หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

รู้หรือไม่ การดิ้นของทารกในครรภ์บอกอะไรคุณแม่บ้าง ????

โพสท์โดย ลูกสาวอบต

ทำไมทารกในครรภ์ต้องดิ้น?
 
          การดิ้นของทารกในครรภ์ บอกอะไรเราหลายอย่าง ที่แน่ๆ ก็เป็นสัญญาณหนึ่งที่บ่งบอกว่าลูกยังมีชีวิตอยู่ การดิ้นของทารกในแต่และช่วงเวลา และช่วงอายุครรภ์ อาจแสดงให้เห็นในแบบต่างๆ กัน เช่น ในช่วงไตรมาสแรก คุณแม่แทบไม่ทราบเลยว่าลูกมีการดิ้นเกิดขึ้นแล้ว โดยเด็กจะเริ่มดิ้นตั้งแต่อายุครรภ์ประมาณ 6 - 7 สัปดาห์ จะเห็นก็จากตอนที่คุณหมอทำการตรวจอัลตราซาวด์ให้ดู เด็กจะมีการเคลื่อนไหวของแขนขา กระโดดเด้งตัว ลอยไปลอยมาในถุงน้ำคร่ำ เนื่องจากลูกยังเล็กมาก จึงไม่ทำให้เกิดความรู้สึกรับรู้ในท้องแม่ เนื่องจากการที่แม่ท้องจะรับรู้การดิ้นของลูกได้ ต้องมีอวัยวะส่วนหนึ่งส่วนใด ของทารกสัมผัสโดยตรงกับผนังมดลูกแม่ ซึ่งต้องมีความแรงพอสมควร ที่ทำให้แม่รับรู้ได้ ดังนั้นในช่วงเล็กๆ เด็กทารกตัวเล็ก จึงไม่ได้ดิ้นแรงพอให้แม่รู้สึกได้ ต้องรอให้ทารกขนาดใหญ่ขึ้น จนมีแรงดิ้นแรงพอให้แม่รู้สึกได้ การดิ้นบางครั้งเป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าจากภายนอกที่มากระตุ้น เช่น เสียงเพลง แสง หรือการสัมผัสที่ท้องของพ่อและแม่ จะเห็นว่าลูกมีการตอบสนองต่อสิ่งเหล่านี้ได้ เมื่ออวัยวะรับสัมผัสเหล่านี้เริ่มพัฒนา ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีที่ลูกจะได้เรียนรู้ และตอบสนองต่อสิ่งต่างๆ ที่มากระตุ้น เพื่อสร้างให้เกิดพัฒนาการของทารกตั้งแต่อยู่ในครรภ์
ทารกในครรภ์เริ่มดิ้นตั้งแต่เมื่อไหร่?
 
          ในท้องแรกที่แม่ยังไม่มีประสบการณ์การตั้งครรภ์มาก่อน ดังนั้นการรับความรู้สึกว่าลูกดิ้น ในครรภ์แรก (ท้องแรก) จะตกประมาณอายุครรภ์ 18 - 20 สัปดาห์ ส่วนในท้องหลังที่แม่มีประสบการณ์ตั้งครรภ์มาแล้ว จะรับรู้ความรู้สึกลูกดิ้นได้เร็วขึ้น 2 - 4 สัปดาห์ คือประมาณ 16 - 18 สัปดาห์ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆที่อาจมีอิทธิพลต่อการรับรู้การดิ้นของทารกในครรภ์ เช่น ปริมาณน้ำคร่ำ ถ้าน้ำคร่ำปริมาณมาก ผนังหน้าท้องจะตึง โอกาสที่ส่วนของทารกสัมผัสกับผนังมดลูก ก็น้อยกว่าในภาวะน้ำคร่ำที่น้อย โอกาสรับรู้การดิ้นก็น้อยลง ความหนาของผนังหน้าท้องแม่ ในแม่ที่หน้าท้องหนา (ท้วมหรืออ้วน) ก็รู้สึกรับรู้การดิ้นน้อยกว่าแม่ที่ผนังหน้าท้องบาง รวมถึงตำแหน่งการเกาะของรก ถ้ารกเกาะขวางทางด้านหน้า เสมือนเพิ่มความหนาของผนังหน้าท้อง การรับรู้การดิ้นก็น้อยลง นอกจากนี้ท่าทางของลูกในท้อง รวมถึงขนาดและจำนวนของทารกในครรภ์ ก็มีผลต่อการรับรู้ของแม่ต่อการดิ้นของลูกในท้อง นอกจากนี้การที่แม่เคยไปรับการตรวจอัลตราซาวด์ดูทารกในครรภ์มาก่อน การได้เห็นทารกที่กำลังดิ้นขณะตรวจ ก็จะทำให้แม่เห็นภาพและเข้าใจรับรู้ถึงการดิ้นของลูกได้เร็วขึ้นเช่นกัน
 
