หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม แต่งรูป คำคม Glitter สเปซ ไดอารี่ เกมถอดรหัสภาพ เกม วิดีโอ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

Murder of Kitty Genovese น้ำใจของคน

โพสท์โดย กำปวงปั๊วะทม


นี่คือคดีประวัติศาสตร์ที่เป็นการตั้งคำถามถึง “น้ำใจของคน”
 
คุณเคยสังเกตว่าไหมว่า มีหลายครั้งที่เกิดสถานการณ์ที่ฉุกเฉินหรือมีอุบัติเหตุจนมีผู้เดือดร้อน
คนที่เห็นเหตุการณ์กลับไม่ใส่ใจให้ความช่วยเหลือคนอื่นเลยแม้แต่น้อย ทั้งๆ ที่ผู้ประสบอุบัติเหตุกำลังเดือดร้อน
ต้องการความช่วยเหลือ ตัวอย่างเช่น หากใครสักคนปั่นจักรยานล้มลงในตลาด ทุกคนที่อยู่บริเวณรอบๆ ทำได้มองเท่านั้น
ไม่มีใครช่วยเหลือสักคน


เหตุการณ์ที่ยกตัวอย่าง สามารถอธิบายในเรื่องจิตวิทยาพฤติกรรมของสังคมที่เรียกว่า เรียกว่า
“การกระจายความรับผิดชอบ (diffusion of responsibility) ”  หรือ “ปรากฏการณ์คนมุงผู้ เพิกเฉย (the bystander effect)”
(หรือ เจนโนวีส  ซินโดรม“Genovese syndrome”) โดยคิดว่าแม้ตนไม่ช่วยก็จะมีคนอื่นไม่ช่วยเอง ไม่ใช่เรื่องของเรา
จึงทำให้ความรู้สึกอยากชวยน้อยลงไปด้วย บางคนคิดว่าการช่วยเหลือเป็นความรับผิดชอบของตำรวจ หมอ พยาบาล
หรืออาสาสมัครมูลนิธิต่างๆ

ทั้ง 3 คำศัพท์นี้มีที่มาจากคดีหนึ่งที่น่าอับอายที่สุดที่มีการตั้งคำถามน้ำใจของคน เป็นคดีหนึ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวันศุกร์ 13 มีนาคม 1964
ได้เกิดคดีฆาตกรรมเขย่าขวัญ คดีหนึ่งของโลกและการตั้งคำถามเกี่ยวกับน้ำใจของคนต่อการช่วยเหลือคนอื่นเวลามีเรื่องเดือดร้อน
โดยเรื่องราวเกิดขึ้นเมื่อคิตตี เจนโนวีส หญิงสาวอายุ 29 ปี ที่กำลังกลับบ้านเธอในเมืองควีนส์ นิวยอร์ก ได้ถูกคนร้ายแทงสามครั้ง
พร้อมเสียงกรีดร้องขอความช่วยเหลือ “พระเจ้า เขาจะแทงฉัน” ผ่านสายตาคนที่ผ่านไปผ่านมาในนิว การ์เด้น ซึ่งมีผู้พบเห็น
เหตุการณ์หลายคน แต่ที่น่าตกตะลึงก็คือไม่มีใครเลยที่จะโทรแจ้งตำรวจในขณะที่เห็นเหตุการณ์ แท้กระทั้งคนเข้าไปช่วยยังไม่มี
จนกระทั้งมีพลเมืองดีคนเดียวเท่านั้นที่โทรศัพท์แจ้งตำรวจ แต่ก็เป็นหลังจากที่เกิดคดีนานถึงครึ่งชั่วโมง โดยเธอเสียชีวิต
ในขณะนำตัวส่งโรงพยาบาล

เหตุการณ์ดังกล่าวได้ถูกบรรยายในหนังสือพิมพ์ในสองสัปดาห์ต่อมา ทำให้มีการวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรง
และต่อมาศัพท์ทั้ง 3 คำจึงเกิดขึ้นเพื่ออธิบายเรื่องราวดังกล่าว

 
 


คิตตี เจนโนวีส




แคทเธอรีนซูซาน “คิตตี” เจนโนวีส (วันที่ 7 กรกฎาคม 1935 – 13 มีนาคม 1964) เป็นหญิงสาวชาวอเมริกันที่ถูกแทงตาย
ใกล้บ้านของเธอในนิว การ์เด้น พื้นที่ใกล้เคียงของเมืองควีนส์ ในนิวยอร์ก เมื่อ 13 มีนาคม 1964


