นิยามคำว่ารักตอนนี้
กลับมาupdate สถานการณ์
หลัง โพสนี้
https://board.postjung.com/959900.html
ขอพื้นที่เล็กๆ ให้ได้เล่า ได้ระบายหน่อยนะครับ
ขออนุญาตเล่าต่อจากโพส (ดูเว็บลิ้งค์ได้)
จากเหตุการณ์ ดังกล่าว
มีความคืบหน้าคร่าวๆ ประมาณนี้ (ผมก็รู้นะว่า บางทีจะมีคนสงสัยว่าไม่ได้อยากรู้ แต่อยากจะขอพื้นที่เล็กๆ ได้
บอกกล่าวหรือเล่าสู่กันฟังเฉยๆ)
พอ ช และแม่ กลับจากบ้าน ญ ถึงราวๆ ครึ่งวันเช้า
และทำภารกิจต่างๆนานาไป จนราวๆ 2 ทุ่ม มาข้อความ ส่งมาว่า ขอโทษสำหรับเหตุการณ์ช่วงสงกรานต์
ซึ่งถ้ามองอย่างกลางๆ ไม่ได้เข้าข้างตัวเอง..
ก็นึกว่าสำนึกผิด ??
พอวันรุ่งขึ้น ช ทำงาน (ซึ่งปกติแล้ว เวลา ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งทำงาน ก็มักจะ ส่ง code ** code = การยิง 1 ครั้ง)
ก็ส่ง code ปกติ
และพองานซาๆ ก็โทรกลับไปทักทาย ถามสารทุกข์สุขดิบเหมือนเดิม เพราะในความรู้สึก ช นึกว่า สถานการณ์
หรือความรู้สึกเหมือนเดิม..แต่กลับโดน "ตัดสาย" ซึ่ง ช ก็โทรไปซ้ำๆ ประมาณ 3-5 ก็โดน
ตัดสายสองครั้ง ที่เหลือคือ...ปล่อยให้สายหลุด
ณ ตอนนั้น ช ยังกึ่งๆ โลกสวย ว่าอาจจะยังนอนอยู่ แล้วเราโทรไปกวน ก็เลยใช้ส่งข้อความแทน เพราะก่อนหน้า
ที่จะเกิดเรื่อง ช่วงสงกรานต์ ช เจอ ญ blcok ทั้งเฟสและ ไลน์ จึงทำให้เหมือนติดต่อได้ทางนี้ทางเดียว
ก็ส่งไปประมาณว่า ถ้ายังนอนอยู่ก็ไม่เป็นไร แต่จะชี้แจงเหตุผลที่ให้เงินสมทบไป....ก็อธิบายๆๆๆ (เหตุผลได้ชี้
แจงในโพสก่อนหน้าแล้ว ประมาณว่า ไม่ได้เป็นการเอาเงินฟาดหัวบ้าง อย่างน้อยๆเพื่อเป็นการรับผิดชอบบ้าง
เพราะยังไม่ได้เป็นผัวเมีย ถึงขั้นที่ต้องใช้กระเป๋าเดียวกันบ้าง หรือเพื่อแสดงให้พ่อ ญ เห็นว่า ไปแล้วช่วยไร
ได้บ้าง ไม่ใช่แค่มาพักอาศัย ไม่ได้ทำไรเป็นชิ้นเป็นอัน เพราะไปพักที่บ้าน ญ ฝ่าย ช ก็ ช่วยทั้งล้างจานหรือถู
บ้านให้...ประมาณว่าอธิบายยาวอะ พิมและส่ง SMS ไปหลายรอบเหมือนกัน)
แต่ ช ทิ้งท้ายด้วยคำถามสองคำถามว่า
ใจความคร่าวๆนะ ....
1. แม้ จะดูไม่แมนหรือกระตุ้งกระติ้งในสายตาพ่อ ฝ่าย ญ และ ตัวฝ่าย ญ เอง แต่การกระทำของน้องชาย ฝ่าย
ญ นั่นคือแมนแลว้ใช่ไหม
2. ญ เคยถามนะว่า ตั้งแต่ไปอยู่ที่บ้าน เคยพูดกับพ่อบ้างไหม /// มัวติดกับแม่เป็นลูกแหง่ แต่อย่างน้อยๆรู้ไว้นะ
ว่า คุยมากกว่าที่ ญ คุยกับแม่ ฝ่าย ช ก็แล้วกัน (งงกันไหมคับ)
แต่ สักพักก็มีข้อความว่า..พี่ไม่รู้หรอกว่า แม่พี่ทำไรไว้กับหนูบ้าง ??~
อ้าว..นี่แสดงว่าไม่ได้หลับสิเนี่ย
จึงเกิดการส่งข้อความโต้ตอบไปกลับค่อนข้างยาวเหมือนกัน
โดยมีใจความว่า เพราะแม่ ช ใช้ๆๆๆๆ ทั้งตัว ญ เอง และพ่อ ฝ่าย ญ ก็โดนใช้ รวมทั้งใช้ ช ซึ่งก็ก้มหน้าทำตาม
ไม่พูดไม่เอออออะไรเลย..ประมาณนี้ เหตุผลที่ไม่สุงสิงกับ แม่ฝ่าย ช ช่วงที่ไปพักที่บ้าน
รวมถึง ฝ่าย ญ ยังถามเพื่อยืนยันว่า แล้วสรุป ช ได้ยินประโยคที่แม่ฝ่าย ช พูดไหม ที่บอกว่า ทีเงิน 2-3 พัน ซื้อ
