คดีลอบสังหารประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้
ยังคงเป็นความลับดำมืดอยู่แม้เวลาจะล่วงเลยมาเกือบ 40 ปีแล้วก็ตาม หลักฐานที่ได้จากฟิล์มภาพยนตร์ และรูปถ่ายในวันเกิดเหตุแสดงให้เห็นถึงชายลึกลับ 2 คนที่อยู่ใกล้กับเคนเนดี้ มากที่สุดในวินาทีที่เขาถูกยิง แต่กลับดูเหมือนว่าชายทั้ง 2 จะไม่มีตัวตน!
วันที่ 22 พฤศจิกายน ค.ศ. 1963 ประธานาธิบดี จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ได้เดินทางไปยังเมืองดัลลัส รัฐเท็กซัส
ตามกำหนดการเดินสายหาเสียงในรัฐต่างๆ ทางใต้ เพื่อเตรียมการสำหรับการเลือกตั้งตำแหน่งประธานาธิบดีสหรัฐเป็นสมัยที่ 2 ของเขา
เวลา 11:40 น. ประชาชนชาวดัลลัสต่างต้อนรับการเดินทางมาของเคนเนดี้และสุภาพสตรีหมายเลขหนึ่งอย่างอบอุ่น ผู้ว่าการรัฐเท็กซัส จอห์น คอนเนลลีย์ และภรรยา
John Bowden Connally, Jr.
นั่งในรถลิมูซีน คันเดียวกับท่านประธานาธิบดีเพื่อเดินทางจากสนามบินเข้าสู่ตัวเมือง เมื่อขบวนรถได้เคลื่อนมาถึงเดลีย์พลาซา
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42b.3p.jpg
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42d.4.jpg
ณ เวลา 12:30 น. ก็เลี้ยวขวาจากถนนเมน เข้าถนนฮิวส์ตัน เพื่อที่เลี้ยวซ้ายเข้าถนนเอล์ม
image: http://www.jfk-assassination.de/images/route.gif
ซึ่งเป็นที่ตั้งของอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนเท็กซัส (Texas School Book Depository)
image: http://img201.imageshack.us/img201/7898/h31cm8.gif
ทันทีที่รถคันที่เคนเนดี้นั่งแล่นผ่านป้ายบอกชื่อถนนทางด่วนสเตมมอนส์ ที่อยู่ข้างหน้า
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42h.5.jpg
ภรรยาของผู้ว่าจอห์นก็ได้ยินเสียงปืน เธอจึงเหลี่ยวหลังไปมองเคนเนดี้ที่นั่งอยู่เบาะหลังของรถ เธอเห็นท่านประธานาธิบดีเอามือกุมที่คอ วินาทีถัดมาผู้ว่าฯ จอห์นก็รู้สึกปวดที่ด้านหลังเขารู้ทันทีว่าเขาถูกยิงhttp://www.btinternet.com/~dr_paul_lee/JFK.htm
ไม่กี่วินาทีต่อมาผู้ว่าจอห์น ก็ได้ยินเสียงปืนนัดที่ 3 ภรรยาของท่านประธานาธิบดียังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น เธอคิดว่าเป็นเสียงประทัดหรือดอกไม้ไฟที่ประชาชนจุดต้อนรับขบวน แต่เมื่อเธอหันหน้ามามองสามีเธอที่นั่งอยู่ข้างๆ เธอก็ต้องตกใจที่เห็นท่านประธานาธิบดีถูกยิงเข้าที่ศรีษะมันเป็นกระสุนนัดสุดท้ายที่สังหารเคนเนดี้
image: http://www.jfkmurdersolved.com/images/zaplow.gif
image: http://www.jfkmurdersolved.com/images/Headshot-large.gif
http://www.assassinationresearch.com/v2n2/zfilm/zframe313.html
เมื่อประชาชนที่คอยเฝ้าต้อนรับรถขบวนอยู่ 2 ข้างทางรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น ต่างก็แตกตื่นพากันนอนราบลงกับพื้นหรือไม่ก็วิ่งหนีออกไปจากบริเวณนั้น เพื่อหลบลูกกระสุนที่อาจเกิดการยิงขึ้นมาอีก
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42k.6p.jpg
ยกเว้นคน 2 คน!