เจนโนวีสเป็นลูกคนโตในจำนวนเด็กห้าคนในครอบครัวอิตาเลียนชนชั้นกลางที่อาศัยอยู่ในบรุกลีน รัฐนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา
หลังจากที่แม่ของเธอได้เห็นการฆาตกรรมในเมือง เธอก็รู้สึกกลัว เลยย้ายครอบครัวไปคอนเน็ก เพราะเชื่อว่าที่นั้นปลอดภัยกว่า
อย่างไรก็ตามในปี ในปี 1954 เธอได้ย้ายมาอยู่บ้านเกิดขึ้นอีกครั้ง และได้พบแมรี่ แอน ซีลอนคา และมีความสัมพันธ์แบบเลสเบี้ยน
ทั้งคู่อาศัยอยู่อพาร์ตเมนต์ในนิว การ์เด้น ไม่ใกล้ไม่ไกลจากที่เธอถูกฆาตกรรมมากนัก

ในวันที่เจนโนวีสเสียชีวิตนั้น เธออายุ 29 ปี เป็นผู้หญิงผมดำและมีดวงตาสีเขียวมรกตทำให้เป็นสเน่ห์ดึงดูดแก่คนรอบข้าง
เธอทำงานเป็นผู้จัดการบาร์ Ev's Eleventh Hour Club  ในถนนจาเมกา อเวนิว ซึ่งเธอทำงานที่นั้นจนกระทั้งเกิดคดีขึ้น
 
 
เรื่องราวแห่งความแล้งน้ำใจของคน เริ่มต้นขึ้นช่วงเช้าของวันที่ 13 มีราคม 1964 เจนโนวีสได้ออกที่ทำงานของเธอ
เพื่อเดินทางกลับบ้าน เวลานั้นเป็นเวลาประมาณตี 3 ในตอนเช้าวันใหม่ แต่ช่วงเวลาดังกล่าวยังมีรถผ่านไปผ่านมาบนถนน




 
เส้นทางการกลับบ้านของเธอเหมือนเช่นปกติเช่นทุกวัน เธอหลังจากที่เธอจอดรถในพื้นที่จอดรถที่อยู่ติดกับอพาร์ทเม้น
ที่เธออาศัยอยู่ และในขณะเจนโนวีสกำลังมุ่งหน้าไปยังอาคาร เธอก็เริ่มสังเกตว่ามีใครบางคนกำลังแอบตามเธอในมุมมืด
เงามืดดังกล่าวเป็นของชายผิวดำที่ดูเหมือนจะพร้อมที่จะจู่โจมเธอทุกเมื่อ เวลานั้นเธอเริ่มใจเสียและไม่มีเวลาแม้จะไป
ที่ตู้โทรศัพท์สาธารณะเพื่อขอความช่วยเหลือกับตำรวจ


เจนโนวิสพยายามหนีสละพ้นชายดังกล่าว ซึ่งภายหลังถูกระบุชื่อวินสตัน มอสลีย์  เธอพยายามวิ่งหนีชายดังกล่าวจนถึง
ทางสัญจรหลัก หากแต่ชายผิวดำยังตามทันอย่างรวดเร็วพร้อมโจมตีเธอด้วยการแทงสองครั้งที่กระเพาะอาหาร
จนเลือดไหลออก และเวลานั้นเองเธอก็เริ่มตะโกน

“โอ้ พระเจ้า!! เขาแทงฉัน ช่วยฉันด้วย!!”

เสียงของเธอนั้นทำให้อาคารรอบๆ เปิดไฟ หากแต่เวลานั้นพอดีเป็นคืนที่อากาศหนาวทำให้กว่าที่มีคนมาเปิดหน้าต่าง
มาดูว่าเกิดอะไรขึ้น เจนโนวิสก็ถูกทำร้ายจนสาหัสเรียบร้อยแล้ว และมีใครบางคนเห็น พวกเขาก็ไม่คิดที่ลงไปถนน
เพื่อไปช่วยเหลือเธอแม้แต่น้อย เวลานั้นเองนายโรเบิร์ต โมเซอร์หนึ่งในเพื่อนบ้านได้ตะโกนไปที่คนร้ายว่า

"อย่าไปยุ่งกับเธอ!!”


