หน้าแรก ตรวจหวย เว็บบอร์ด ควิซ Pic Post แชร์ลิ้ง หาเพื่อน Chat หาเพื่อน Line หาเพื่อน Skype Page อัลบั้ม คำคม Glitter เกมถอดรหัสภาพ คำนวณ การเงิน
ติดต่อเว็บไซต์ลงโฆษณาลงข่าวประชาสัมพันธ์แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสมเงื่อนไขการให้บริการ
เว็บบอร์ด บอร์ดต่างๆค้นหาตั้งกระทู้

เข้าใจเลยว่าทำไมทำฟันปลอมถึงเเพงมาก มันก็เหมือนงานศิลปะที่มีเเค่ชิ้นเดียวในโลก

โพสท์โดย ทิมมี่ ทิมมี่

สวัสดีครับ
ก่อนอื่นขอแนะนำตัวก่อนเลย ผมเป็นนักศึกษาคณะทันตแพทย์ มหาลัยแห่งหนึ่ง ในจังหวัดแห่งหนึ่ง ประเทศ...ไทยนี่แหละ
ปกติเมื่อเราพูดถึงหมอฟันเนี่ย สมัยที่ผมอยู่มัธยมผมรู้แค่ว่า ต่างจากหมอตรงที่ต้องทำงานที่เป็นศิลปะแบบละเอียดอ่อนมาก
ผมไม่เคยรู้เลยว่าไองานศิลปะที่ละเอียดอ่อนพวกนั้นมันเป็นยังไง รู้แต่ว่าหมอฟันก็อุดฟันเป็นส่วนใหญ่
ผมก็อยากให้คนอื่นได้รู้ว่างานของพวกเรามีอะไรที่นอกเหนือจากอุดฟันกรอฟันอีกนะ จึงเป็นสาเหตุที่เกิดกระทู้นี้ขึ้น
ปกติผมจะทำแต่รีวิวท่องเที่ยว (ใครสนใจลองหาดูในโปรไฟล์ผมได้นะ) คราวนี้จะมานำเสนอเรื่องที่น้อยคนนักจะรู้ว่าเจ้าสิ่งนี้มันสร้างขึ้นมาได้อย่างไร..

ฟันปลอมทั้งปาก – complete denture
ที่ทำเกี่ยวกับฟันปลอมแบนี้เพราะ...พึ่งเสร็จขึ้นตอนสุดท้ายไม่นานมานี้เอง...ทำมาทั้งปปี ในที่สุดก็ผ่านแลปนี้ไปได้ด้วยดี แต่เกรดค่อยว่ากันอีกทีละกัน

หวังว่ากระทู้นี้จะพอมีประโยชน์แก่ผู้อ่านนะครับ ผมเขียนแค่บางขั้นตอนนะ ไม่งั้นมันจะละเอียดเกิน
ผมจะใช้ภาษาในแบบที่เข้าใจง่ายที่สุดนะครับ ศัพท์เฉพาะนี่ถ้าไม่จำเป็นผมจะไม่พูด
เริ่มกันเลย

ฟันปลอมเนี่ย ถ้าจะพูดให้หมดมันมีเป็นสิบชนิดเลย ผมขอไม่กล่าวถึงละกันว่ามันมีอะไรบ้าง
ชนิดที่ผมมานำเสนอจะทำในผู้ที่ไม่มีฟันเหลือในปากเลย

