ทะเลสาบเดดซีทะเลที่ไม่มีชีวิต
ทะเลสาบเดดซี…ทะเลที่ไม่มีชีวิต
สิ่งมหัศจรรย์ของโลกเรามีอยู่มากมายหลายชนิดบ้างก็มีความงดงามอย่างเหลือเชื่ออย่างทัชมาอาล บ้างใหญ่มโหฬารดูอลังการยิ่งใหญ่เฉกเช่นปิรามิดในอียิปต์หรือกำแพงเมืองจีน แต่หากพูดถึงทะเลสาบที่แปลกที่สุดแล้วเชื่อแน่ว่าหลายๆคนต้องนึกถึงทะเลสาบเดดซี ทะเลสาบเดดซีเป็นทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ระหว่างอาณาเขตประเทศจอร์แดนและอิสราเอลในปัจจุบัน ทะเลสาบแห่งนี้เกิดขึ้นมานานมากแล้ว แต่สิ่งที่ดูเด่นและกลายเป็นสัญลักษณ์ของมันคือความเค็มที่มากกว่าทะเลอื่นหลายเท่านัก เค็มจนกระทั่งจะหาสิ่งมีชีวิตอยู่อาศัยอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้ได้ยากเต็มที ไม่ต้องพูดถึงสัตว์ประเภทกุ้งหอยปูปลาที่เป็นของคู่กันกับแหล่งน้ำตามธรรมชาติ แต่สิ่งมีชีวิตที่พอจะอยู่อาศัยในทะเลสาบแห่งนี้ได้ก็เห็นจะมีแค่พวกเชื้อแบคทีเรียเล็กๆ ที่เล็กจนเรามองไม่เห็นด้วยสายตามนุษย์จนทำให้เราคิดเอาว่ามันเป็นทะเลที่ไม่มีสิ่งมีชีวิตใดสามารถดำรงชีพอยู่ได้ในความเค็มที่เกินมาตรฐานเช่นนั้น
เดดซีถูกจัดว่าเป็นทะเลสาบเพราะรอบอาณาบริเวณมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่ไม่มีทางไหลออกไปสู่แหล่งน้ำอื่นซึ่งก็เหมือนกับลักษณะของทะเลสาบทั่วๆไป ทะเลสาบมีได้ทั้งทะเลสาบน้ำเค็มและทะเลสาบน้ำจืด และเดดซีก็คือทะเลสาบน้ำเค็มที่มีชื่อเสียงมากที่สุดในโลกก็ว่าได้
ทะเลสาบเดดซี
ภาพจาก http://www.atlastours.net
ชื่อของทะเลสาบเดดซี นี้มีปรากฏอยู่ในหลายภาษา เช่น Dead Sea ในภาษาอังกฤษ ส่วนชื่อในภาษาอาหรับรียกว่า อัลบะฮฺรุ อัลมัยยิต ซึ่งมีความหมายเช่นเดียวกับคำในภาษาอังกฤษคือทะเลแห่งความตาย ส่วนในภาษาฮิบรูเรียกทะเลสาบแห่งนี้ว่า ยัม ฮาเมลาห์ มีความหมายว่าทะเลเกลือ ในประเทศไทย ชื่อของทะเลาสาบเดดซี ปรากฎขึ้นในความรับรู้ของคนไทยในนามทะเลมรณะ เมื่อมีการเผยแพร่ศาสนาของคริสตจักรได้แผ่เข้ามาในเมืองไทยและได้มีการบัญญัติศัพท์เป็นภาษาไทยครั้งแรกว่า ทะเลมรณะ มีปรากฏถ้อยความอยู่ใน พระคัมภีร์ ไบเบิลฉบับภาษาไทย
ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของทะเลสาบเดดซีเป็นทะเลสาบน้ำเค็มขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ใน ในระหว่างเขตแดนของจอร์แดนและอิสราเอล ทะเลสาบเดดซีมีความยาวสูงสุดประมาณ 67 กิโลเมตร กว้างสูงสุดประมาณ 18 กิโลเมตร ครอบคุลมพื้นที่ราว 810 ตารางกิโลเมตรโดยมีความลึกเฉลี่ยที่ 120 เมตร และมีจุดที่ลึกที่สุดอยู่ที่ 330 เมตร