"สติ"ฮีโร่ที่แท้จริงในตัวคุณ อ่านเลย!! อ่านเลย!!
หลายๆท่านคงเคยได้ยินคำว่า "สติมา ปัญญาเกิด" และในเวลาที่เรากำลังโกรธจนหัวเสียเช่นกัน ท่านผู้อ่านคงเคยได้ยินใครหลายๆคนเตือนเราว่า "มีสติ มีสติ มีสติ" หลายท่านอาจจะเข้าใจว่า การมีสติก็คือการรู้เนื้อรู้ตัว รู้ผิดชอบชั่วดี รู้ผิดรู้ถูก และสามารถควบคุมทุกอย่างได้ แต่เคยสังเกตรึเปล่าครับ ว่าเวลาที่เราโกรธ หงุดหงิด เครียด หรือมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้น เราแทบไม่สามารถควบคุมตัวเราเองได้เลย ใจก็ด้วย พอมีเรื่องเกิดขึ้นปุ๊บ กายทุกข์ทันที ใจทุกข์ทันที ไม่สามารถควบคุมอะไรได้ แล้วเราจะบอกว่าเรามีสติได้อย่างไร ซึ่งวันนี้ผมเอาตัวอย่างการมีสติอย่างแท้จริง มาฝากท่านผู้อ่านทุกท่านครับ
"นิก" นักเขียนมือใหม่ เธอพึ่งได้งานกับบริษัทๆหนึ่ง ในเช้าตรู่ของวันหนึ่ง เธอออกจากคอนโดแต่เช้า เพราะมีนัดส่งงานงานกับท่านบก. และด้วยความที่เป็นนักเขียนจบใหม่ไฟแรง เธอมั่นใจกับผลงานชิ้นนี้ของเธอมาก และเธอหวังเป็นอย่างยิ่งว่า ท่านบก.ต้องชอบผลงานชิ้นนี้ของเธอแน่ และเมื่อไปถึงบริษัท เธอมุ่งหน้าเดินตรงไปที่ห้องบก. ก่อนจะเคาะประตูสองครั้ง แล้วพลักเข้าไปข้างในทันที พอไปถึงที่โต๊ะ เธอก็ค่อยๆวางแฟ้มงานลง แล้วส่งยิ้มให้บก.ก่อนจะพูดกับเค้าว่า "อรุณสวัสดิ์ค่ะท่านบก.ดิฉันทำโปรเจคแรกของดิฉันเสร็จเรียบร้อยแล้วนะคะ รบกวนพิจารณาผลงานของดิฉันด้วยนะคะ รับรองว่าท่านต้องชอบแน่ๆค่ะ" เมื่อเธอพูดจบ ท่านบก. ก็ค่อยๆเอื้อมมือมาหยิบแฟ้มของเธอขึ้นไปเปิดอ่านทีล่ะหน้าๆจนจบ ก่อนจะวางแฟ้มลงที่เดิมแล้วพูดกับเธอว่า "นี่หนู งานที่หนูทำมาส่งฉันน่ะ เด็กป.6ยังเขียนได้เลย ฉันจ้างคน จ้างมาเพื่อที่จะมาสร้างความแปลกใหม่ให้กับหนังสือของเรานะ ไม่ได้ให้มาเขียนเรียงความแบบนี้ ไม่ผ่าน!! เอาไปทำมาใหม่ และคงไม่ต้องให้บอกนะ ว่าต้องทำยังไง" ทันทีที่เสียงบก.สิ้นสุดลง บรรยากาศภายในห้องเปลี่ยนเป็นอึมครึม จากที่เธอเคยสดใสรู้สึกมั่นใจ เปลี่ยนเป็นท้อแท้ และหมดกำลังใจขึ้นมาทันที เธอเสียความรู้สึกมากแต่เก็บอาการไว้ ก่อนที่จะตอบรับคำสั่งของบก. แล้วค่อยๆเดินออกจากห้องไป และทันทีที่หลังของเธอพ้นบานประตู ทุกสิ่งทุกอย่าง ที่เธออัดอั้นไว้เมื่อตอนอยู่ในห้อง ก็ถูกระบายออกมา น้ำตาที่ถูกกักเก็บเอาไว้เมื่อครู่ ได้หลั่งไหลพรั่งพรูออกมา ราวกับสายน้ำ