แต่ไม่ว่าจะทำฟันปลอมแบบไหน จะต้องทำขั้นตอนหนึ่งที่สำคัญสุดๆ คือการ
พิมม์ปาก เอาให้ง่ายๆคือเราไม่สามารถรักษาคนไข้อย่างสมบูรณ์แบบโดยการมองจากปากที่ทั้งมืดและแคบได้
เราต้องจำลองปากนั้นออกมา แล้วสร้างเป็นโมเดลที่ทำจากวัสดุจำพวกปูนปลาสเตอร์
เพื่อที่มองเห็นข้างในปากนั้นได้ในทุกมิติและชัดเจน เพื่อจะได้วิเคราะห์และว่างแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง
เราจะมีถาดพิเศษที่ลักษณะโค้งไปตามสันเหงือกแล้วใส่วัสดุพิมพ์ปากเข้าไป จากนั้นก็กดลงสันเหงือก
รอให้มันเซ็ตตัว ดึงออก แล้วก็เอาไปเทปูน ก็จะได้โมเดลที่หน้าตาเหมือนในช่องปากของผู้ป่วย
แต่สำหรับฟันปลอมชนิดนี้ จะต้องมีการพิมพ์ปากกันสองรอบ
รอบแรกก็พิมพ์ด้วยถาดพิมพ์ปากทั่วไป (stock tray) ในรอบที่สอง
เราจะสร้างถาดพิมพ์ปากขึ้นมาให้เหมาะกับช่องปากแต่ละบุคคล โดยทำจากacrylicให้มีรูปร่างคล้อยไปกับโมเดลที่ได้จากการพิมพ์ปากในครั้งแรก เพื่อที่จะลอกเลียนลายละเอียดได้ครบถ้วนตามสภาพที่เป็นอยู่

รูปพวกนี้เป็นของวิชาlabนะครับ ผมยังไม่ได้ทำในคนไข้จริง

ขากรรไกรบน
ที่ด่านท้ายของขากรรไกรบน เราจะเห็นว่ามันมีรอยแปลกๆเป็นรูปคลื่นใช่ไหมครับ
ส่วนเว้าเหล่านี้เราจะหาจากการพิมพ์ปากครั้งสุดท้าย เป็นจุดที่อยู่บนเพดานอ่อนหลังต่อเพดานแข็ง
จุดนี้มันจะกดแล้วยุบตัว เราต้องหามันไว้เพื่อให้เกิดการยึดเกาะของตัวฟันปลอมกับปากคนไข้แบบสุญญากาศ

ขากกรไกรล่าง

การจะทำอะไรมันต้องมีฐาน เราจึงต้องทำแผ่นฐานชั่วคราว (baseplate)
ก็เพื่อเป็นฐานของฟันปลอมนั่นแหละครับ ทำจากacrylicชนิดบ่มเอง (self cured)
วิธีการคือเอาผงอะคริลิกผสมกับโมโนเมอร์อัตราส่วน 3 : 1
มันก็จะค่อยๆแข็งตัวขึ้น ให้เราจนจังหวะที่มันปั้นได้ ให้เอาออกจากถ้วยผสมมาบีบๆเพื่อไล่ฟองอากาศ
จากนั้นปั้นเป็นแผ่นแล้วกดลงบนตัวโมเดลที่ได้จากการพิมพ์ปาก
หลักการมีว่าขอบเขตต้องเหมือนกับฟันปลอมขอบจริง ความหนาโดยทั่วประมาณ 2 – 2.5 มม.
ต้องแนบสนิทกับเนื้อเยื่อและไม่มีรูพรุน
ผมบอกว่ามันจะค่อยๆแข็งใช่ไหมครับ หลังผสมเสร็จไม่กี่นาทีมันก็จะแข็งตัวจนปั้นต่อไม่ได้
ซึ่งถ้าหากเราทำได้ตามเกณท์ ก็ต้อง....ทำใหม่ครับ (ยกเว้นถ้ามันหนาไปก็กรอออกให้บางลงได้)
แน่นอนว่าผมทำไปเป็น20รอบ หมดเงินกับอะคริลิกพันกว่าบาท
พอมันเซ็ตตัวแล้วก็เอากระดาษทรายมาขัดให้เรียบ

