สุดยอด!! แรงบันดาลใจจากครูชาวญี่ปุ่น วิธีสอนเด็กให้เรียนสนุกและมีความสุข
สุดยอด!! แรงบันดาลใจจากครูชาวญี่ปุ่น วิธีสอนเด็กให้เรียนสนุกและมีความสุข
มีคำกล่าวว่า
“ครูทั่วๆ ไป ก็แค่สอน
ครูที่ดี ถึงจะอธิบาย
ครูที่ดีกว่า ถึงขั้นสาธิตให้ดู
ส่วนครูที่ยิ่งใหญ่ สร้างแรงบันดาลใจ”
การเป็นครูไม่เพียงแต่ทำหน้าที่สอน หนังสือแค่ในตำราเท่านั้นการเข้าถึงเด็กๆเพื่อปรับการเรียนการสอนให้นักเรียนเข้าถึงง่ายเข้าใจง่ายในตำรานั้นปัจจุบันมีรูปแบบและตัวช่วยมากมายในการสอน แม้แต่การปรับอารมณ์ให้เข้ากับเด็กๆก็เป็นอีกงานนึงของครูเหมือนกัน
เรามาดูวิธีการสอนของครูชาวญี่ปุ่นกันดีกว่า ที่เขา บอกว่าเป็นวิธีการสอนที่ดีและเด็ก รู้สึกอยากเรียนและสนุกมีความสุขไปกับตำราเรียน
1.Numata Takahiro (沼田晶弘) เซนเซ (ครูประถม) นุมาตะ เซ็นเซ หรือที่เด็กๆ เรียกกันว่า “นุมัจฉิ เซนเซ” เป็นครูประถมประจำโรงเรียนประถมเซตากายะ เป็นครูประถมที่สอนโดยยึดหลักว่า “ต้องให้เด็กรู้สึกสนุก”
Numatasensei
เช่น ในวิชาสังคมศึกษา แทนที่ครูจะสอนว่า จังหวัดนี้ อยู่ตรงไหน มีของดังอะไร ครูจะแต่งตั้งเด็กๆ เป็น “ทูตการท่องเที่ยวประจำจังหวัด” ให้ไปหาข้อมูลมาพรีเซ้นท์กันในคลาสโดยให้เด็กหัดใช้ Powerpoint ไปในตัว (เด็กประถมเองนะเธ้อ!)
ทีนี้ พอเด็กแต่ละคนๆ พรีเซ้นท์เสร็จ นุมัจฉิเซ็นเซก็นึกขึ้นได้ว่า …เอ…เด็กได้แต่ทักษะการพรีเซ้นท์ แต่ยังไม่ได้ฝึกทักษะการเขียนเลย เซ็นเซเลยให้เด็กแต่ละคน “เขียน” จดหมายไปรายงานผู้ว่าราชการจังหวัดของตัวเอง
ดูวิธีการ Motivate เด็กๆ สิคะ สุดยอดเลย
ผู้ว่าฯ บางจังหวัดก็น่ารักมาก ส่งจดหมายแต่งตั้งเด็กคนนั้นให้เป็นทูตท่องเที่ยวประจำจังหวัดไปเลยก็มี บางจังหวัดส่งมาสค็อทประจำจังหวัดมาทักทายเด็กๆ กันในคลาส ถ้าดิฉันเป็นเด็กโรงเรียนนี้ ดิฉันกรี๊ดแน่เลยค่ะ
อีกสิ่งหนึ่งที่ดิฉันปลื้มเซนเซท่านนี้มาก คือ เรื่องการจัดการกับเวรทำความสะอาด ลองนึกตอนที่เรายังเด็กๆ สิคะ ถึงเวรทำความสะอาดห้องทีไร เราอี๋ย์ทุกที แต่นุมัจฉิเซ็นเซแก้ปัญหาได้เด็ดมาก ครูทำปลอกแขนติดเสื้อเขียนว่า “กัปตัน” กับ “ลูกทีม” ทำให้เด็กรู้สึกเท่ห์เวลาได้ทำเวร
(หลอกเด็กเก่งมากค่ะครู)
2.Hashimoto Takeshi (橋本武)เซ็นเซ (ครูมัธยมต้น) ฮาชิโมโต้เซ็นเซ เป็นครูสอนภาษาญี่ปุ่นประจำโรงเรียน Nada ถ้าเป็นในไทย คงศักดิ์ศรีประมาณโรงเรียนเตรียมฯ ก่อนเซ็นเซจะเข้ามาสอนที่นี่ โรงเรียน Nada ยังเป็นโรงเรียนที่ไม่มีชื่อเสียงเท่าไร พอเซ็นเซสอนๆ ไป เด็กที่เรียนคลาสอาจารย์สามารถสอบเข้าม.โตไดได้ถึง 15 คน รุ่นที่ 2 สอบเข้าเกียวได (ศักดิ์ศรีเท่าธรรมศาสตร์) ได้ 52 คน รุ่นที่ 3 สอบเข้าม.โตไดได้ 112 คน โรงเรียน Nada กลายเป็นโรงเรียนมัธยมที่มีเด็กสอบเข้าโตไดได้มากสุดในประเทศญี่ปุ่นค่ะ
ฮาชิโมโต้เซ็นเซทำได้อย่างไร?
