ชมพู่ทับทิมจันทร์ เป็นชมพู่ที่เป็นที่ต้องการของตลาดมากกว่าชมพู่สายพันธุ์อื่นๆ
ชมพู่ที่ขึ้นแท่นขายดีกว่าชมพู่สายพันธุ์อื่นๆ ก็คือ ชมพู่ทับทิมจันทร์ เนื่องจากชมพู่ชนิดนี้จะมีลักษณะผลใหญ่ ไม่มีเมล็ด เนื้อแน่น รสชาติหวาน กรอบ ผิวมันเป็นประกายสีแดงสดสวย อีกทั้งผิวของมันก็ค่อนข้างหนาดังนั้นมันจึงสามารถขนส่งได้ไกลโดยที่ไม่ช้ำอีกด้วย
ชมพู่ทับทิมจันทร์ นั้นถือว่าเป็นพืชที่ปลูกง่าย โตเร็ว มันจึงสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรผู้ปลูกได้อย่างต่อเนื่อง ที่สำคัญมันเป็นที่ชื่นชอบและเป็นที่นิยมของผู้บริโภคเป็นอย่างมากรวมไปถึงตลาดต่างประเทศก็นิยมชมชอบชมพู่ทับทิมจันทร์เช่นกัน ดังนั้นมันจึงเป็นผลไม้ที่ขายได้ราคาค่อนข้างดี ยิ่งในช่วงนอกฤดูของมันหากเกษตรกรทำให้ออกผลผลิตนอกฤดูได้จะยิ่งทำให้ขายได้ราคาสูงมากเลยทีเดียว
วิธีการปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์
การปลูก ชมพู่ทับทิมจันทร์ นั้นสามารถปลูกได้ทั้งแบบสวนและแบบไร่ ซึ่งถ้าเป็นการปลูกแบบสวนจะต้องทำการยกร่อง จนาดกว้างประมาณ 6 เมตร ร่องกว้าง 2 เมตร แต่ถ้าปลูกแบบไร่ก็คือปลูกบนพื้นที่ราบ ซึ่งทั้ง 2 วิธีนี้จะมีข้อดีและข้อเสียแตกต่างกันไป โดยถ้าเป็นการปลูกในพื้นที่ราบชมพู่จะมีขนาดเล็กแต่หวานกว่าเพราะขาดน้ำ แต่ถ้าปลูกแบบยกร่องชมพู่ทับทิมจันทร์จะมีผลที่ใหญ่กว่าแต่มีรสจืดเพราะบังคับน้ำไม่ได้ และหลังจากเตรียมพื้นที่ปลูกแล้วก็ให้ทำการขุดหลุมปลูกโดยให้หลุมกว้างประมาณ 1 เมตร ลึก 1 เมตร แล้วนำปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักผสมกับปุ๋ยสูตร 15-15-15 คลุกเคล้าให้เข้ากันแล้วรองก้นหลุมจากนั้นก็นำกิ่งพันธุ์ลงปลูกได้เลย
การปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์สามารถปลูกได้ทั้งแบบสวนและแบบไร่
เมื่อปลูกแล้วให้หาหลักไม้มาปักแล้วผูกเชือกกันลมโยกต้น เมื่อปลูกเสร็จให้รดน้ำอย่างต่อเนื่อง 1 สัปดาห์ เมื่อต้นแข็งแรงให้เว้นระยะการรดน้ำเป็น 2-3 วันรดน้ำครั้ง พอ 2 เดือนไปแล้วให้ใส่ปุ๋ยสูตร 15-15-15 ในอัตรา 1 ช้อนโต๊ะ/ต้น จากนั้นทุกเดือนให้ปุ๋ยเช่นเดิมและในอัตราเดิมจนกว่าต้นจะสมบูรณ์ จนเมื่อชมพู่ทับทิมจันทร์ออกผลก็ให้ทำการห่อผล โดยก่อนห่อให้ปลิดผลที่ไม่แข็งแรงออกไปให้เหลือช่อละ 4-5 ผล แล้วจึงใช้ถุงพลาสติกหูหิ้วขนาด 7×15 นิ้ว ที่เจาะรูขนาดเล็กที่ก้นถุง ผูกที่เหนือกิ่งเป็นอันเสร็จสิ้นทั้งนี้ก็เพื่อเป็นการป้องกันแมลงวันทองศัตรูตัวฉกาจของชมพู่ทับทิมจันทร์ จนเมื่อผ่านไปอีกประมาณ 25 วัน หรือเมื่อชมพู่มีสีแดงผลใหญ่ประมาณ 5-7 ผล/กิโลกรัม ก็สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้เลย
ชมพู่ทับทิมจันทร์มีขนาดผลใหญ่ขนาด 5-7 ผล/กิโลกรัมเลยทีเดียว
สำหรับชมพู่ทับทิมจันทร์นั้นถึงแม้ว่าจะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าแต่ว่าเกษตรกรบางรายก็ประสบปัญหาดินเสื่อมจนทำให้ต้องเปลี่ยนมาปลูกพืชชนิดอื่นทดแทน แต่ถ้าหากเกษตรกรรู้จักปรับปรุงบำรุงดินอยู่เสมอ การปลูกชมพู่ทับทิมจันทร์ขายก็จะกลายเป็นอาชีพที่ยั่งยืนและสามารถสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรได้ไม่น้อยเลยทีเดียว
อ้างอิง: http://www.kasetporpeang.com/forums/index.php?topic=65928.4704