ในขณะที่พื้นที่ตั้งของทะเลสาบเดดซีก็ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลถึง 408 เมตร ดังนั้นหากวัดจากพื้นที่ลึกที่สุดของทะเลสาบแห่งนี้ก็จะอยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเลราว 800 เมตรเลยทีเดียว และถือเป็นจุดที่ต่ำสุดของโลกเราเลยก็ว่าได้ ความเค็มของทะเลเดดซีในส่วนที่อยู่ลึกที่สุดมีมากถึง30 เปอร์เซ็นต์ในขณะที่ความเค็มของทะเลทั่วๆไปอย่างเช่นอ่าวไทยมีความเค็มเพียงแค่ 3 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น ทะเลสาบเดดซีถูกแบ่งออกเป็นสองส่วนโดยมีแหลมอัลลิซานกั้นกลาง ทะเลสาบทางตอนเหนือกินพื้นที่ราว 3 ใน 4 ซ้ำยังทั้งลึกและเค็มกว่า
มีตำนานเล่าขานกันมาว่าในยุคบรรพกาล ประชาชนชาวยิวที่อาศัยอยู่ในนครโบราณอันมีนามว่า นครโซโดมและนครโกเมอร์ราห์อันเป็นนครโบราณที่ตั้งอยู่บริเวณทะเลสาบเดดซีในสมัยนั้นผู้คนแห่งนครทั้งสองมีความประพฤติชั่วช้า พระเจ้าทรงพิโรธและได้ดลบันดาลให้มีไฟบรรลัยกัลป์เผาผลาญล้างนครทั้งสองเสีย ในที่สุดนครโบราณทั้งสองก็ได้จมหายลงภายใต้ผืนน้ำของทะเลเดดซี นั้นเป็นตำนานความเป็นมาที่มีปรากฏอยู่ในในพระคัมภีร์ไบเบิ้ลภาคพันธสัญญาเก่า อันเป็นเอกสารสำคัญของศาสนาคริสต์
ความเป็นมาของดินแดนแถบนี้รวมทั้งทะเลสาบเดดซีเริ่มปรากฏความกระจ่างชัดมากขึ้นในปีค.ศ.1947(พ.ศ. 2490) เมื่อนักเดินทางเร่ร่อนชาวเบดูอินได้ค้นพบเอกสารสำคัญทางประวัติศาสตร์โดยบังเอิญ เอกสารดังกล่าวถูกขานนามว่า “ม้วนเอกสารเดดซี” ซึ่งม้วนเอกสารเดดซีได้ปรากฏข้อความที่บอกความเป็นมาของภูมิภาคแถบนี้ไว้ มีการบันทึกเหตุการณ์ต่างๆไว้มากมายเช่นเรื่องราวของอาณาจักรปาเลสไตน์ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาก่อนคริสต์ศาสนาจะถูกสถาปนาขึ้นหรือก่อนพระเยซูประสูติ ราว 400 ปีและดำรงอยู่จนถึงค.ศ. 135 ก่อนที่จะล่มสลายไป หรือเรื่องราวของกษัตริย์แฮรอด แห่งยูดาน์ที่ได้สร้างป้อมปราการมาดาซาขึ้นทางฝั่งตะวันตกของทะเลสาบเดดซี เป็นต้น ข้อความต่างๆที่มีปรากฏในม้วนเอกสารเดดซีได้มีการบันทึกไว้เป็นภาษาต่างๆมีทั้ง ภาษา ฮีบรู อาระบิก และภาษากรีก ในปัจจุบันม้วนเอกสารดังกล่าวถือว่าเป็นหลักฐานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ซึ่งได้เก็บรักษาไว้ ณ พิพิธภัณฑ์ อัมมาน ประเทศจอร์แดน
ม้วนเอกสารเดดซี
ภาพจาก www.burningcross.net