หลังจากวันนั้น เธอหมดกำลังใจที่จะคิดอะไรดีๆต่อไปแล้ว เพราะคำพูดและสิ่งที่บก.ทำกับเธอ ยังวนเวียนอยู่ในหัว คอยหลอกหลอนตอกย้ำเธอตลอดเวลา วันๆเธอก็เฝ้าแต่คิดถึงคำพูดนั้น เหตุการณ์นั้น จนแทบจะเสียคน กระทั่งเพื่อนของเธอเห็นท่าไม่ดี จึงพาเธอมานั่งจับเข่าคุยเพื่อแก้ไขปัญหา เพื่อนของเธอถามเธอว่า "ไหวมั้ย? เป็นยังไงบ้าง?" เธอตอบว่า "ฉันเสียใจ ที่เค้าพูดกับฉันแบบนี้ ทำกับฉันแบบนี้" เพื่อนของเธอจึงพูดกลับไปว่า "นิก ตอนนี้เธอกำลังเพ่งจ้อง แล้วก็หลงอยู่นะ" เธอถามเพื่อนกลับ "เพ่งจ้อง หลง ยังไง?" เพื่อนเธอก็ตอบกลับว่า "ก็เพ่งจ้องกับเหตุการณ์วันนั้นน่ะสิ แล้วที่บอกว่าหลง ก็หลงทุกข์หลงระทมไปกับความรู้สึกเธอนั้นแหละ ฟังฉันนะนิก เหตุการณ์วันนั้นฉันรู้ว่ามันเลวร้ายมาก และฉันเข้าใจความรู้สึกเธอ แต่มันจบไปแล้ว จบลงตรงนั้นแล้ว เค้าด่าเค้าว่าเธอแค่เพียงครั้งเดียว แต่เธอเองนั้นแหละที่เอาคำพูดนั้น เหตุการณ์นั้น มาเปิดวนดูซ้ำๆในหัวของเธอเอง จนวางความทุกข์ไม่ได้แบบนี้ (มีสติิอยู่กับปัจจุบันหน่อยสิ) แล้วชีวิตเธอจะง่ายขึ้น"
ทันทีที่ได้ยินเพื่อนเตือนสติด้วยคำพูดคำหนึ่งที่ว่า "มีสติอยู่กับปัจจุบันหน่อยสิ" เธอรู้สึกเหมือนโลกหยุดหมุน และตามมา ด้วยความรู้สึกเหมือนหลุดจากภวังค์ เธอหลุด ตื่น รู้เนื้อรู้ตัว และกลับมาสู่ปัจจุบันขณะ ที่เป็นความจริง เป็นเดี่ยวนี้ ตอนนี้เท่านั้น และเธอก็ได้ทำความเข้าใจกับตัวเองว่า "นิก มันไม่ได้หนักหนาสาหัสอะไรเลย เรื่องวันนั้นมันจบไปแล้ว เค้าด่าแกวันนั้น มันก็จบตรงนั้น ไม่ได้ตามมาด่าแกตลอดเวลาซะหน่อย เลิกคิดเรื่องนั้นไปได้เลย ที่สำคัญคือ แกต้องมองให้เห็นปัจจุบัน คือมองตอนนี้ ขณะนี้เท่านั้น ซึ่งมันไม่ได้มีอะไรมากมาย เพราะตอนนี้แกอยู่คอนโด แกอยู่กับเพื่อนบนโซฟานุ่มๆเท่านั้น ไม่ได้โดนยัยบก.ด่าเหมือนวันนั้นซะหน่อย แล้วจะเครียดเพื่อ? ไปๆๆๆๆ ไปอาบน้ำอาบท่า แล้วออกไปหาหนังดูดีกว่า ได้ข่าวว่าฟาด8เข้าแล้วนิ"
ผมอยากบอกกับท่านผู้อ่านทุกท่านว่า ชีวิตคนเรามีเพียงขณะเดียว คือตอนนี้ขณะนี้เท่านั้น ที่เป็นความจริงจับต้องได้ อดีตจับต้องไม่ได้ อนาคตก็เช่นเดียวกัน ฉะนั้น มีสติจัดการกับปัจจุบันขณะให้ดีที่สุด ก็พอแล้วครับ แล้วพบกันใหม่ในบทความถัดไป