การที่ทารกสะอึก เป็นการดิ้นหรือไม่?
 
          การสะอึกของทารกในครรภ์ (hiccups)  เป็นการเคลื่อนไหวแบบหนึ่งที่ดูเหมือนการดิ้น แต่ไม่นับว่าเป็นลูกดิ้น เป็นการเคลื่อนไหวแบบกระตุก เป็นจังหวะที่สม่ำเสมอ ระยะห่างประมาณ 1 วินาที ถ้าได้เห็นจากการตรวจอัลตร้าซาวด์ จะเห็นผนังทรวงอกมีการหดเกร็งเป็นจังหวะสม่ำเสมอ จนบางคนคิดว่าเป็นการเต้นของหัวใจ (โดยปกติการเต้นของหัวใจทารกจะมีอัตรา 120-160 ครั้งต่อนาที เฉลี่ย 2-3 ครั้งต่อ วินาที ซึ่งเร็วกว่าอัตราการสะอึกมาก และเสียงหัวใจไม่สามารถรับรู้หรือได้ยินด้วยหูปกติ จะเห็นว่าหมอต้องใช้หูฟัง หรือเครื่องตรวจเสียงหัวใจลูกมาขยายสัญญาณเสียงหัวใจลูกเป็นสิบเป็นร้อยเท่าจึงจะได้ยินเสียงหัวใจลูกเต้นได้) อาการสะอึกของทารกในครรภ์ เป็นอาการปกติที่เกิดขึ้นได้ ขณะอายุครรภ์ประมาณ 28-32 สัปดาห์ เป็นสัญญาณที่บ่งบอกถึงการพัฒนาการของระบบหายใจของทารกในครรภ์ที่เริ่มทำงาน เมื่อมีการหายและกลืนน้ำคร่ำที่ไม่สัมพันธ์กัน เด็กก็จะเกิดอาการสะอึก เหมือนอาการสะอึกของผู้ใหญ่เช่นกัน ไม่ต้องทำอะไร สักพักอาการสะอึกจะหายไปเอง ไม่ถือว่าเป็นอาการที่ผิดปกติ แต่ไม่นับเป็นลูกดิ้น
 
ควรนับลูกดิ้นหรือไม่ และเริ่มนับตั้งแต่เมื่อไหร่ ?
 