นั้นเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับความเป็นมาของทะเลสาบแห่งนี้ในปัจจุบัน ทะเลสาบเดดซี ตั้งอยู่ในพื้นที่ทะเลทรายสภาพภูมิอากาศในบริเวณนั้นจะมีลักษณะหนาวจัดในตอนกลางคืนและร้อนจัดในตอนกลางวันโดยในบางปีทะเลสาบเดดซีจะมีอุณภูมิสูงถึง 51 องศาเซลเซียสเลยทีเดียว บริเวณดังกล่าวมีปริมาณน้ำฝนตกลงในพื้นที่เพียงเล็กน้อยในแต่ละปีโดยวัดได้เพียงแค่ราวๆ 65 มิลลิเมตรต่อปี จากอากาศที่ร้อนจัดและมีฝนน้อยนี้เองที่ทำให้ระดับน้ำจากทะเลสาบเดดซีค่อยๆระเหิดระเหยแห้งขอดลงทุกปี ทะเลเดดซี ได้รับน้ำจากต้นน้ำ เพียงแหล่งเดียวเท่านั้นคือแม่น้ำในประเทศจอร์แดน เมื่อการเกิดการระเหยอย่างมากของทะเลสาบเดดซีส่งผลให้ความเข้มข้นในทะเลสาบดังกล่าวเพิ่มสูงขึ้นตามลำดับ เพราะนอกจากระเหยจะทำให้ทะเลสาบเดดซีเข้มข้นมากขึ้นแล้ว น้ำที่ไหลมาจากแม่น้ำจอร์แดนก็ยังคงอุดมไปด้วยแร่ธาตุต่างๆเช่น โซเดียมและแมกนี้เซียมเมื่อไหลลงมาทำปฎิกริยากับน้ำพุร้อนในทะเลสาบเดดซีจึงเป็นปัจจัยเกื้อหนุนต่อความเค็มของทะเลแห่งนี้
น้ำในทะเลสาบเดดซีเป็นมีความเค็มมากกว่าน้ำในแหล่งน้ำปรกติมากมายหลายเท่า โดยปรกติความเค็มของน้ำทะเลจะเกิดขึ้นเพราะมีการละลายของเกลือหลายชนิดโดยเฉพาะ โซเดียมคลอไรด์ที่ มีสูตรทางเคมีว่า NaCl ในน้ำทะเลโดยเฉลี่ยแล้วมีเกลือร้อยละ 3.5 หรือน้ำทะเล 1 ลิตรจะมีเกลือละลายอยู่ประมาณ 35 กรัม แต่ในพื้นที่ของทะเลสาบเดดซีมีปริมาณเกลือมากถึง ปริมาณเกลือรวมกันมากถึง 10,523,000,000 ตัน
และด้วยความหนาแน่นของน้ำในทะเลสาบเดดซีนี้เองที่เป็นเหตุผลว่าทำไมเราถึงสามารถลอยตัวอยู่ในทะเลสาบดังกล่าวได้ ซึ่งเป็นไปตามหลักวิทยาศาสตร์ที่ว่า สิ่งซึ่งมีความหนาแน่นน้อยกว่าก็จะสามารถลอยได้บนน้ำที่มีความหนาแน่นมากกว่าไม่ว่าสิ่งที่ลอยอยู่นั้นจะมีความใหญ่โตมโหฬารสักเพียงใด ความหนาแน่นที่แตกต่างกันของทะเลสาบเดดซีนี้หากเรานำน้ำ 1 ลิตรมาชั่งได้หนักเพียง 1 กิโลกรัม แต่น้ำหนักจากการชั่งน้ำจากทะเลเดดซี 1 ลิตร จะมีมากกว่าหลายเท่านัก และด้วยความเข้มข้นของเกลือจำนวนมากนี้เองจึงทำให้ไม่มีสิ่งมีชีวิตสามารถดำรงอยู่ได้เลย จนกลายเป็นจุดเด่นของทะเลสาบแห่งนี้ที่ทั้งเค็มและไม่มีสิ่งมีชีวิตอาศยอยู่ เคยมีข่าวเกี่ยวกับคุณพ่อขี้ลืมที่ลืมลูกวับ 8 ขวบให้ลอยคออยู่ในทะเลเดดซีนานถึง 6 ชั่วโมง แต่ด้วย ความดีของทะเลสาบเดดซีจึงทำให้เด็กน้อยสามารถลอยคออยู่ได้และได้รับการช่วยเหลือในที่สุด
