เปรียบเทียบ iPhone SE และ iPhone 6s ทายาทไอโฟนจอเล็กรุ่นใหม่ จะสู้เรือธงรุ่นใหญ่ได้หรือไม่?
โดย iPhone SE มาพร้อมกับหน้าจอแสดงผลขนาดกะทัดรัด 4 นิ้ว เรียกได้ว่าเป็นการเอาใจผู้ที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟนขนาดเหมาะมือ อีกทั้งยังมาพร้อมกับคุณสมบัติ และฟีเจอร์ต่างๆ ที่ใกล้เคียงกับ iPhone 6s อยู่ไม่น้อย
รูปลักษณ์ภายนอก และการดีไซน์
iPhone SE ได้รับการดีไซน์ที่สืบทอดมาจาก iPhone 5s โดยมีขนาดตัวเครื่องเท่ากันที่ 123.8x58.6x7.6 มิลลิเมตร รวมถึงมีขนาดหน้าจอ 4 นิ้วเท่ากัน นอกจากนี้ตัวเครื่องยังทำการผลิตจากวัสดุประเภทโลหะคล้ายกับใน iPhone 6 แต่จะมีตัวเครื่องสีทองชมพู (Rose Gold) ที่เหมือนกับใน iPhone 6s เพิ่มเข้ามาเป็นอีกหนึ่งตัวเลือก สำหรับ iPhone 6s มีตัวเครื่องขนาด 138.3x67.1x7.1 มิลลิเมตร โดยตัวเครื่องทำการผลิตจากวัสดุประเภทอะลูมิเนียมซีรีส์ 7000 ที่มีความแข็งแรงทนทานสูง พร้อมหน้าจอแสดงผลขนาดใหญ่กว่าที่ 4.7 นิ้ว
หน้าจอแสดงผล
iPhone SE มาพร้อมกับหน้าจอการแสดงผลขนาด 4 นิ้ว โดยมีความละเอียด 1136x640 พิกเซล (326 ppi) ซึ่งเป็นหน้าจอแบบเดียวกับที่ใช้ใน iPhone 5s ส่วน iPhone 6s มีหน้าจอการแสดงผลขนาด 4.7 นิ้ว พร้อมความละเอียด 1334x750 พิกเซล (326 ppi) และรองรับเทคโนโลยี Dual-Pixel เพื่อการมองในมุมที่กว้าง รวมถึงเทคโนโลยี 3D Touch ที่สามารถตอบสนองการใช้งานตามน้ำหนักที่สัมผัสหน้าจอด้วยเช่นกัน ซึ่ง iPhone SE ยังไม่รองรับเทคโนโลยีนี้
ชิปเซ็ตประมวลผล Apple A9
สำหรับ iPhone SE และ iPhone 6s ใช้ชิปเซ็ตประมวลผล Apple A9 เหมือนกัน โดยเป็นชิปเซ็ตแบบ 64 บิต รุ่นใหม่จากทาง Apple ที่มีความเร็วในการประมวลผลสูงกว่ารุ่นก่อนถึง 70% และมีความสามารถในการประมวลผลกราฟิกที่เร็วกว่าชิปเซ็ตรุ่นก่อนถึง 90% เลยทีเดียว ซึ่งชิปเซ็ต Apple A9 จะทำงาร่วมกับชิป M9 ที่จะช่วยให้ทำการประมวลผลได้ถูกต้องแม่นยำ และรวดเร็วยิ่งขึ้นกว่าเดิม
เซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือระบบ Touch ID
iPhone SE จะมาพร้อมกับเซ็นเซอร์สแกนลายนิ้วมือระบบ Touch ID รุ่นแรก ในขณะที่ iPhone 6s มาพร้อมกับระบบ 2nd Generation Touch ID ที่ได้รับการพัฒนาให้มีประสิทธิภาพที่ดีขึ้นกว่าเดิม โดยจะสามารถตรวจจับลายนิ้วมือได้รวดเร็ว และแม่นยำมากยิ่งขึ้น
กล้องดิจิทัล iSight
iPhone SE และ iPhone 6s มาพร้อมกับกล้อง iSight ความละเอียด 12 ล้านพิกเซล พร้อมเซ็นเซอร์รับภาพขนาด 1.22µ, ไฟแฟลช LED แบบ True Tone และมีขนาดรูรับแสงกว้างสูงสุดที่ F/2.2 ซึ่งรองรับการบันทึกวิดีโอความละเอียดสูงสุดที่ระดับ 4K Ultra HD (2160x3840 พิกเซล : 30 fps) อีกทั้งยังรองรับการถ่ายภาพในโหมด Live Photos ที่สามารถบันทึกเหตุการณ์ก่อนหน้าการถ่ายภาพได้เป็นระยะเวลาสั้นๆ ให้ออกมาเป็น Animation ด้วยเช่นกัน