 
มอสลีย์ตกใจกับเสียงตะโกนดังกล่าว ทำให้เจนโนวิสมีโอกาสวิ่งหนี หากแต่เธอได้รับบาดเจ็บสาหัสหลายแผล ทำให้วิ่งไม่ได้
รวดเร็วนัก แต่เธอพยายามกัดฟันรวบรวมพละกำลังเพื่อไปด้านหลังอาคารอพาร์มเม้นของเธอหวังจะมีใครมาช่วยเหลือ
ซึ่งมาถึงตอนนี้ก็มีพยานหลายคนเห็นฉากดังกล่าวมากมายหลายราย หากแต่คนเหล่านั้นก็ไม่เข้าไปช่วยหรือโทรเรียกตำรวจ
แม้แต่น้อย


แต่เรื่องราวความแล้งน้ำใจคนยังไม่จบแต่เพียงเท่านั้น โดยพยานได้ให้การในภายหลังว่าเห็นมอสสลีย์ไปที่รถของเขาและ
พยายามที่จะออกจากที่เกิดเหตุ หากแต่ไม่นานเขาก็กลับมาอีกในอีกสิบนาทีต่อมา สันนิษฐานว่าตอนแรกมอลสลีย์คิดจะมี
คนมาขัดขวางเขา หากแต่เมื่อผ่านไปหลายนาทีก็ไม่เกิดอะไรเกิดขึ้น เขาเลยตามหาเจนโนวิสเพื่อจัดการเธอให้เสร็จเรียบร้อย
โดยพื้นที่ล็อบบี้ด้านหลังของอาคาร เขาก็พบกับเธอในสภาพแทบไม่มีสติ หลังจากนั้นก็ไม่มีใครทราบว่าเกิดขึ้นอะไรกับเธอแล้ว
หากแต่สภาพที่พบเธอก็พบว่าเธอถูกแทงหลายแผล แผลใบไม้ในมือของเธอเป็นตัวบ่บอกชัดเจนว่าเธอพยายามป้องกัน
ตนเองจากมีด และขณะที่เธอนอนหมดสติเขาก็ข่มขืนเธอ และขโมยเงินไปเพียง 49 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นอันสิ้นสุดการโจมตี
และความไร้น้ำใจของคนครึ่งชั่วโมง (3.15-3.50 น. )

ไม่กี่นาทีหลังการโจมตีครั้งสุดท้ายพยานคนหนึ่งก็ได้แจ้งตำรวจ เมื่อตำรวจมาถึงเจนโนวีสก็ถูกส่งตัวไปโรงพยาบาล
แต่สุดท้ายเธอก็เสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล จากการสอบสวนในภายหลังตำรวจได้เปิดเผยว่ามีพยานประมาณ
หนึ่งโหล (จำนวนไม่แน่นอน บางแหล่งบอกว่ามีประมาณ 38 คน) ที่เป็นบุคคลใกล้เคียงที่ได้ยินเสียงและเห็นการโจมตี
ดังกล่าว แต่หลายคนไม่สนใจที่เกิดขึ้น ในขณะที่พยานบางคนคิดว่าเป็นการทะเลาะกันระหว่างเธอกับลูกค้าขี้เมา
หรือเพื่อนของเธอมากกว่าจะเป็นการฆ่ากัน

 
   


วินสตัน มอสลีย์




เมื่อตำรวจมาถึงพบว่ามอลสลีย์ยังคงมีลมหายใจมีชีวิตอยู่ หากแต่เธอก็สิ้นใจในโรงพยาบาลในระหว่างส่งตัวเธอไปโรงพยาบาล
มอสลีย์ถูกจับกุมในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบประวัติพบว่า เขาเป็นเพียงแอฟริกัน-อเมริกันที่ทำธุรกิจเล็กๆ และยังเป็นโจร
ลักเล็กขโมย (เกิด 2 มีนาคม 1935)  จากการสอบสวน เขาก็จนมุมด้วยหลักฐานกายภาพที่พบในเกิดเหตุ และเมื่อเขาถาม
แรงจูงใจว่าทำไมถึงก่อเหตุสะเทือนขวัญถึงเพียงนี้ เขาแค่ตอบว่า


“ผมแค่อยากฆ่าผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้นเอง” เขากล่าว “เธอฆ่าง่ายและไม่ต่อสู้ตอบโต้ด้วย”