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42n.7.jpg
http://www.dallasnews.com/cgi-bin/bi/dallas/photography/photography.cgi?step=View%20Slideshow&show=420&thisImage=6583
http://www.dallasnews.com/s/dws/spe/2005/jfk
ปริศนาคนถือร่ม
จากการวิเคราะห์ฟิล์มภาพยนตร์ขนาด 8 มม. ที่ถ่ายโดย อับราฮัม แชพรูเตอร์
และภาพถ่ายจากกล้องของผู้อื่นที่อยู่ในเหตุการณ์ ประกอบกับคำให้การของพยานขณะที่ จอห์น เอฟ เคนเนดี้ ถูกลอบสังหารนั้นแสดงให้เห็นสิ่งผิดปรกติที่เกิดขึ้นในเสี้ยววินาทีนั้นมากมาย ภาพถ่ายจากพยานที่ยืนอยู่ริมถนน ตรงกันข้ามกับป้ายบอกชื่อถนนทางด่วนเสตมมอนส์ จับภาพชาย 2 คนนั่งอยู่ริมถนนบริเวณป้ายนั้น
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42o.8.jpg
image: http://www.jfk-assassination.de/images/umbrella.gif
ซึ่งเป็นคนที่อยู่ใกล้กับประธานาธิบดีมากที่สุด ชายทั้ง 2 ดูเหมือนเป็นเพียงประชาชนธรรมดาๆ ที่มาต้อนรับประธานาธิบดีในดวงใจของพวกเขาเช่นเดียวกับคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่นั้น แต่เมื่อรถของประธานาธิบดีแล่นมาถึงหนึ่งในนั้นก็ลุกขึ้นยืนกางร่ม
image: http://www.jfk-assassination.de/images/umbrella2.gif
ที่มันน่าแปลกก็เพราะว่าวันนั้นเป็นวันที่อากาศแจ่มใส ไม่มีเค้าว่าจะมีฝนหรือแดดก็ไม่จัด ที่สำคัญคือ ชายคนนั้นเป็นเพียงคนเดียวที่กางร่มในที่เกิดเหตุ เขากางร่มออกเพียงแค่ไม่กี่วินาทีก็หุบมันลง ในขณะที่ชายคนที่นั่งข้างๆ เขาลุกขึ้นยืนโบกมือ และวินาทีเดียวกันนั้นเองเสียงปืนก็ดังขึ้น!
สิ้นเสียงปืนความโกลาหลก็บังเกิดขึ้น ฝูงชนแตกตื่นไปคนละทิศละทาง ยกเว้นชาย 2 คนนี้ที่ทรุดตัวนั่งลงที่เดิม หนึ่งในนั้นหยิบวัตถุบางอย่างที่มีเสาอากาศออกมา เขาจ่อมันที่ปากเหมือนกับว่าเขากำลังพูด วิทยุรับ-ส่ง จากนั้นชายทั้ง 2 ก็แยกย้ายกันไปคนละทาง ชายที่ถือร่มเดินไปทางอาคารเก็บหนังสือโรงเรียนส่วนอีกคนเดินไปทางถนนลอดใต้ทางด่วน
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42p.9.jpg
"ชายผิวคล้ำ" (Dark complected Man) หยิบวัตถุบางอย่างที่มีเสาอากาศมาจ่อที่ปากหลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิง
หลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิง เขาก็ลุกขึ้นยืนเอาวิทยุเหน็บหลังแล้วเดินจากไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
สัญญานมรณะ
image: http://www.ratical.com/ratville/JFK/images/TUM7.gif
image: http://files.abovetopsecret.com/images/member/51f0ff33a677.gif