บริเวณอันเป็นที่ตั้งของทะเลสาบเดดซีมีการผันผวนของสภาพภูมิอากาศอย่างมากแม้ในฤดูหนาวจะมีฝนตกชุกแต่ทว่าในฤดูร้อนที่มีอุณหภูมิสูงก็ทำให้น้ำจากทะเลสาบเดดซีระเหยออกไปอย่างรวดเร็วด้วยความที่ทะเลสาบแห่งนี้มีการระเหยอยู่ตลอดเวลาและการได้รับน้ำจากแหล่งเดียวซ้ำปริมาณน้ำฝนที่ตกลงในบริเวณนั้นก็มีปริมาณน้อยมากทำให้น่าหวั่นว่าสักวันมันจะแห้งขอดลงเหลือแต่บ่อเกลือขนาดมหึมา ทั้งนี้มีการคาดการณ์กันว่าทะเลเดดซีอาจจะเหือดแห้งลงภายในเวลาประมาณ 50 ปี โดยระดับน้ำได้ปรับลดลงอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบันเนื้อที่ 1 ใน 3 ของทะเลสาบได้แห้งขอดลงแล้ว และทางรัฐบาลของจอร์แดนได้มีแนวคิดที่จะขุดคลองเชื่อมต่อระหว่างทะเลสาบเดดซีกับทะเลแดงเพื่อเพิ่มระดับน้ำให้กับทะเลสาบเดดซีไม่ให้แห้งขอดลง โดยหากมีการขุดคลองดังกล่าวเพื่อเชื่อมต่อขึ้นมาจริงๆ ก็จะมีความยาวถึง 200 กิโลเมตรและอาจจะต้องใช้งบประมาณสูงถึง 1,000 ล้านดอลลาร์เพื่อต้องการรักษาทะเลสาบแห่งนี้ไว้ เพราะถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าเย้ายวนใจไม่ใช่น้อย
ทะเลสาบเดดซีที่ถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน
ภาพจาก http://wikimedia.org
ทะเลาสาบแห่งนี้ยังขึ้นชื่อในเรื่องการรักษาโรคและการบำรุงรักษาผิวพรรณน้ำในทะเลเดดซีเป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุต่างๆ เพราะการที่ไม่มีพื้นที่เชื่อต่อกับแม่น้ำสายอื่นให้ไหลออกได้ทำให้แร่ธาตุต่างๆมารวมกันอยู่ในทะเลสาบแห่งนี้เป็นจำนวนมากและทำให้หลายคนเชื่อกันว่า ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดจากทะเลสาบเดดซี อุดมไปด้วยแร่ธาตุที่สมบูรณ์และสามารถช่วยเรื่องสุขภาพได้ โดยเฉพาะเรื่องผิวพรรณ ทั้งโคลนจากเดดซี เกลือจากเดดซีที่มีความเค็มมากกว่าเกลือที่อื่นหลายเท่าตัวหนักก็มักจะนำมาใช้ในทางการประทินผิวและรักษาผิวพรรณ ทั้งนี้สามารถช่วยรักษาได้ทั้งรังแค โรคผิวหนังรวมทั้งพิษทั้งแมลงกัดต่อย ช่วยให้ผิวนุ่มขึ้น ดูแล้วคล้ายกับว่าสถานที่แห่งนี้ กลายเป็นแหล่งรวมแร่ธาตุครอบจักรวาล
แม้จะแฝงไปด้วยความน่าพิศวงและน่าหลงไหลแต่กระนั้นทะเลสาบเดดซีก็หาใช่ทะเลที่มีความเค็มมากที่สุดอย่างเราหลายๆคนเข้าใจเพราะยังมีทะเลสาบในเอธิโอเปียที่ชื่อว่า Lake Assal ที่มีความเค็มมากกว่าเดดซี โดยทะเลสาบ Lake Assalมีเกลือเป็นส่วนผสมอยู่มากถึง 40 เปอร์เซ็นต์แต่เหตุที่ไม่โด่งดังเท่าทะเลสาบเดดซีเพราะที่ตั้งอยู่ในปล่องภูเขาไฟและห่างไกลเกินไปสำหรับการท่องเที่ยว
เดดซีอาจจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติสร้างสรรค์ขึ้น ไม่บ่อยนักที่เราจะหาทะเลสาบที่มีความงดงาม แต่ไม่มีสิ่งมีชีวิตที่จะสามารถอาศัยอยู่ได้คล้ายดั่งดินแดนต้องห้าม ซ้ำยังไม่มีวันจม โลกเรายังเต็มไปด้วยความสวยงามและมีอีกหลายเรื่องราวแห่งความมหัศจรรย์ที่รอให้มนุษย์ไขความลับที่ดำมืดออกมาด้วยหลักวิทยาศาสตร์