เซ็นเซใช้นิยายเรื่อง “Silver Spoon(銀の匙)” นิยายเล่มบางๆ เพียง 200 หน้าเพียงเล่มเดียวในการสอนเด็กในระยะเวลา 3 ปี …
ค่ะ….คุณผู้อ่านอ่านถูกต้องแล้วค่ะ อาจารย์สอนนิยายเล่มบางๆ เล่มเดียวในช่วง 3 ปี
เซ็นเซบอกว่า วิธีการสอนของตัวเองเป็นแบบนอกลู่นอกทาง ให้เด็กอ่านนิยายไปได้ 2 บรรทัด ครูก็จะพาลากไปฟังเรื่องอื่น อย่างบทย่อยในนิยาย เขียนแค่ตัวเลข ครูก็จะชวนเด็กๆ ตั้งชื่อบทกัน บางครั้งครูก็จะถามว่า พระเอกพูดประโยคนี้ ด้วยความรู้สึกอย่างไร
มีอยู่บทหนึ่ง พูดถึงพระเอกเล่นว่าวที่กลางสนาม ฮาชิโมโต้เซนเซก็ให้เด็กๆ วาดภาพและทำว่าวเอง แล้วลองเล่นกัน ครูบอกว่า จะได้สอนวิชาศิลปะไปด้วยในตัว
ฮาชิโมโต้เซ็นเซบอกว่า ถ้าเด็กมองเพื่อนเล่นฟุตบอลเฉยๆ เด็กก็ไม่สนุก เด้กต้องลงวิ่งเตะในสนามด้วย ถึงจะรู้สึกสนุกได้ การเรียนการสอนของเซ็นเซ จึงพยายามให้เด็กได้ “เล่น” ในสนามจริงๆ ครูสอนภาษาจากหนังสือ ก็ต้องให้เด็กลองเขียนหนังสือดู ลองคิด ลองแต่งประโยค ลองเขียนจับประเด็น วิพากษ์วิจารณ์นิยายเอง
เมื่อเด็กได้ลงสนาม ได้กระโดดโลดแล่น เขาก็จะสนุก จากนั้น เขาจะเริ่มคิดเป็น เริ่มสงสัย และค้นคว้าหาความรู้ เป็นการสร้างวงจรที่ดี ให้เด็กรักการเรียนรู้ได้
ไม่น่าแปลกใจเลยนะคะว่า ทำไมเด็กๆ ของเซ็นเซถึงสอบเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ได้เยอะขนาดนี้ … เพราะเด็กๆ สนุกกับการเรียนนี่เอง
3.Tsubota Nobutaka (坪田信貴) เซ็นเซ (ครูมัธยมปลาย)
เซ็นเซคนสุดท้ายที่ดิฉันจะแนะนำในบทความนี้ คือ ทซึโบตะเซ็นเซค่ะ จริงๆ อาจารย์เป็นติวเตอร์ในโรงเรียนกวดวิชาแห่งหนึ่งในนาโกย่า แต่ที่เซ็นเซโด่งดังขึ้นมานั้น เพราะสามารถทำให้เด็กสาวเปรี้ยวซ่าที่โหล่ของห้อง สามารถสอบเข้าม.เคโอ มหาวิทยาลัยเอกชนที่สอบเข้ายากที่สุดของญี่ปุ่นได้
อาจารย์ส่วนใหญ่มักจะบอกให้นักเรียน “ตั้งใจเรียนสิ” “อ่านหนังสือสิ” แต่ทซึโบตะเซ็นเซไม่ทำอย่างนั้น ..ยิ่งกับเด็กที่เกลียดการเรียนเข้าไส้แล้ว ครูยิ่งไม่ทำเด็ดขาด
เทคนิคของครูคือการยอมรับเด็กค่ะ มองว่า เด็กทุกคนมีศักยภาพ
ไม่มองเด็กในแง่ร้าย หมั่นชม ให้กำลังใจ และเลือกตำรา เลือกเนื้อหาให้เหมาะกับเด็กแต่ละคนค่ะ
ยกตัวอย่างเช่น ซายากะจัง เด็กสาวซ่าห้องบ๊วย เธอพบทซึโบตะเซ็นเซตอนม. 5 และนี่ คือ ความรู้ที่เธอมีค่ะ….