เป็นไปได้ไหมว่า ชายทั้ง 2 คนกำลังส่งสัญญานให้กับมือปืนที่ซุ่มรออยู่ เพื่อบอกให้เริ่มปฏิบัติการได้ที่ต้องให้สัญญานก็เพราะมือปืนไม่ได้มีแค่คนเดียวอย่างที่เอฟบีไอ ได้ทำสรุปสำนวนการสืบสวนเป็นที่แน่นอนว่าเมื่อเสียงปืนดังขึ้น ความโกลาหลย่อมเกิดขึ้น หน่วยรักษาความปลอดภัยและ "เหยื่อ" จะต้องรู้ตัว
ดังนั้นเพื่อให้ปฏิบัติการสัมฤทธิ์ผล ปืนอย่างน้อย 3 กระบอกจะต้องถูกยิงในเวลาเดียวกันจากมุมต่างๆหลังจากนั้นชายทั้ง 2 จะหยุดดูผลงาน แจ้งข่าวและหนีออกจากที่เกิดเหตุอย่างสงบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
มีผู้ตั้งข้อสังเกตุว่า สัญญาน "ร่ม" อาจเป็นสัญลักษณ์สื่อความหมายถึงปฏิบัติการส่งกองกำลังสนับสนุนทางอากาศย้อนกลับไปเดือนเมษายน ค.ศ. 1961 เมื่อ ซีไอเอ ได้ส่งกำลังทหารเข้าไปยังคิวบาเพื่อเข้าต่อต้านกองทหารฝ่ายปฏิวัติของ ฟิเดล คาสโตร เรียกว่า ปฏิบัติการบุกอ่าวสุกร (Bay of Pigs Invasion) ซีไอเอ ได้ให้สัญญากับกองทัพของเขาว่าจะมีการส่งกำลังสนับสนุนทางอากาศเข้าไปช่วยหลังจากที่พวกเขาถึงอ่าวสุกรแล้ว แต่เหตุการณ์ไม่เป็นไปตามแผน เนื่องจากประธานาธิบดีเคนเนดี้ ปฏิเสธคำขอของซีไอเอ ที่จะส่งกำลังทหารเข้าไปช่วยกองทัพของซีไอเอราว 1,300 คน ที่ล่วงหน้าไปยังที่นั่นแล้ว ปฏิบัติการครั้งนั้นจึงล้มเหลวไม่เป็นท่า การกางร่มออกของชายลึกลับอาจสื่อความหมายถึง กองกำลังสนับสนุนทางอากาศที่พวก ซีไอเอ รอคอย
ร่มเป็นอาวุธลับ
image: http://www.ratical.com/ratville/JFK/images/TUM1.gif
โรเบิร์ท คัทเลอร์ นักวิจัยที่มีชื่อเสียงได้ตั้งข้อสังเกตุว่า "ร่ม" อาจเป็นปืนยิงลูกดอก ซึ่งทฤษฏีนี้ได้รับการยืนยันว่ามีความเป็นไปได้ เนื่องจากในปี ค.ศ. 1975 นักวิจัยทางด้านอาวุธของ ซีไอเอ ผู้หนึ่งได้ให้การต่อเจ้าหน้าที่สืบสวนสอบสวนว่าในปี ค.ศ. 1963 ซีไอเอ ได้สั่งผลิตอาวุธลับปืนยิงลูกดอกที่เป็นรูปร่มจำนวน 50 กระบอกลูกดอกจะถูกยิงอย่างเงียบๆ ออกมาจากก้านร่มขณะที่ผู้ถือกางร่มออก
image: http://mcadams.posc.mu.edu/piece1.gif
โรเบิร์ท ยังได้ให้ความเห็นอีกว่า รอยบาดแผลที่คอของประธานาธิบดีเคนเนดี้ นั้นอาจเป็นบาดแผลที่เกิดจากกระสุนลูกดอก แต่มันถูก "ตกแต่ง" เสียใหม่ระหว่างที่มีการชันสูตรศพ
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42s.10p.jpg
และเจ้าลูกดอกอาบยาพิษนี่เองที่อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ท่านประธานาธิบดีไม่แสดงอาการตอบสนองและนั่งเป็น "เป้านิ่ง" ขณะที่เสียงปืนดัง
ข้อสังเกตุทั้งหลายที่กล่าวมานี้ยังไม่มีหลักฐานแน่นหนาพอที่จะยืนยันได้ว่าถูกต้อง ดูเหมือนทฤษฏีกางร่มเป็นสัญญานนั้นจะฟังดูเป็นไปได้มาก แต่คำตอบที่ดีที่สุดก็คือ การนำเอาตัวชายลึกลับทั้ง 2 คนมาสอบสวนปากคำ แต่ว่าจะหาตัวพวกเขาได้ที่ไหน?