ของมาขายได้ แต่ทีเวลาช่วยกันออก...ค่ากับข้าว ช่วยได้แค่ คนละ 500 เนี่ยนะ
ฝ่าย ช ยืนยันว่า ได้ยิน เพราะอยู่ในเหตุการณ์นั้นๆ แถมยังอธิบายว่า ญ ยังพูดประโยค **** ต่อจากนั้นเลย
เพื่อให้ระลึกว่าพูดไรไปบ้าง
แต่สิ่งที่ได้กลับมา...คือ จำไม่ได้
ฝ่าย ช จึงตัดปัญหา เพื่อให้มันจบๆไป... ว่า ช่างเหอะ จะให้สาบานเหมือนที่น้องชายสั่งแม่ ช สาบานก็ได้ หรือ
ไปดูกล้องวงจรปิดที่ห้าง เพื่อจะได้สบายใจก็ได้
แล้วก็ได้ข้อความปิดท้ายมาว่า
...." งั้นก็พอคงพอกันที (ใจความประมาณเลิกกันเหอะ ในเมื่อ ช มองว่า ญ ไม่เป็นแม่ศรีเรือน) โดยใช้ข้อความ
ที่ ช ส่งไปพาดพิงเชิงอธิบายว่า ที่แม่ ช ใช้ๆๆ เพราะ ญ ทำไร(ไม่ค่อยจะ) เป็น จริงอยู่ก็ทำเป็น ไม่ถึงขั้นทำไร
ไม่เป็นเลยสักอย่าง...*****
ปล. แต่ช่วงการส่งข้อความกลับไปกลับมานี้ ช พยายามโทรหาเพื่อจะได้พูดคุย มันจะสะดวกกว่าการพิมพ์
SMS แต่ก็โดนตัดสายเหมือนเดิม
หลังจากวันนั้น ก็เงียบหายไปสักพัก
จนมีข้อความ(จาก ญ ) กลับมาว่า...ไม่โทรหา ไม่โค้ดเหมือนเดิม สรุปว่านี่เราเลิกกันแล้วใช่ไหม
ช จึงส่ง SMS กลับไป (ไม่โทร) ประมาณว่า ก็ไหนเมื่อโทรก็โดนตัดสาย อีกอย่างทางฝั่ง ญ ก็ไม่ได้โทรหรือ
โด้ดเหมือนเดิมเช่นกัน
ล่าสุด..... ช จึงส่งกลับไป (แต่วันรุ่งขึ้นน่ะ) ประมาณว่า ถ้าสิ่งที่ ญ เรียกร้อง (ทั้งการโทรหาและ code ) ตัวเอง
ยังทำไม่ได้ เพราะมัวแต่รอให้อีกฝ่ายเริ่มก่อน..แต่พออีกฝ่ายเริ่มก่อน..ก็ทิ้งโอกาสนั้นไป
ปล. ขออภัยที่ cap หรือพิมพ์ข้อความที่ส่งไปทุกๆข้อความไม่ได้ มันค่อนข้างยาวและเยอะเป็นหน้าๆเลย
หวังว่าผู้อ่านคงจะเข้าใจและไม่งง กันนะ...เพราะสรุปใจความคร่าวๆให้ฟังกัน
พอมานั่งๆคิดคนเดียว มันเกิดนิยามความรัก ในมุมของ จขกท ขึ้นมาว่า
ความรัก เปรียบเสมือนการใส่รองเท้าถุงเท้า
ถ้าเราใส่แค่ข้างเดียว บางที มันอาจจะเดินเหินไปไหนมาไหนได้
อาจจะไม่สะดวกเหมือนแต่ก่อน
หรือต้องคอยตอบคำถามจนคนอื่น รอบข้าง ว่า ทำไมใส่รองเท้าข้างเดียว หรือ แล้วรองเท้าอีกข้างไปไหนซะละ
ตอบบ่อยๆเข้า มันก็อดหวนอยากจะใส่ให้ครบทั้งสองข้างเหมือนกัน
แต่บางที รองเท้าคู่เดิม ข้างเดิม ใส่ตอนนี้อาจจะคับเท้าไป หรือนิ้วเท้าโผล่ เพราะอาจจะด้วยปัจจัยหลายอย่าง
เช่น คนใส่อ้วนไป หรือ พื้นรองเท้าสึกผ่าน กรำศึกหนักมาหลายงาน เป็นต้น
เหอะๆ
ไม่น่าเชื่อเหมือนกัน ว่าแค่จากเหตุการณ์นี้ เล่นเอา จขกท เพ้อและคิดนิยามณ ได้เป็นตุเป็นตะขนาดนี้
ณ ตอนนี้ถ้าถาม ก็บอกได้ตามตรงว่า ยังอยากใส่รองเท้าและเดินไปทั้งสองข้าง เหมือนเดิม
เพราะถ้าถามความรู้สึก ก็คิดว่า ชอบ และเหมาะกับการใส่รองเท้าคู่นี้ เดินสะดวกไม่กัดเท้า ฯลฯ...
แหะๆ...เพ้อไปใหญ่ละเรา
ขอบคุณทุกๆคำแนะนำและทุกๆกำลังใจ ทุกๆมิตรภาพที่เข้ามา
ความรัก บางทีมันก็อาจจะไร้เหตุผล หรือ ผสมกับความโง่เข้าไปด้วยแหะ เหอะๆ
ปล. ขอขอบคุณที่สละเวลาอ่านกันจนจบ อ่านจะวกวนไปบ้าง แต่รับรองว่า นี่คือ "เรื่องจริง"... ไม่ใช่แต่งมาเอามันส์