เซ็นเซ: ไหนลองเรียงลำดับชื่อสมัยต่างๆ ในประวัติศาสตร์ซิ
ซายากะ: ยุคปักกิ่ง…มั้ง?
เซ็นเซ: ไม่ช่ายย ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นสิ!
ซายากะ: อ้อ โจมอนจิได (สมัยโจมอน)…โชเนนจิได
เซ็นเซ: แล้วไงต่อ?
ซายากะ: แล้วก็โชโจจิได
เซ็นเซ: (ยิ้มพร้อมชู 2 นิ้ว) เย่! …. เอ้ย ไม่ช้ายยย นั่นมันชื่อนักร้องแล้ว!
ซายากะ: ฮ่าๆๆ
เซ็นเซ: มันเริ่มจากยุคโจมอง แล้วก็ไปยุคหินไง ที่มีมนุษย์หินน่ะ
ซายากะ: อ๋อ..มนุษย์ถ้ำ ยุคแมมมอธน่ะเอง
สาบานได้ว่านี่คือบทสนทนาของเด็กม. 5 … ทซึโบตะเซ็นเซคุยกับเธออย่างเป็นมิตร ไม่เคยดุด่าว่า ทำไมไม่รู้เรื่องนี้เรื่องนั้น ไม่เคยด่าว่าโง่เลย แถมชมเสียอีก หาว่าสร้างสรรค์ เข้าใจคิด อย่างโน้นอย่างนี้ (แต่แบบแซวๆ จิกกัดนะคะ)
พอซายากะจังเริ่มเปิดใจ ครูก็ค่อยๆ สอน เซ็นเซจะค่อยๆ เล่าประวัติศาสตร์แบบใส่ดราม่านิดๆ ให้ซายากะฟังอย่างสนุกสนาน
ความเก๋ของเซ็นเซอีกอย่าง คือ วิธีเลือกตำราค่ะ เพื่อทำให้ซายากะมีความรู้ด้านประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นในช่วงเวลาจำกัด ครูบอกให้เธอไปอ่านหนังสือการ์ตูนประวัติศาสตร์ญี่ปุ่นซะ ให้อ่านหลายๆ รอบ เพราะครูเห็นว่า เด็กคนนี้ เชื่อฟังง่าย แต่ก็รักสนุก ต้องให้อ่านอะไรที่สนุกๆ
ส่วนวิชาภาษาญี่ปุ่น ก็เอานิยายที่คนแต่งจบม.เคโอ มหาลัยที่สาวน้อยอยากเข้ามาให้อ่าน เนื้อหาก็ดี อ่านง่าย แถมทำให้สาวน้อยปลื้มคนจบมหาลัยเคโอ และยิ่งมุมานะที่จะสอบเข้ามหาลัยนี้ให้ได้
การเลือกเนื้อหาที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละคน การเป็นมิตร การชมและให้กำลังใจเด็กสม่ำเสมอ ก็พลิกชีวิตเด็กม.ปลายที่เรียนไม่ไปถึงไหนหลายๆ คน ให้สามารถเข้ามหาวิทยาลัยดังๆ ได้ และเรียนได้อย่างสนุกค่ะ
แหล่งที่มา: https://www.facebook.com/permalink.php?story_fbid=1680510358880970&id=1395770040688338
ขอขอบคุณเนื้อหาดีๆจาก : https://gademaru.wordpress.com
https://blog.eduzones.com/jetty/154377