วันนี้มีข่าวเรื่องราวของสุดยอดคนพิการหมายเลขหนึ่งของญี่ปุ่นที่กำลังเป็นข่าวดังมาเล่าสู่กันฟัง
เขาคือ นายโอโตทาเคะ ฮิโรทาดะ ( 乙武 洋匡 ) ซุปเปอร์คนพิการผู้มีชื่อเสียงโด่งดังในฐานะนักเขียนเจ้าของผลงานหนังสือที่ขายดีที่สุดของปี 2010 และยังติดอันดับหนึ่งในสามสุดยอดหนังสือขายดีในประวัติศาสตร์ของญี่ปุ่นอีกด้วย หนังสือเล่มนี้ชื่อว่า
「 五体不満足 」แปลว่า 「 ความไม่พอใจต่ออวัยวะทั้งห้า 」เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการใช้ชีวิตและมุมมองที่มีต่อชีวิตของผู้เขียนซึ่งเป็นเด็กพิการมาตั้งแต่กำเนิด คือแกเกิดมาแบบแขนขาด้วนทั้งหมด แต่ธรรมชาติและเทวดาก็มอบสุดยอดมันสมองมาให้แกแทน เราว่าแกค่อนข้างหน้าตาหล่อเหลาเอาการเลยทีเดียวนะ
ตอนแรกที่แกเกิดมานั้น แม่ของแกบอกว่ารู้ว่าลูกพิการตั้งแต่อยู่ในท้องแล้ว แต่แกไม่ยอมทำแท้ง และในวันที่ลูกเกิดมาแกบอกว่า มีแต่ความปลาบปลื้มยินดีที่ลูกเกิดมา ลูกของฉันช่างน่ารักจริงๆ คุณแม่ท่านนี้ยังเคยคิดว่าจะซ่อนลูกไว้ในบ้านไม่ให้สังคมรับรู้ แต่ในที่สุดแกก็ทำใจยอมรับความจริงได้ แกจึงเปิดเผยต่อสังคมและพยายามเลี้ยงลูกจนเติบโตเป็นสุดยอดคนพิการคนหนึ่งของญี่ปุ่นเลยล่ะ
นายโอโตทาเคะ ฮิโรทาดะ จบการศึกษาในระดับอุดมศึกษาจากมหาวิทยาลัยวาเซดะ คณะวิชาเศรษฐศาสตร์การเมือง จากนั้นได้เข้าศึกษาต่อในคณะวิชาการศึกษาพิเศษ มหาวิทยาลัยเมเซ นายคนนี้ทั้งเรียนเก่งและมีบทบาทตั้งแต่สมัยเป็นนักศึกษา เป็นทั้งนักพูดให้กำลังใจและส่งเสริมให้คนพิการมีบทบาทในสังคม
แกบอกว่า ถึงแม่ว่าร่างกายเราจะพิการและเราก็ควรตระหนักถึงความรับผิดชอบและทำตัวให้เป็นประโยชน์ต่อสังคม เป็นดารารับเชิญออกทีวีหลายรายการ นอกจากนั้นยังเป็นคณะกรรมการการศึกษาของเทศบาลกรุงโตเกียวอีกด้วย แต่ที่ทำให้แกมีชื่อเสียงโด่งดังมากที่สุดคือ หนังสือเล่มนี้แหละครับ โดยประโยคที่กินใจชาวญี่ปุ่นมากที่สุดก็คือ
〜 障害は不便です。しかし不幸ではありません。
( ความพิการนั้นแน่นอนล่ะว่ามันไม่สะดวก แต่มันก็ไม่ใช่ความโชคร้ายหรอก )
แกแต่งงานในปี 2001 ปัจจุบันอายุ 39 ปี มีลูกชายสองคน ลูกสาวอีกหนึ่งคน มีครอบครัวที่น่ารักมากมายสมบูรณ์แบบ 〜
แต่เดือนนี้ที่เป็นข่าวดังก็เพราะนักข่าวไปสืบรู้มาว่า แกแอบนอกใจภรรยาไปมีความสัมพันธ์ทางชู้สาวกับผู้หญิงวัยยี่สิบต้นๆถึงห้านางเลยทีเดียวล่ะครับท่านเอ้ย ( เจ้าชู้ใช้ได้อยู่เนอะ!)
แต่ว่าสรุปสุดท้ายแล้วแกก็ออกมายอมรับผิดอย่างแมนๆและขอโทษชาวญี่ปุ่นทั้งประเทศ เท่าที่อ่านข่าวรู้สึกว่าภรรยาและแม่ให้อภัยแล้ว ส่วนสังคมญี่ปุ่นส่วนรวมก็คงให้อภัยอยู่มั้งนะ!
☆彡*・゜゚・*:.。..。.:*・'(*゚▽゚*)'・*:.。. .。.:*・゜゚・*☆彡
https://www.facebook.com/photo.php?fbid=981522645296926&set=pcb.981524615296729&type=3&theater
เครดิตภาพจาก หนังสือพิมพ์ออนไลน์เจ้าที่แนบมา
http://news.livedoor.com/lite/article_detail/11490995/