การสาปแช่ง ด้วย พริก เกลือ ไฟ และจิตนาการเพื่อปลอบใจตนเองกันเถอะ
การใช้ความรุนแรงกำลังเป็นปัญหาใหญ่ในสังคมไทย มีผู้เสนอวิธีแก้ไขกันหลายวิธี การสาปแช่ง นับเป็นวิธีหนึ่งในการลดความรุนแรงในสังคมได้ (การปลดปล่อยอารมณ์ในเชิงจิตวิทยาและยังเป็นการสื่อสารทางสังคมอีกทางหนึ่งด้วย) เนื่องจากไม่มีการลงไม้ลงมือ อีกทั้งอุปกรณ์ก็หาง่ายและราคาถูก คือใช้เพียง พริก เกลือ และ ไฟ ที่เหลือก็เป็น จิตเรา กับ กรรมของไอ้หมอนั่น
การเผาพริกเผาเกลือ ถือเป็นพิธีกรรมความเชื่อพื้นบ้านที่มีมาช้านานแล้ว โดยการนำพริกกับเกลือมาเผาหมายถึงเป็นการเกลียดชังชนิดที่เรียกว่า "ตายไปก็ไม่ร่วมเผาผีกันเลยทีเดียว"
สำหรับการสาปแช่งด้วยการเผาพริกเผาเกลือนั้นเชื่อกันว่าได้รับอิทธิพลมาจากชาวฮินดูโบราณปรากฏในหนังสือ “พิชัยสงครามฮินดูโบราณ” เรียบเรียงและแปลโดย ร้อยเอก ยี.อี.เยรินี (พันเอก พระสารสาสน์พลขันธ์) กล่าวไว้ว่า
“มีคำกล่าวว่า ผู้ที่มีความโกรธแค้นนักกับผู้ใดๆเคยหยิบเกลือมาหยิบมือหนึ่ง ถ้าเป็นเวลาเช้าหันหน้าไปยังบูรพาทิศ กล่าวคำสาบานแช่งด่าผู้ที่ตนโกรธแค้นนั้นพอแรงแล้ว จึงรดลงน้ำที่เกลือ หมายว่าจะให้ผู้ที่เป็นศัตรูนั้นฉิบหายละลายไปดุจดังเกลือละลายน้ำ ถ้าเป็นเวลาเย็น ต้องหันหน้าไปยังประจิมทิศสาบานแช่งด่าผู้ที่โกรธนั้นเสียให้มากๆจนพอแก่ความแค้นแล้ว จึงเอาเกลือหยิบมือหนึ่งนั้นสาดเข้าในกองไฟ หวังให้ผู้เป็นศัตรูที่โกรธแค้นกันนั้น แตกประทุกระจายเรี่ยรายไปด้วยภัยอันตรายต่างๆดุจดังเกลือประทุแตกระเบิดป่นไปด้วยไฟ
แต่ธรรมเนียมชาวสยามใหม่ในภายหลัง ใช้เผาพริกแห้ง เป็นการสาบานแช่งให้ร้ายแก่ผู้เป็นศัตรู หมายใจว่าจะให้ผู้ที่ตนโกรธแค้นนั้นได้ทุกข์เดือดร้อนนัก ดุจดังผู้ที่ต้องพริกแสบร้อนกระสับกระส่ายวุ่นวายในใจฉะนั้น ธรรมเนียมนี้เห็นจะสืบเนื่องมาแต่ธรรมเนียมที่ชาวฮินดูโบราณเอาเกลือมาวางที่ใบดาบและรดน้ำเกลือละลายให้สาบานนั้น”