียง อีกทั้งยังดำรงตำแหน่งประธานสถาบันโภชนาการเฮอร์บาไลฟ์และประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านโภชนาการของเฮอร์บาไลฟ์ กล่าวว่าเขาไม่เชื่อเรื่องการตัดน้ำตาลออกจากอาหารที่ทานโดยสิ้นเชิง “เราต้องมีน้ำตาลในอาหารบ้างในทุก ๆ วัน เพราะมันช่วยให้พลังงานแก่สมอง เม็ดเลือด และอวัยวะต่าง ๆ ในร่างกายอย่างรวดเร็ว ช่วยให้ร่างกายทำงานได้ดี หากคุณงดทานคาร์โบไฮเดรตต่าง ๆ คุณก็จะต้องทานโปรตีนเพิ่มมากขึ้น ไม่อย่างนั้นร่างกายของคุณอาจสลายกล้ามเนื้อตัวเองเพื่อสร้างน้ำตาลในร่างกายแทน” 

ดร. ฮีเบอร์ ยังอธิบายด้วยว่า น้ำตาลไม่ใช่ยาพิษตัวร้าย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออยู่ในอาหารที่มีแคลอรี่ต่ำ และเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงที่จะไม่ทานน้ำตาลโดยสิ้นเชิงได้ สิ่งสำคัญก็คือการรู้ว่าน้ำตาลมีอยู่ด้วยกันหลายชนิด และรู้ว่าอาหารที่คุณทานมีปริมาณน้ำตาลมากน้อยเท่าไหร่ ยกตัวอย่างเช่น น้ำตาลฟรุกโตสแบบธรรมชาติที่พบในผัก ผลไม้ และน้ำผึ้ง มีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทั่วไป ดังนั้นคุณสามารถลดปริมาณน้ำตาลที่คุณจะบริโภคลงได้ “เพราะน้ำตาลฟรุกโตสมีความหวานกว่าน้ำตาลทรายถึงสองเท่า การใช้น้ำตาลฟรุกโตสก็เป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยลดปริมาณน้ำตาลที่จะใส่ลงไปในอาหาร ตลอดจนสามารถใช้ในแผนการดูแลน้ำหนักได้เป็นอย่างดีด้วย” เขากล่าวเสริม 

ผลิตภัณฑ์โปรตีนเชคของเฮอร์บาไลฟ์ที่วางจำหน่ายในประเทศไทยมีปริมาณน้ำตาลฟรุกโตสเพียง 7-9 กรัมต่อการบริโภคหนึ่งครั้ง  ซึ่งเป็นปริมาณเดียวกับฟรุกโตสที่พบในแอปเปิ้ลไซส์กลาง ๆ หนึ่งผล และยังถือเป็นปริมาณที่สมเหตุสมผลสำหรับการรับประทานและยังช่วยให้มีรสชาติดีด้วย แต่สำหรับผู้ที่กังวลเกี่ยวกับการบริโภคน้ำตาลฟรุกโตสในปริมาณมาก ๆ นั้นควรต้องพิจารณาองค์ประกอบโดยรวมทั้งหมดของอาหารที่ตนเองจะรับประทานด้วย เพื่อให้รู้ว่าแต่ละวันควรบริโภคน้ำตาลฟรุกโตสและน้ำตาลชนิดอื่น ๆ มากน้อยเท่าไหร่