ไม่มีตัวตน
เป็นเรื่องเหลือเชื่อมากที่ชายทั้ง 2 คนไม่มีตัวตนอย่างเป็นทางการทั้งเอฟบีไอและคณะกรรมาธิการวอร์เรน
(Warren Commission เป็นหน่วยงานเฉพาะกิจที่ถูกตั้งขึ้นเพื่อสอบสวนคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้) ไม่เคยพูดถึงชายลึกลับทั้ง 2 คนในการสืบสวนสอบสวน
แต่ต่อมาเมื่อได้มีการแต่งตั้งคณะกรรมาธิการรัฐสภา เพื่อให้มาดูแลการสืบสวนสอบสวนคดีสำคัญนี้ พวกเขาได้สั่งให้หาตัวชายลึกลับทั้ง 2 คนมาสอบสวน อีกทั้งยังได้ติดประกาศรูปชายทั้ง 2 ให้ประชาชนช่วยชี้เบาะแสหากว่าเคยเห็นหรือรู้จักพวกเขา
หลังจากที่ติดประกาศตามหาตัวได้ไม่นาน จู่ๆ ก็มีโทรศัพท์จากผู้ไม่ประสงค์จะออกนามแจ้งมายัง เพนน์ โจนส์หนึ่งในคณะกรรมาธิการรัฐสภาว่าชายลึกลับที่ถือร่มนั้นเป็นพนักงานขายประกันในดัลลัสชื่อ หลุยส์ สตีเวน วิทท์ (Louie Steven Witt) เพนน์ จึงรีบประสานงานกับแหล่งข่าวของเขาในดัลลัสทันที
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto42x.11p.jpg
พยาน "เตี๊ยม"
ในที่สุด เพนน์ ก็พบชายถือร่ม หลุยส์ ยอมรับว่าวันที่ประธานาธิบดีถูกลอบสังหาร เขาอยู่ในที่เกิดเหตุ เพนน์ มีความรู้สึกว่า หลุยส์ ได้รับการ "เตี๊ยม" มาเป็นอย่างดีในการให้ปากคำ อันที่จริงเขายังไม่ได้ถูกตั้งข้อหา ซึ่งเขามีสิทธิที่จะปฏิเสธการตอบคำถามแต่เขาก็ไม่ได้ทำ เขาตั้งข้อแม้แค่เพียงว่าเขาจะตอบคำถามจากการไต่สวนของคณะกรรมาธิการรัฐสภาเท่านั้น
คำถามทุกคำถามที่ เพนน์ ถาม หลุยส์ ได้รับคำตอบอย่างรวดเร็ว ดูลงตัวสมบูรณ์แบบไปในด้านบวก (พยานบริสุทธิ์) เขาบอกว่าที่เขากางร่มออกขณะที่รถขบวนของประธานาธิบดีเคนเนดี้ แล่นผ่านก็เพราะว่ามีคนบอกเขาว่าเคนเนดี้จะโกรธมากถ้าเขาเห็นคนกางร่มโดยไม่มีเหตุผลต่อหน้าเขา
หลุยส์ บอกแต่เพียงว่าเขาต้องการยั่วให้ท่านประธานาธิบดีโกรธเท่านั้น แต่เขาไม่ยอมบอกว่าทำไมเขาถึงต้องทำอย่างนั้น เขายังให้การต่ออีกว่าตอนนั้นเขานั่งอยู่บนสนามหญ้าริมถนน เมื่อรถขบวนของประธานาธิบดี แล่นมาถึงเขาก็ลุกขึ้นยืนและกางร่มออก ขณะที่กางร่มนั้นเขาก็เดินมาที่ริมถนนซึ่งเป็นวินาทีเดียวกับที่เคนเนดี้ถูกยิง
กรรมการสอบสวนท่านหนึ่งได้ตั้งข้อคิดว่าบิดาของประธานาธิบดีเคนเนดี้ เคยรับตำแหน่งเอกอัครราชทูตประจำอังกฤษ
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto431.12.jpg
Joseph P. Kennedy
ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 ร่มเป็นสัญลักษณ์แทนนายกรัฐมนตรีเนวิลล์ เชมเบอร์เลน (ซึ่งมีนิสัยชอบถือร่มเป็นประจำ)
Neville Chamberlain
และนโยบายทางการเมืองของเขาที่โน้มเอียงไปทางลัทธินาซี โดยที่นโยบายของเขาได้รับการสนับสนุนโดยบิดาของเคนเนดี้
คำให้การขัดแย้ง
เนื่องจาก หลุยส์ อยู่ใกล้กับท่านประธานาธิบดีมากที่สุดในขณะที่ท่านถูกลอบสังหาร ดังนั้นเขาอาจจะเห็นอะไรบางอย่างที่พอจะเป็นเบาะแสให้คณะกรรมาธิการรัฐสภาใช้ในการสืบสวนคดีได้ แต่คำตอบที่ได้จากเขานั้นกลับไม่เป็นอย่างที่คิด!