พอได้ฐาน..ต่อไปต้องเป็นฟัน
แต่...เนื่องจากคนไข้ไม่มีฟันซักซี่ เราเลยต้องสร้างอะไรซักอย่างมาเป็นแลนด์มาร์กที่คอยกำหนดว่าเวลาเอาฟันใส่
มันต้องอยู่ประมาณนี้นะ เดี๋ยวจะสูงไป หรือเบี้ยวไป
เราเลยต้องทำ...แท่นกัด (occlusal rim)
วิธีทำคือ เอาขี้แผ่น...ไม่ได้ใช้ขี้ผึ้งที่หล่อเทียนพรรษานะครับ เอามาลนไฟแล้วพับทบให้มันได้เป็นแท่งสี่เหลี่ยมแล้วงอให้โค้งไปตามสันเหงือก
ขนาดนี่ไม่ได้ทำกันตามใจนะครับ มันจะมีหลักอยู่แล้วต้องมีการปรับแต่งตอนให้คนไข้ลองใส่ด้วย
แต่นี่เป็นงานวิชาแลปเค้าเลยกำหนดขนาดมาให้แล้ว

ปกติแล้วฟันบนมันจะยื่นคร่อมฟันหน้าใช่ไหมครับ
ตัวขี้ผึ้งของฟันบนก็เลยต้องมีส่วนที่มันยื่นให้เหมือนกับตอนมีฟันด้วย

พอได้แท่นกัดที่มีขนาดเหมาะสมกับปากคนไข้แล้วก็ถึงช่วง climax
นั่นคือการเรียงฟันนั่นเองครับ
การเรียงฟันนี่สำหรับผมบอกได้เลยว่าเป็นอะไรเลวร้ายสุดในบรรดาแลปทั้งปวงแล้ว
เรามีแท่นกัดที่มันจำลองเสมือนว่ามีฟันแล้วใช่ไหมครับ ต่อไปเราก็จะเอาอุปกรณ์พวกช้าตักขี้ผึ้ง ไปลนไฟให้ร้อนแล้วเอาไปจี้จุดที่จะเรียงฟันให้ขี้ผึ้งมันหลอมเพื่อจะได้เอาฟันไปใส่แทนทีละซี่ๆ
ที่มันยากเพราะ ฟันมันไม่ได้แค่เรียงชิดๆกันให้ขอบมันตรงกันอย่างเวลาเราวาดการ์ตูน
ในแต่ละมิติ ไม่ว่าจะซ้ายขวาหน้าหลังบนล่างมันมีหลักกการของมันอยู่ ซึ่งถ้าเราทำผิดตัวนึงเนี่ย ซี่ตัวข้างเคียงมันก็จะผิด...
แล้วเราก็ต้องแก้มันไปเรื่อยๆ วนไปวนมา

ผมลืมบอกขั้นตอนนึง

คือการ mouting หรือนำโมเดลที่ได้จากการพิมพ์ปากไปติดกับเครื่องจำลองขากรรไกร
เจ้าเครื่องนี้มันทำหน้าที่เหมือนขากรรไกรคนไข้ที่สามารถอ้าหุบ  เยื้องซ้ายขวาหน้าหลังได้
เวลาเราทำงานพวกนี้เนี่ยเราต้องไม่ไปทำให้การกัดฟันของคนไข้มีการเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่แค่คนไข้จะรู้สึกแปลกๆ แต่ผลเสียมันตามมาแน่ๆ ขอไม่พูดถึงละกัน
ไอเครื่องนี้ ราคา 45000 บาทนะครับ (ราคาตามที่แลปบอกจะปรับผมถ้าผมทำหาย) ฟีโน่คันนึงเลยทีเดียว...
เจ้า articulatorนี่มีอยู่4ระดับตามความสามารถในการเลียนแบบขากรรไกร
รุ่นในรูปนี่อยู่ที่ ระดับ 3 ถ้าระดับสี่คือปรับได้ทุกอย่างเหมือนขากกรไกรคนเป๊ะ ตัวนึงนี่ราคาเป็นล้านเลยครับ


ฟันที่ใช้ทำเรียงจะทำจากอคริลิก เพราะมันสามารถเกิดพันธะเคมีกับส่วนของเหงือกปลอมที่เราจะทำทีหลังได้เพราะเป็นวัสดุชนิดเดียวกัน
นอกจากนั้นก็คือ มันมีหลายสี เบา ถูก แต่มันก็ไม่ได้แข็งอะไรมากนะครับ ถ้าเราเอาไปกัดเคี้ยวอะไรที่แข็งๆมันก็จะสึกได้