          โดยปกติในช่วงอายุครรภ์เล็กๆ การเคลื่อนไหวของทารกเป็นแบบไร้ทิศทาง ไม่มีแบบแผน เป็นเหมือนสิ่งที่เกิดขึ้นโดยอัตโนมัติ แต่เมื่อระบบประสาทต่างๆพัฒนาขึ้น โดยเฉพาะในช่วงตั้งแต่ 28 สัปดาห์เป็นต้นไป จนถึงระบบประสาทที่พัฒนาสมบูรณ์เมื่ออายุครรภ์ประมาณ 32 สัปดาห์ ดังนั้นหลัง 32 สัปดาห์เป็นต้นไป การนับการดิ้นก็สามารถบ่งบอก หรือช่วยในการประเมินสุขภาพของทารกในครรภ์ได้ว่าเด็กยังปกติ มีสุขภาพแข็งแรงดีหรือไม่ จะเห็นได้จากการประเมินสุขภาพของสูตินรีแพทย์อันหนึ่งที่เรียกว่า BPP (Biophysical Profile) โดยการใช้เครื่องตรวจอัลตร้าซาวด์ติดตามการเคลื่อนไหวของทารกในครรภ์ โดยดูจาก การหายใจ (Fetal breathing) การเคลื่อนไหวของทารกทั้งลำตัวและแขนขา (Fetal movement) การยืดหดของอวัยวะที่เป็นข้อพับ เช่น มือ ขา หรือนิ้ว (Fetal tone) ร่วมกับปริมาณน้ำคร่ำ (AF: Amniotic fluid) และการตรวจเคลื่อนเสียงหัวใจลูก (NST: Non-stress test) สามารถบอกถึงสุขภาพทารกในครรภ์ ในระยะ 7 วันข้างหน้านับจากวันที่ทำการตรวจได้ ดังนั้นการนับลูกดิ้นก็เช่นกัน ควรแนะนำให้หญิงตั้งครรภ์ทุกคนได้ริ่มนับตั้งแต่อายุครรภ์ 32 สัปดาห์ หรือเริ่มตั้งแต่ 28 สัปดาห์ในรายที่ตั้งครรภ์มีความเสี่ยงสูง (High risk pregnancy)เช่น แม่ที่เป็นเบาหวาน หรือความดันโลหิตสูง เนื่องจากการนับลูกดิ้นทำโดยแม่ ที่มีความใกล้ชิดลูกมากที่สุด เพราะอยู่ด้วยกันตลอดเวลา และไม่มีค่าใช้จ่ายที่เกิดจากการทำ แต่ผลที่ได้ช่วยลดปัญหาในเรื่องทารกเสียชีวิตในครรภ์ลงได้ เนื่องจากเด็กที่อยู่ในท้อง ถ้ามีปัญหาสุขภาพไม่ดีหรือป่วย เด็กพวกนี้ไม่ได้เสียชีวิตในทันที จะค่อยๆซึมและดิ้นน้อยลง ถ้าเราให้ความสำคัญและนับการดิ้นของลูกอยู่เป็นประจำ ก็จะสามารถทราบการเปลี่ยนแปลงที่ผิดปกติได้จากการดิ้น เช่น ดิ้นน้อยลงหรือดิ้นน้อยกว่าปกติ  ก่อนที่ลูกจะเสียชีวิตในครรภ์ได้
 
วีธีการนับลูกดิ้นทำอย่างไร?
 
          วิธีการนับลูกดิ้นมีหลายวิธี แต่ที่แนะนำให้ปฏิบัติง่ายๆ มี 2 วิธี โดยทั้งสองวิธีมีการเตรียมตัวเหมือนกันโดย เลือกเวลาที่เราว่าง หรือ สะดวกในการนับ ไม่จำเป็นต้องเป็นเวลาเดียวกันทุกวัน จะเป็นเวลาเช้า กลางวัน เย็น หรือ ก่อนนอนก็ได้ โดยเวลานับต้องอยู่ในท่าพัก เช่น นั่งหรือนอนในท่าสบายๆ ไม่เดินไปเดินมา หรือทำกิจกรรมที่รบกวนการนับ การนับการดิ้นให้รวมการ เตะ (Kick) การยืดหรือบิดตัว (stretches) การหมุนตัว (rollovers) ยกเว้น การสะอึก (hiccups) ที่ไม่นับป็นลูกดิ้น การนับถ้าลูกดิ้นติดกันเป็นชุด ให้ถือเป็น 1 ครั้ง ควรมีการบันทึกการดิ้นไว้เป็นตารางตามตัวอย่างที่แสดง และนำมาให้แพทย์ดูผลทุกครั้งที่มารับการฝากครรภ์ ส่วนวิธีการนับเลือกวิธีที่เราสะดวกได้จาก 1 ใน 2 วิธีดังนี้
1. การนับลูกดิ้นใน 1 ชั่วโมง ของ Rayburn  เป็นการนับว่าในเวลา 1 ชั่วโมง ลูกดิ้นได้กี่ครั้ง โดยถ้าดิ้นได้ตั้งแต่ 3 ครั้งขึ้นไป ถือว่าปกติ ถ้านับได้น้อยกว่า 3 ครั้งใน 1 ชั่วโมง ให้นับต่ออีก 1 ชั่วโมงที่ติดกันทันที เพราะบางครั้งแม่ไปนับในชั่วโมงที่ลูกหลับ ลูกอาจไม่ดิ้น แต่เด็กในท้องมีรอบการหลับตื่นไม่เกิน 1 ชั่วโมง เพราะฉะนั้นในชั่วโมงถัดมาลูกต้องตื่นให้เรานับแน่ๆ แต่ถ้าชั่วโมงแรกนับได้น้อยกว่า 3 ครั้ง ชั่วโมงถัดมาก็ยังน้อยกว่า 3 ครั้ง  แสดงว่านับได้น้อยกว่า 3 ครั้งติดกัน 2 ชั่วโมง ให้รีบมาพบแพทย์ทันที
ตัวอย่าง
   วันที่                               เวลาที่นับ                 จำนวน                รวม
เช่น 11/10/2554              09.00-10.00น.            IIII                   4