กล้องดิจิทัลด้านหน้า และ Retina Flash
สำหรับ iPhone 6s มีกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 5 ล้านพิกเซล พร้อมรูรับแสงขนาดกว้างสูงสุดที่ F/2.2 และ Retina Flash ที่พร้อมจะเปลี่ยนหน้าจอ Retina ให้เป็นไฟแฟลช ในโทนที่เหมาะสมกับสภาพแวดล้อมเมื่อต้องการถ่ายภาพด้วยกล้องหน้าในสภาวะแสงน้อย ส่วน iPhone SE จะมีกล้องดิจิทัลด้านหน้าความละเอียด 1.2 ล้านพิกเซลที่เท่ากับใน iPhone 6 พร้อมรูรับแสงขนาดกว้างสูงสุดที่ F/2.4 และ Retina Flash
ราคาเปิดตัวของ iPhone SE และ iPhone 6s
สำหรับ iPhone SE คาดว่าจะมีราคาเปิดตัวดังนี้
- รุ่นหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 16 GB ราคา $399 (ดอลลาร์สหรัฐ) หรือประมาณ 14,000 บาท
- รุ่นหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB ราคา $499 (ดอลลาร์สหรัฐ) หรือประมาณ 17,500 บาท
ส่วน iPhone 6s มีราคาเปิดตัวดังนี้
- รุ่นหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 16 GB ราคา 26,500 บาท
- รุ่นหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 64 GB ราคา 30,500 บาท
- รุ่นหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128 GB ราคา 34,500 บาท
สำหรับการเปรียบเทียบฟีเจอร์เด่นสำหรับ iPhone SE และ iPhone 6s จะเห็นได้ว่าในโดยรวม iPhone 6s จะมีความโดดเด่นกว่าเล็กน้อย เรียกได้ว่า iPhone SE เปรียบเสมือนเป็น iPhone 6s รุ่นย่อส่วนเลย ก็ว่าได้ โดยมาพร้อมกับฟีเจอร์ที่จัดเต็มในทุกองค์ประกอบในขนาดตัวเครื่องที่เล็กลง และแม้ว่า iPhone SE จะมีข้อเสียเปรียบตรงที่ไม่มีรุ่นหน่วยความจำภายใน (ROM) ขนาด 128 GB แต่ก็สามารถหักลบได้ด้วยราคาเปิดตัวที่ต่ำกว่า iPhone 6s อยู่ไม่น้อย สำหรับท่านใดที่ชื่นชอบสมาร์ทโฟนขนาดเหมาะมือ iPhone SE ก็ถือเป็นอีกตัวเลือกหนึ่งที่น่าสนใจอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
อย่างไรก็ตาม การเลือกซื้อสมาร์ทโฟนสักเครื่องนั้นขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง อาทิเช่น ดีไซน์, ความต้องการใช้งาน และราคา ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับตัวผู้ใช้เองว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใดจะสามารถตอบสนอง ความต้องการใช้ได้มากที่สุด หากว่าสมาร์ทโฟนรุ่นใดมีฟังก์ชันที่ตรงตามความต้องการ และมีราคาที่สมเหตุสมผล ก็ถือว่าสมาร์ทโฟนเครื่องนั้นคุ้มค่าต่อการเป็นเจ้าของแล้วล่ะครับ