9 เคล็ดลับ ช่วยลดปริมาณน้ำตาลให้ร่างกาย

  1. ชิมอาหารทุกครั้ง ก่อนจะเติมน้ำตาลเพิ่ม
  2. ไม่ควรทานอาหารหรือเครื่องดื่มที่มีน้ำตาลสูง
  3. เรียนรู้วิธีอ่านฉลากโภชนาการข้างผลิตภัณฑ์
  4. รู้จักชื่อน้ำตาลต่าง ๆ อาทิ กากน้ำตาล มอลท์ไซรัป น้ำตาลอ้อย ฯลฯ รวมถึงสารอาหารที่ลงท้ายด้วย “โ-ส” หรือ “ose” เช่น กลูโคส ฟรุกโตส เป็นต้น
  5. ไม่ควรเติมและบริโภคน้ำตาลต่อวันเกินปริมาณที่ผู้เชี่ยวชาญแนะนำ
  6. ค่อย ๆ ลดปริมาณน้ำตาลที่ทานทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายได้ปรับตัว
  7. หันมาใช้วานิลลา ซินนามอน หรือผิวเลมอนขูดละเอียดเพื่อเติมรสหวานให้อาหาร
  8. ทานโปรตีนและอาหารที่มีเส้นใยที่จะช่วยให้คุณอิ่มได้นานกว่า
  9. เลือกทานผลไม้สด แทนที่จะดื่มน้ำผลไม้หรือสมูทตี้

*บทความนี้ได้รับการสนับสนุนข้อมูลจากเฮอร์บาไลฟ์ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะส่งมอบโภชนาการเพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของผู้คนและเพื่อสนับสนุนการสร้างเสริมวิถีชีวิตสุขภาพดีและกระฉับกระเฉง

###

เกี่ยวกับเฮอร์บาไลฟ์

เฮอร์บาไลฟ์ เป็นบริษัทโภชนาการระดับโลก ที่ช่วยส่งเสริมให้ชีวิตผู้คนทั่วโลกมีการเปลี่ยนแปลงที่ดีขึ้นตั้งแต่ปี ค.ศ. 1980  ผลิตภัณฑ์คุณภาพของเฮอร์บาไลฟ์ ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์โภชนาการ ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อการจัดการน้ำหนัก ผลิตภัณฑ์เพื่อเสริมสร้างพลังงานและความแข็งแรง ผลิตภัณฑ์ดูแลผิวพรรณและเส้นผม จัดจำหน่ายเพื่อการอุปโภคบริโภคส่วนตัวของสมาชิกอิสระของเฮอร์บาไลฟ์และผ่านสมาชิกไปยังผู้บริโภคในกว่า 90 ประเทศทั่วโลก  เฮอร์บาไลฟ์มุ่งมั่นต่อสู้กับภาวะการได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอและโรคอ้วนที่กำลังเป็นปัญหาระดับโลก ด้วยการส่งมอบผลิตภัณฑ์คุณภาพสูง พร้อมคำแนะนำเฉพาะบุคคลจากสมาชิกเฮอร์บาไลฟ์และชุมชนที่เป็นแรงบันดาลใจให้ผู้บริโภคได้ใช้ชีวิตอย่างมีสุขภาพดีและมีวิถีชีวิตที่กระฉับกระเฉง

บริษัทให้การสนับสนุน เฮอร์บาไลฟ์ แฟมิลี่ ฟาวเดชั่น (Herbalife Family Foundation : HFF) และโครงการคาซ่า เฮอร์บาไลฟ์ เพื่อนำพาโภชนาการที่ดีไปสู่เด็กๆ ที่ขาดแคลน  อีกทั้งยังให้การสนับสนุนนักกีฬา สโมสรกีฬา รวมถึงการจัดการแข่งขันระดับโลกรวมกว่า 190 ราย อาทิ คริสเตียโน โรนัลโด ทีมฟุตบอลแอลเอ กาแล็กซี่ และนักกีฬาระดับแชมเปี้ยนของกีฬาประเภทต่างๆ

ปัจจุบัน เฮอร์บาไลฟ์มีพนักงานทั่วโลกกว่า 8,000 คน และมีหุ้นจดทะเบียนซื้อขายอยู่ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก  (NYSE: HLF) โดยในปี พ.ศ. 2558 บริษัทมียอดขายสุทธิอยู่ที่ 4.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ  สำหรับข้อมูลเพิ่มเติม สามารถเยี่ยมชมเว็บไซต์ herbalife.co.th