พูดง่ายๆ เขาแค่มีความรู้สึกอยากฆ่าคน ขอให้เป็นใครก็ได้ที่เป็นผู้หญิง มอสลีย์ได้เล่าอีกว่าเขาตื่นนอนตอนตี 2
ออกจากเตียงที่ภรรยาของเขากำลังหลับอยู่ ก่อนที่จะออกจากบ้าน ขับรถไปตามหาเหยื่อ จนกระทั้งมาพบเจนโนวิส
และเขาก็ตามเธอไปที่ลานจอดรถ และเมื่อสบโอกาสก็จัดการกับเธอเหมือนกับที่พยานอ้างเห็นเหตุการณ์ข้างต้น

มอสลีย์ถูกตัดสินคดีฆาตกรรมเจนโนวิส เมื่อวันจันทร์ที่ 15 มิถุนายน 1964 เขาถูกตัดสินให้ประหารชีวิต เมื่อสิ้นเสียงประกาศ
โดยคณะลูกจุน ทั้งห้อง (ศาล) ทุกคนต่างระเบิดเสียงปรบมิดังลั่น ในขณะที่บางคนพูดไชโย จนผู้พิพากษาบอกให้ทุกคน
อยู่ในอาการสงบก่อนที่เขาจะพูดกล่าวเสริมว่า


“ผมไม่เชื่อในโทษประหาร แต่เมื่อผมเห็นสัตว์ประหลาดตัวนี้ผมจะไม่ลังเลที่จะกดสวิทช์ (เก้าอี้ไฟฟ้า) ด้วยตนเอง”


อย่างไรก็ตาม ไม่นานนักมอสลีย์ก็ได้นักโทษที่ได้รับปาฏิหาริย์ เมื่อวันที่ 1 มิถุนายน 1967 ศาลอุทธรณ์ได้พบว่าเขามี
อาการทางจิตการชอบมีเพศสัมพันธ์กับศพ (necrophilia) ซึ่งศาลได้พิจารณาแล้วว่าสมควรยกเลิกโทษประหารและ
เปลี่ยนมาเป็นโทษจำคุกตลอดชีวิตแทน
 
 
เจนโนวิสในการ์ตูน Watchmen



 
ทางด้านปฏิกิริยาสาธารณะชน เมื่อหลายได้ทราบข่าวการฆาตกรรมเจนโนวิส ซึ่งเป็นตัวอย่างของความไร้น้ำใจของคน
โดยเฉพาะนิวยอร์กไทมส์ได้พาดหัวข่าว ที่เผยแพร่วันที่ 27 มีนาคม สองสัปดาห์หลังจากเกิดคดีฆาตกรรม


“38 พยานที่เห็นการฆาตกรรมต่อหน้าต่อตาแต่ไม่ได้เรียกตำรวจ” (มีการเซ็นเซอร์ชื่อและที่อยู่พยานสามสิบแปดคนเอาไว้)
พร้อมกับเนื้อหาหญิงสาวตะโกนกว่าครึ่งชั่วโมงแต่ไม่มีใครสนใจเธอเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเนื้อหาข่าวดังกล่าวทำให้สังคมตื่นตกใจไปทั่ว

หลังจากที่นิวยอร์กไทม์เผยแพร่ข่าว ก็มีหลายคนพยายามหาข้อสรุปพฤติกรรมแปลกประหลาดของพยานเหล่านั้นว่าเกิดขึ้น
เพราะอะไร หลายคนออกมาตำหนิว่าความเงียบ ความขี้ขลาด ความไม่แยแสของพวกเขาแสดงให้เห็นสภาพสังคมของอเมริกัน
บางคนถึงขั้นให้ออกกฎหมายลงโทษคนเหล่านี้เพราะพวกเขาไม่ตระหนักถึงความรับผิดชอบของพลเมืองดี



อย่างไรก็ตามนักจิตวิทยาได้มองพฤติกรรมพยานของคดีนี้ว่าเกิดจาก
“การกระจายความรับผิดชอบ (diffusion of responsibility) ” หรือ “ปรากฏการณ์คนมุงผู้ เพิกเฉย (the bystander effect)”
(ซึ่งต่อมาถูกเรียกว่า เจนโนวีส  ซินโดรม“Genovese syndrome”)

ความเพิกเฉยของผู้เห็นเหตุการณ์ (bystander effect) เป็นศัพท์จิตวิทยาทางสังคม ที่อ้างถึงการเกิดปรากฏการณ์ที่เรียกว่า “คนมุง”
ที่ปฏิเสธที่จะช่วยเหลือใดๆ แก่ผู้เดือดร้อนตรงหน้า ทำได้แต่ยืนดู และที่น่าสนใจคือยิ่งมีคนอยู่รอบข้างมาก จะยิ่งไม่มีคนให้ความช่วยเหลือ
เกิดจากความคิดที่ว่า คนอื่นอยู่กันตั้งเยอะ และทำไมฉันจะต้องเป็นผู้ให้ความช่วยเหลือคนที่กำลังมีปัญหาด้วยล่ะ?