เมื่อคณะกรรมาธิการรัฐสภาถาม หลุยส์ ว่าเขาเห็นอะไรบ้างระหว่างที่เคนเนดี้ถูกยิง หลุยส์ กลับตอบว่าเขาไม่เห็นอะไรเลย เขาบอกว่าเขานั่งอยู่บนสนามหญ้าใกล้ถนน และเมื่อรถขบวนแล่นมาถึงเขาก็ลุกขึ้นยืนเพื่อกางร่มในเวลาเดียวกันนั้นเอง
เขาก็เดินตรงไปที่ถนน ซึ่งเป็นวินาทีที่เขาเข้าใจว่า "คนอื่นๆ" ได้เห็นท่านประธานาธิบดีถูกยิง แต่เขามองไม่เห็นอะไรเลย เนื่องจากเจ้าสิ่งนี้(ร่ม)มันบังเขาอยู่ ช่วงวินาทีนั้นทัศนวิสัยถูกบังโดยร่มที่กำลังกางออก
แต่คำให้การของ หลุยส์ ขัดแย้งกับหลักฐานที่เป็นภาพถ่ายและภาพยนตร์ เนื่องจากภาพที่เห็นจากในนั้น "คนถือร่ม" นั้นยืนอยู่ ในขณะเดียวกันก็ชูร่มขึ้นเหนือศรีษะในท่าเตรียมพร้อม เมื่อรถของท่านประธานาธิบดีแล่นผ่านจุดที่เขายืนอยู่ เขาก็กางร่มออกทันที กรรมการสอบสวนหลายท่านลงความเห็นว่าคำให้การของหลุยส์เป็นเท็จและไม่เชื่อว่าเขาเป็นชายถือร่มตัวจริง (Umbrella Man)
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto45j.14.jpg
ชายลึกลับยังคงลึกลับ
เมื่อคณะกรรมการสอบสวนได้ถามถึงชายอีกคนที่ยืนโบกมืออยู่ข้างๆเขา หลุยส์ ก็ตอบว่าเขาไม่รู้จักชายคนนั้น แต่เมื่อคณะกรรมการยืนยันว่ามีพยานหลายคนเห็น หลุยส์ พูดคุยกับชายคนนั้น เขาบอกว่าเขาจำได้แต่เพียงว่ามี "ไอ้มืด" (Nigro Man) คนหนึ่งนั่งอยู่ใกล้กับเขาเอาแต่บ่นพึมพำว่า "พวกนั้นยิงพวกเขาแล้วเพื่อนเอ๋ย" ดูเหมือนจะไม่ได้อะไรคืบหน้าจากการสอบสวน หลุยส์ สตีเวน วิทท์ เขาอาจเป็นเพียงคนที่ถูก "เมค" ขึ้นมา เพื่อให้คณะกรรมาธิการรัฐสภา ได้ไต่สวนตามที่ปรากฏในหลักฐานภาพถ่ายเท่านั้น ส่วนชายที่ยืนโบกมือข้างๆ เขาซึ่งถูกเรียกว่า "ชายผิวคล้ำ" (Dark complected Man) ที่มีพยานบางคนระบุว่าเห็นเขาหยิบวัตถุบางอย่างที่มีเสาอากาศมาจ่อที่ปากหลังจากที่เคนเนดี้ถูกยิงนั้นตามตัวเขาไม่พบจนบัดนี้
ทั้งชายถือร่มและชายผิวคล้ำยังคงเป็นบุคคลลึกลับที่ชวนสงสัยว่าพวกเขาเป็นใครและทำไมพวกเขาจึงมีอากัปกิริยาแตกต่างไปจากคนอื่นๆ ที่อยู่ในที่เกิดเหตุ?
ปริศนาคดีลอบสังหารประธานาธิบดีเคนเนดี้ ไม่ได้มีเพียงแค่ชายถือร่มและชายผิวคล้ำ สรุปสำนวนสอบสวนของเอฟบีไอ ยังมีเรื่องอื่นที่ขัดแย้งกับความจริง แม้ว่าภายหลังจะมีการจับกุม ลี ฮาร์วี ออสวอลด์ผู้ที่ถูกระบุว่าเป็นคนลั่นกระสุนประวัติศาสตร์ แต่เขาเป็นฆาตกรตัวจริงแน่หรือ?
http://www.ratical.org/ratville/JFK/GoD.html
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto45l.15p.jpg
image: https://us-fbcloud.net/wb/data/963/963771-img.rto45p.16.img
Lee Harvey Oswald
Read more at http://www.unigang.com/Article/16012#QHPEblbejOo0zW7L.99