2. การนับ Count to 10  ของ Picquadio and Mooreเป็นการนับลูกดิ้นให้ครบ 10 ครั้ง แล้วดูว่าใช้เวลาเท่าไร จากการดิ้นครั้งแรกจนถึงครั้งที่ 10 โดยแบ่งช่วงเวลาเป็น 15(A), 30(B), 45(C),60(D)  และมากกว่า 60 นาที(F) โดยเหมือนกับวิธีแรก ถ้าใช้เวลาดิ้นครบ 10 ครั้งมากกว่า 1 ชั่วโมง (F) ให้นับใหม่ในอีก 1 ชั่วโมงติดกันทันที (ลูกอาจหลับ) ถ้ายังใช้เวลามากกว่า 1 ชั่วโมงอีกครั้ง (F) ถือว่าผิดปกติ (FF) ให้รีบมาพบแพทย์ทันที
ตัวอย่าง
   สัปดาห์ที่           อาทิตย์        จันทร์        อังคาร        พุธ         พฤหัส        ศุกร์        เสาร์   
9-15/10/54        ABCDF      ABCDF     ABCDF      ABCDF   ABCDF     ABCDF   ABCDF
                        ABCDF      ABCDF     ABCDF      ABCDF   ABCDF     ABCDF   ABCDF


การนอนตะแคงแล้วลูกดิ้นมาก เป็นเพราะเราไปนอนทับลูกใช่หรือไม่?

 
          การนอนตะแคงแล้วรู้สึกว่าลูกดิ้นมากกว่าปกติ ทำให้แม่หลายคนคิดว่า อาจเป็นเพราะไปทับลูกทำให้ลูกดิ้นมากกว่าปกติ ในลักษณะหนีถูกทับหรือหนีตาย เป็นความเชื่อที่ผิด การที่ลูกดิ้นมากในขณะที่แม่นอนตะแคงเพราะ ขณะที่แม่นอนตะแคงมดลูกจะไม่กดทับเส้นเลือดดำใหญ่ที่รับเลือดจากส่วนล่างของร่างกายทั้งหมดที่ส่งกลับเข้าสู่หัวใจ ทำให้เลือดถูกสูบฉีดจากหัวใจไปเลี้ยงลูกได้มากขึ้น ทำให้ลูกได้รับสารอาหารได้ดีขึ้น จึงรู้สึกมีแรงและพลังงานสูง และดิ้นมากขึ้น เหมือนหลังทานอาหารใหม่ๆ ที่จะรู้สึกว่าลูกดิ้นมากขึ้น แต่ไม่ได้หมายถึงให้คุณแม่ทุกคนนอนตะแคงตลอดเวลา เพราะการนอนท่าหนึ่งท่าใดนานๆ จะทำให้เกิดจุดกดทับ ทำให้เจ็บซี่โครงหรือสะโพกได้ คนท้องจึงควรนอนในลักษณะที่มีการเปลี่ยนอริยาบทบ่อยๆ เพื่อหลีกเลี่ยงจุดกดทับดังกล่าว การนอนตะแคงจึงเหมาะสำหรับ แม่ที่นอนรอคลอดในช่วงระหว่างเจ็บครรภ์ในห้องคลอด เพราะช่วงนั้นจะมีการบีบตัวของมดลูกทำให้เลือดไปเลี้ยงลูกน้อยลง การนอนตะแคงจึงช่วยเพิ่มเลือดให้ลูกได้ดีในช่วงเวลาดังกล่าว
 