หรือการปัดความรับผิดชอบให้พ้นตัวเอง เพราะคิดว่าคนอื่นก็อยู่กันตั้งมากมาย ถ้าฉันไม่ไปช่วยสักคนหนึ่งก็ยังจะมีคนอื่นอยู่อีก
ตั้งหลายคนที่สามารถเข้าไปช่วยได้ โดยปกติแล้วคนเราจะมีความรับผิดชอบต่อสังคมอยู่ เวลาอยู่คนเดียวแล้วเห็นคนที่ต้องการ
ความช่วยเหลือเราจะวิ่งเข้าไปให้ความช่วยเหลือในทันที เพราะว่ามีแต่เราอยู่คนเดียวเท่านั้น แต่พอมีหลายคนเข้าการปัดความ
รับผิดชอบก็จะเกิดขึ้น นำมาซึ่งการแพร่กระจายความรับผิดชอบ (Diffusion of responsibility) เมื่อเกิดปัญหาขึ้นเราก็โยน
ความรับผิดชอบให้คนอื่น ยิ่งจำนวนคนมากเอาใดตนเองก็ไม่รู้สึกผิดมากขึ้นเท่านั้น



อย่างไรก็ตามเหตุการณ์ไทยมุมดังกล่าวจะเกิดเพราะปัจจัยเหล่านี้ก็ไม่ได้ เพราะมันมีองค์ประกอบอื่นๆ เขามามากมายที่ทำให้
คนเราไม่ช่วยเหลือกัน เช่น อารมณ์ของบุคคล, วัฒนธรรม, ช่วงเวลาที่เกิดเหตุ  ซึ่งกรณีของเจนโนวีสนั้นได้กลายเป็น
ตัวอย่างจิตวิทยาสังคมคลาสสิกที่อธิบายศัพท์จิตวิยาดังกล่าว

 


 

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
กำปวงปั๊วะทม's profile


โพสท์โดย: กำปวงปั๊วะทม
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
20 VOTES (4/5 จาก 5 คน)
VOTED: Tabebuia, zerotype, วอร์มอัพ, ginger bread
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
หนุ่มจีนกลั้นใจใต้น้ำก่อนดับสลด โดยมีไลฟ์การ์ดยืนหัวเราะลั่น“ชายอ้วนที่สุดในอังกฤษ” ที่หนักกว่า 600 ปอนด์ เสียชีวิตแล้วเพชรเม็ดใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ ที่เคยถูกขุดพบบนพื้นผิวโลกประเทศที่มีปริมาณทองคำสำรอง มากที่สุดในเขตภูมิภาคอาเซียนเคยสงสัยกันไหมว่า แม่ครัวที่อยู่ในฉลากขวดซอสหอยนางรมคือใคร"ปราชญ์ สามสี" ฉะ "โน้ส อุดม" เอาแม่มาหาแดก ตลกร้าย ทำลายคุณค่า ดังแล้วลืมความเป็นคน เริ่มไม่น่ารัก
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
สายพันธุ์ปลาชนิดหายากมาก ที่พบได้เฉพาะในเขตประเทศไทยจะเกิดอะไรขึ้น? ถ้าเราสระผมตอนก่อนนอน"ปราชญ์ สามสี" ฉะ "โน้ส อุดม" เอาแม่มาหาแดก ตลกร้าย ทำลายคุณค่า ดังแล้วลืมความเป็นคน เริ่มไม่น่ารัก
กระทู้อื่นๆในบอร์ด ความรัก, ประสบการณ์ชีวิต
30 แคปชั่นขอพรให้ตัวเอง ความหมายดี คำอวยพรสิ่งดีๆ ให้ตัวเองHow to move on จากแฟนเก่านอกใจตรงปก!! เมื่อครูตรวจงานภาพวาดเด็ก ไม่เหมือนต้นฉบับตรงไหนเอาปากกามาวง 😁เมื่อตำรวจไทยเจอยายที่มีอาการเหมือนคนผีเข้า เลยท่องบทสวดมนต์ให้ฟัง ได้ผลด้วยนิ่งไปเลย 😌
ตั้งกระทู้ใหม่