ผมจะยกตัวอย่างของหลักการเวลาเรียงฟันที่ว่ามาพอหอมปากหอมคอนะครับ
อย่างฟันตัดซี่กลางบนเนี่ย ด้านสันตัดจะอยู่พอดีกับขอบของแท่นกัดบน ตรงคอฟันจะเอียงออกไปทางด้านไกลกลางเล็กน้อย คอฟันจะต้องกดเข้าไปหน่อยนึงให้ผิวฟันขด้านริมฝีปากขนาดกับขอบแท่นกัด
ส่วนซี่ถัดมา ฟันตัดซี่ข้าง คอฟันมันจะเอียงไปทางด้านไกลกลางมากกว่าซี่กลางแล้วก็ยุบเค้าไปด้านในมากกว่า ด้านสันตัดจะอยู่สูงกว่าซี่กลางประมาณ 0.5 มม.
ขอยกตัวอย่างประมาณนี้พอนะครับ ไม่งั้นอ่านกันจนมึนแน่

ไม่ใช่แค่เรียงให้ถูกตามหลักเท่านั้น แต่มันต้องเรียงให้ใช้งานได้จริง
เวลาที่เราเยื้อตัวarticulator ไปซ้ายขวาหน้าหลังเนี่ย มันจะต้องไม่สะดุด แล้วมีฟันบางซี่ที่แตะกันตามหลักของมัน
แน่นอนว่า..ผมนี่แทบไม่แตะกันเลยตอนเยื้อง...T^T
 

พอฟันเรียงฟันเสร็จเรียบร้อยขั้นต่อไปคือแต่งเหงือก
ก็ใช้ขี้ผึ้งตัวเดียวกันกับที่ทำแท่นกัดนี่แหละครับ แต่งให้ได้รูปร่างของสันเหงือกที่ถูกต้อง
กว่าจะเสร็จขั้นตอนนี้นะครับ..ผมลองคำนวณเวลาดูแล้ว...คิดว่าใช้ไปซัก 40 ชม.ได้ (ฝีมือแลปผมไม่ค่อยดีเท่ไหร่เลยทำนานหน่อย)
บ่องตงว่าเป็นอะไรที่เหนื่อยสุดๆ

จากรูปก็เป็นตัวอย่างที่ไม่ดีเท่าไหร่นะครับ

 

ขั้นต่อไปก็สำคัญอีกเช่นกัน
คือการแกะโมเดลออกจากarticulatorไปใส่ในเบ้าหล่อ เพื่อที่จะอัดอะคริลิก
โดยอะคริลิกเหล่านี้จะมาแทนที่ขี้ผึ้งและแผ่นฐานชั่วคราว
ใช้อะคริลิกคนละตัวกับที่ใช้มาก่อนหน้านี้นะครับ ขั้นตอนนี้จะใช้แบบ บ่มตัวด้วยความร้อน (heat cure)
วิธีทำผมขอไม่เน้นนะครับ มันอธิบายยากหน่อย (ขี้เกียจก็บอกมาเถอะ...)
แบบว่าให้ปลาสเตอร์มันมาคลุมเจ้าฟันปลอมที่เราทำโดยแล้วต้มไล่ขี้ผึ้งออก กูจะได้เบ้ากลวงๆที่มีโค้งเว้าตามฟันปลอมของเรา
จากนั้นให้เราเอาอะคลีริกใส่เข้าไปแล้วก็อัดให้แน่น
สุดท้ายก็ส่งให้เจ้าหน้าที่แลปเค้าให้ไปบ่มในน้ำร้อนประมาณคืนนึง
แฮ่

หน้าตาของภาชนะที่ใช้หล่อ

และเครื่องอัดไฮดรอริกที่ใช้กดฝาภาชนะหล่อให้แน่นตอนมีอะคริลิกอยู่ด้านในให้มันแน่นฟิตเต็มที่

