แท็กซี่สุวรรณภูมิร่วมพันมองสวนทางด้านการท่องเที่ยว
แท็กซี่สุวรรณภูมิร่วมพันมองสวนทางด้านการท่องเที่ยว
คนขับแท็กซี่เกือบพันคนเห็นต่างจากสถิติของทางราชการที่ว่าการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจดีขึ้น ต่างเห็นว่านับแต่ปี 2557 เป็นต้นมา
เศรษฐกิจดิ่งเหวโดยตลอด แม้แต่ในปีหน้าก็ยังอยู่ในช่วงขาลง และเชื่อว่านักท่องเที่ยวลดลงมากกว่าจะเพิ่มขึ้น
ดร.โสภณ พรโชคชัย ประธานกรรมการบริหาร ศูนย์ข้อมูลวิจัยและประเมินค่าอสังหาริมทรัพย์ไทย (www.area.co.th)
เปิดเผยผลการสำรวจของนายธนวิชญ์ ประสิทธิชัยวุฒิ และคณะ ซึ่งเป็นนักศึกษาฝึกงาน จากคณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยวลัยลักษณ์
ที่สำรวจความเห็นของผู้ขับขี่แท็กซี่ ณ สนามบินสุวรรณภูมิเมื่อวันจันทร์ที่ 25 เมษายน 2559 เกี่ยวภาวะเศรษฐกิจและการท่องเที่ยว
สำหรับเหตุผลที่เลือกสำรวจผู้ขับขี่แท็กซี่สนามบินสุวรรณภูมิก็เพราะบุคคลเหล่านี้เป็นผู้ที่สัมผัสกับนักท่องเที่ยวเป็นอันดับแรกโดยตรง
ผลการสำรวจเบื้องต้นพบว่าผู้ขับขี่แท็กซี่ประเมินภาวะเศรษฐกิจปี 2559 อยู่ที่คะแนน 3.52 เต็ม 10 หรืออาจกล่าวได้ว่า ประเมินผลค่อนข้างติดลบ
และคาดว่าในปี 2560 สถานการณ์ยังจะถดถอยต่อเนื่องโดยได้คะแนน 3.44 แต่ก็แล้วแต่สถานการณ์ หากมีการเลือกตั้งภาวะเศรษฐกิจอาจจะดีขึ้นกว่าที่คาดหมาย
เพราะเป็นตัวกระตุ้นเศรษฐกิจ และยังจะทำให้นานาชาติยอมรับประเทศไทยมากขึ้น
ในการสัมภาษณ์ นอกจากให้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบัน (ปี 2559) ก่อนแล้ว ยังให้ประเมินย้อนหลังไปปี
2558, 2557 และ 2556 ในที่สุด ก่อนที่จะให้ประเมินสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 2560 ข้างต้น ดังนั้นหากประมวลภาพรวมตั้งแต่ปี 2556
จะพบว่า สถานการณ์ทางเศรษฐกิจในปี 2556 (ก่อนรัฐประหาร) สถานการณ์ยังดีกว่าปี 2557 โดยในปี 2556 ได้คะแนนอยู่ที่ 6.52
พอปี 2557 ที่มีรัฐประหาร เศรษฐกิจก็ได้รับการประเมินลดลงเหลือ 4.76 และเหลือ 4.43 ในปีที่แล้ว (2558) และมาถึง 3.52 ในปี 2559 ส่วนปีหน้า (2560)
คาดว่าเศรษฐกิจจะถดถอยลงอีก
สำหรับการประเมินจำนวนนักท่องเที่ยวในรอบ 4 เดือนแรกของปี 2559 เทียบกับ 4 เดือนแรกของปี 2558 ผู้ขับขี่แท็กซี่ส่วนใหญ่ถึง 56%
เห็นว่าลดลงมาก ที่เห็นว่าลดลงเล็กน้อยมี 23% ที่เห็นว่าพอๆ กัน หรือไม่เปลี่ยนแปลงมี 14% ส่วนที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นเล็กน้อยมีเพียง 7%
และที่เห็นว่าเพิ่มขึ้นมากมี 1% เท่านั้น หากสมมติให้จำนวนนักท่องเที่ยวเข้ามาพอ ๆ กันระหว่างปี 2558 และ 2559 = 100 และที่ประเมินว่าลดลงมาก = 80
ลดลงเล็กน้อย = 90 เพิ่มขึ้นเล็กน้อย = 110 และเพิ่มขึ้นมาก = 120 แล้ว คะแนนจะออกมาเท่ากับ 87.4 หรือต่ำกว่า 100 อยู่ที่ 12.6 แสดงว่าส่วนใหญ่
เห็นว่านักท่องเที่ยวลดลงอย่างเด่นชัด
อย่างไรก็ตามผลการประเมินโดยผู้ขับขี่แท็กซี่นั้นอาจต่างจากตัวเลขของทางราชการ ทั้งนี้เพราะนักท่อเที่ยวจีนที่เข้ามามากขึ้นแทนที่นักท่องเที่ยวชาติอื่นนั้น
ไม่ค่อยใช้บริการแท็กซี่ แต่จะมาเป็นหมู่คณะ ขึ้นรถทัวร์ของคณะทัวร์เอง ผู้ขับขี่แท็กซี่จึงไม่ได้รายได้จากการนี้ และจึงแยกนักท่องเที่ยวจีนออกไป
การประเมินของผู้ขับขี่แท็กซี่ จึงเน้นไปที่นักท่องเที่ยวจากส่วนอื่น ๆ ซึ่งไม่เพิ่มขึ้นหรือกลับลดลง
ดร.โสภณ ได้เคยวิเคราะห์ไว้ว่า แม้จำนวนนักท่องเที่ยวจะเข้ามาในไทยเพิ่มขึ้น แต่เป็นนักท่องเที่ยวจากจีน ทำให้รายได้ไม่ได้เพิ่มขึ้นตามจำนวน
นักท่องเที่ยวที่ดูสวยหรูแต่ไม่เป็นจริง (bit.ly/1W1Q8TB) โดยเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเม็ดเงินที่ได้จากการท่องเที่ยวนั้น เม็ดเงินจากการท่องเที่ยวในปี 2557
เป็น 1,172,798 ล้านบาท และเม็ดเงินในปี 2558 กลับเป็นเพียง 1,090,015 ล้านบาท เพราะนักท่องเที่ยวจีนใช้เงินไม่มากนัก นี่แสดงว่าความไม่สงบและรัฐประหารที่ผ่านมา
ทำให้รายได้จากการท่องเที่ยวหายไปพอสมควร
รัฐบาลจึงควรสร้างความเชื่อมั่นต่อนานาชาติเพื่อให้นักท่องเที่ยวจากยุโรปและอเมริกา หรือชาติที่มั่งคั่งอื่น ๆ เข้ามาเที่ยวในไทยเพิ่มขึ้นกว่าที่เป็นอยู่นี้