          การดิ้นของทารกในครรภ์ เป็นสิ่งที่แม่ควรให้ความสำคัญ และสนใจเป็นพิเศษ เพราะเป็นสิ่งที่บอกถึงสัญญาณชีพ ของทารกในครรภ์ ที่สัมผัสและรับรู้ได้จากตัวของแม่เอง ดังนั้นคุณแม่ควรให้ความสำคัญกับการเริ่มนับลูกดิ้น ในระยะเวลาที่เหมาะสม ตามที่แพทย์แนะนำ โดยถ้าคุณพ่อต้องการมีส่วนช่วยในการนับก็ไม่ถือว่าผิดกติกาใดๆ

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ลูกสาวอบต's profile


โพสท์โดย: ลูกสาวอบต
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
28 VOTES (4/5 จาก 7 คน)
VOTED: puddingzii, aRnoNAe, willbe, นางเบิร์ด
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อาลัยรัก อ๋อม อรรคพันธ์ แฟนคลับยังไม่อยากเชื่อ เพิ่งเห็นรอยยิ้มเมื่อไม่กี่เดือนแก้วน้ำของ "ลิซ่า" ธรรมดาซ่ะที่ไหน..สมฐานะซุปตาร์ระดับโลกของแทร่!ทำถนนนาน 4 เดือน ร้านค้าโอด เจ๊งแล้ว 50 ร้านตลอดเส้นไม่ทันตั้งตัว พระเอกดัง “อ๋อม อรรคพันธ์” เสียชีวิตแล้ว ในวัย 39 ปีคุณยายวัย 79 ปี เข้าฟิตเนสตลอดระยะเวลา 19 ปี13 ความเข้าใจผิดเกี่ยวกับการช่วยตัวlอง8 สมุนไพร ช่วยดูแลหัวใจ บำรุงหัวใจพระเอกไทยแท้ จากไปอย่างสงบ อ๋อม อรรพันธ์พระเอกดัง "อ๋อม อรรคพันธ์" เสียชีวิตแล้ว!..เพื่อนๆ ในวงการร่วมไว้อาลัย[7 เรื่องลับๆ] ของ “อาหารจีน”ช็อก อ๋อม อรรคพันธ์ นะมาตร พระเอกชื่อดัง เสียชีวิตแล้ว8 เทคนิค ตามหา Passion
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
คุณยายวัย 79 ปี เข้าฟิตเนสตลอดระยะเวลา 19 ปีพระเอกไทยแท้ จากไปอย่างสงบ อ๋อม อรรพันธ์8 เทคนิค ตามหา Passionไม่ทันตั้งตัว พระเอกดัง “อ๋อม อรรคพันธ์” เสียชีวิตแล้ว ในวัย 39 ปีนักดับเพลิงมะกันถูกกล่าวหาว่าจุดไฟเผาแหล่งผลิตไวน์ของรัฐแก้วน้ำของ "ลิซ่า" ธรรมดาซ่ะที่ไหน..สมฐานะซุปตาร์ระดับโลกของแทร่!
กระทู้อื่นๆในบอร์ด สาระ เกร็ดน่ารู้
🙏 อยากช่วยครอบครัวเด็กสู้ชีวิต...หมอมาเฉลยเอง..แฟนมีประจำเดือนแล้วมีเซ็กส์ได้มั๊ย ?[ไวอากร้า] ช่วยทำให้อึดแค่ไหน?พระราชวังต้องห้าม มีกี่ห้องกันเเน่
ตั้งกระทู้ใหม่