ผ่านไปคืนนึง
เราก็จะมาดูเจ้าหม้อทองเหลืองที่มีฟันปลอมของเรากัน จัดการแงะเอาฟันปลอมออกมา ตัดแต่งขอบอะคริลิกส่วนเกินซักหน่อย
วัสดุพวกอะคริลิกมันตะมีการขยายตัวเวลาที่มันทำปฏิกิริยา เพราะฉะนั้นมันก็จะทำให้มิติของฟันที่เราเรียงแปลี่ยนไปด้วยตอนใส่กลับarticulator (อ่าวเวร...ตรูเรียงมาตั้งนาน)
มันเลยมีขั้นตอนที่เรียกว่า selective grinding คือการกรอแต่งฟันในบางจุดให้ฟันปลอมของเราสบกันได้สนิทแล้วใช้งานได้
การกรอก็ไม่ใช่กรอกันมั่วๆ มีหลังการที่ชวนงงโผล่มาให้เราทำตามเสมอแหละ
เมื่อกรอจนฟันมันสบสนิทแล้ว ขั้นสุดท้ายก็คือขัดแต่งให้เรียบและมันวาว
การขัดก็จะมีหัวกรอที่ใช้สำหรับขัดอะครีริกนี่แหละครับ แล้วใช้กระดาษทราย ผงpumice(หินภูเขาไฟ) แล้วก็ไขวัวในการช่วยขัด

ขั้นตอนของงานแลปคร่าวๆก็ประมานนี้แหละครับ
แต่กับคนไข้จริงเราต้องลองไปใส่ดูแล้วก็คอยแก้ปัญหาที่เกิดขึ้นตามมาอีก

สุดท้ายผมก็ขอจบกระทู้เพียงเท่านี้นะครับ (ไปทำแลปอื่นต่อละ)
ข้อมูลอาจไม่ละเอียดเท่าไหร่
หวังว่าจะพอมีเป็นประโยชน์แก่คนที่สนใจมาเรียนคณะนี้และผู้สนใจบ้างนะครับ
สวัสดีครับ

 

เครดิตจากสมาชิกพันทิพ 

Kor Korkusung

⚠ แจ้งเนื้อหาไม่เหมาะสม 
ทิมมี่ ทิมมี่'s profile


โพสท์โดย: ทิมมี่ ทิมมี่
เป็นกำลังใจให้เจ้าของกระทู้โดยการ VOTE และ SHARE
52 VOTES (4/5 จาก 13 คน)
VOTED: SiamSith, ชาวเนตตัวจริงครับผม, ginger bread, ซาอิ, MuayMuaythai, makhamdong, กอกระดุม, มานี่เดี๋ยวพี่ทำให้, ยิ้มทุกวัน, ไข่เจียวหมูสับ, nunid, kleoland
Hot Topic ที่น่าสนใจอื่นๆ
อีกหนึ่งวิธีการนำ ปลาหมอคางดำ มาใช้ประโยชน์ ก็คือการนำมาทำเป็น น้ำหมักชีวภาพ นั่นเอง
Hot Topic ที่มีผู้ตอบล่าสุด
อุทยานพระพิฆเนศร้าง จ.ชลบุรี : ความศรัทธาท่ามกลางซากปรักหักพัง
กระทู้อื่นๆในบอร์ด เกย์
Maybe หนุ่มหล่อ งานดี หุ่นแซ่บ กล้ามแน่น ขวัญใจสาวๆ บนโลกออนไลน์เอริค Werewolf หนุ่มกล้ามโต ลีลาเด็ด เป้าตุง เซ็กซี่ ยั่วยวน ไม่ธรรมดาออสก้า ธนัช Oscarland นายแบบ เน็ตไอดอล หนุ่มหล่อ หุ่นแน่น ผิวเนียนลูกบาส bas nattpol หนุ่มหล่อ หน้าใส ดาวทวิต เป้าตุง ลีลาเด็ด สุดแซ่บ
ตั้งกระทู้ใหม่