 

ศูนย์บริการข้อมูลข่าวสารเฮอร์บาไลฟ์

คุณวันดี เลิศสุพงศ์กิจ / คุณฐานิตา ศรีรัตนโชติ

โทร. 02 233 4329-30 หรืออีเมล์ pr@francomasia.com  

เนื้อหาโดย: เฮอร์บาไลฟ์ ประเทศไทย
⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
Francom Asia's profile


โพสท์โดย: Francom Asia
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หนุ่มไปดูพริตตี้ในงานมอเตอร์โชว์ แต่โดนสาวจ้องกลับ..ดูสิใครจะเขินก่อนกันดาราดังผันตัวเปิดร้านก๋วยเตี๋ยว สู้ชีวิตหลังงานบันเทิงหดหาย รับออร์เดอร์เอง เสิร์ฟเองอย่างตั้งใจคานเหล็กยกระดับถล่มดับ 3 เจ็บ 6 ถนนพระราม 2Amazing thailand Ryan Tedder และ Dua Lipa ร่วมอวดภาพตัวเงินตัวทองในไทยผ่านไอจี  หมอช็อก! ซื้อของจีนราคาถูกเป็นเหตุ แกะออกมามีแต่ฝุ่นจนต้องชำแหละศพถูกพบอย่างต่อเนื่อง เมื่อหนุ่มชาวอินโดนีเซียถูกงูเหลือมยักษ์กลืนกินทั้งเป็นในสวนปาล์ม ขณะที่เจ้าหน้าที่ทำการผ่าท้องเพื่อดูสภาพศพ ทำให้เกิดความตกใจอย่างมากเปลี่ยนบทบาท! งานหด ดาราพิธีกรชื่อดังหันขายก๋วยเตี๋ยว รับ-เสิร์ฟครบจบในคนเดียววาฬหลังค่อม : นักเดินทางไกลยักษ์ใหญ่แห่งมหาสมุทร ผู้เลี้ยงลูกด้วย "น้ำนม"เพจดัง แฉดราม่าอีกแล้ว ละครดังจากช่องเดิม หลังมีคนชมว่าแสดงดี แต่พ่อน้องนักแสดงออกมาบอก ที่แสดงสมจริงเพราะวันนั้นไข้ขึ้นเกือบ 40 องศาสาวซิ่ง BMW มอบตัวแล้ว หลัง ชนแม่ลูกดับ 3 ศพ ตำรวจตั้ง 3 ข้อหาหนักสรยุทธเผยเหตุการณ์ไม่คาดฝัน! ตึกช่อง 3 สะเทือนหนักจนหมดสภาพ เจ้าตัวยังไม่อยากเชื่อว่าเกิดขึ้นได้ทรงผมดั้งเดิมของชาวรวันดา อามาซุนซู (Amasunzu)
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
"แบมแบม" โพสต์ "สนแต่เรื่องเงิน แต่ไม่แคร์ royalty"..แฟนๆ แห่อันฟอลทันที!วาฬหลังค่อม : นักเดินทางไกลยักษ์ใหญ่แห่งมหาสมุทร ผู้เลี้ยงลูกด้วย "น้ำนม"บริษัทสายเปย์ ทั้งจ่ายโบนัส จ่ายเงินพิเศษ แถมขึ้นเงินเดือนอีกคานเหล็กยกระดับถล่มดับ 3 เจ็บ 6 ถนนพระราม 2
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
5 เทคนิคการเก็บอาหารสดให้ได้นานขึ้น โดยไม่ต้องพึ่งตู้เย็นโถคาโนปิก : สมบัติลึกลับของการทำมัมมี่ในอียิปต์โบราณมารัง : สมบัติลับจากป่าเขียวขจีworthless: ไร้ค่า
ตั้งกระทู้ใหม่