รู้ยังว่าทำไม Leonardo DiCaprio ถึงไม่ได้ออสการ์สักที
สำหรับงานประกาศรางวัลออสการ์ที่กำลังจะจัดขึ้นในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ คงมีหลายคนที่ยังเอาใจช่วยและลุ้นให้ ลีโอนาโด ดิคาปริโอ สามารถคว้ารางวัลออสการ์ได้กับเขาเสียที หลังจากที่ชวดมาโดยตลอด จากรายชื่อผู้เข้าชิงรางวัลออสการ์ 2016 จะเห็นได้ว่า ในปีนี้ เขาก็ยังคงถูกเสนอชื่อให้เข้าชิงรางวัลนักแสดงนำชายยอดเยี่ยมอีกครั้ง จากบทบาทในภาพยนตร์เรื่อง “The Revenant” แต่ผลจะออกมาเป็นอย่างไรนั้น คงต้องมารอลุ้นกัน เอาล่ะ เราลองมาดูสาเหตุว่าทำไมเขาถึงไม่เคยได้รางวัลออสการ์กันดีกว่า
1. โชคไม่เข้าข้าง
ก็คนมันไม่มีดวง ก่อนหน้านี้ ลีโอนาโดเคยถูกเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลนักแสดงชายยอดเยี่ยมบนเวทีออสการ์มาแล้ว 3 ครั้ง ครั้งแรกในปี 2004 จากภาพยนตร์เรื่อง “The Aviator” ครั้งต่อมาในปี 2006 จากภาพยนตร์เรื่อง “Blood Diamond” และอีกครั้งในปี 2013 จากภาพยนตร์เรื่อง “The Wolf of Wall Street” ซึ่งเขาก็ได้พยายามและรักษามาตรฐานไว้เป็นอย่างดีมาโดยตลอด แต่สุดท้ายก็ดันมีคนที่ดีกว่าคว้ารางวัลตัดหน้าไปได้ทุกครั้ง จะไม่เรียกว่าโชคไม่เข้าข้างได้อย่างไรล่ะ ก็คงต้องมาลุ้นกันอีกทีว่า ปีนี้เขาจะคว้ารางวัลมาได้สมใจอยากดังที่รอคอยมาหลายปีหรือเปล่า
2. ชีวิตในวงการราบเรียบเกินไป
ลีโอนาโด ที่แจ้งเกิดในบท แจ๊ก ดอว์สันเขากลายเป็นที่รู้จักไปทั่วโลกจากภาพยนตร์เรื่อง “Titanic” ผลงานของผู้กำกับชื่อดังอย่าง เจมส์ คาเมรอน และเขาก็เลือกเล่นภาพยนตร์กับผู้กำกับระดับ A-list ซึ่งการันตีความยอดเยี่ยมของผลงานมาโดยตลอด จึงเรียกได้ว่าไม่มีจุดด่างพร้อยเลยในเส้นทางอาชีพของเขา ซึ่งนั่นแหละที่เป็นปัญหา เพราะเส้นทางของเขาเพอร์เฟกต์เกินไปจนขาดความดราม่าแบบที่ออสการ์ชื่นชอบ นี่จึงเป็นสาเหตุให้ออสการ์ไม่ตัดสินให้เขาได้รางวัลเสียที เพราะผู้เข้าชิงคนอื่นๆ ต่างก็มีเรื่องราวและความดราม่ามากกว่าลีโอนาโดนั่นเอง
3. ไร้ “กิมมิค” ที่น่าจดจำ
หล่อขนาดนี้ยังไม่น่าจดจำอีกเหรอ นักแสดงแต่ละคนต่างก็มีความทุ่มเทให้กับงานแสดงด้วยกันทั้งนั้น แต่ของลีโอนาโดนั้นอาจยังไม่ถูกถ่ายทอดออกมาให้เห็นมากพอ ดูอย่างแมทธิว แม็คคอนาเฮย์ ที่คว้ารางวัลตัดหน้าเขาไปเมื่อปี 2013 หลังจากที่ยอมลดน้ำหนักลงอย่างมากเพื่อรับบทคนติดเอดส์ในภาพยนตร์เรื่อง “Dallas Buyers Club” หรือนักแสดงคนอื่นๆ ที่ต้องเพิ่ม-ลดน้ำหนัก ฝึกพูดติดอ่าง หรือแสดงเป็นคนตาบอด ซึ่งเหล่านี้เป็นบทบาทสุดท้าทายที่ลีโอนาโดยังไม่เคยลอง จึงทำให้ “กิมมิค” ของเขายังไม่ถูกจดจำมากเท่าที่ควร แต่ถึงอย่างไรก็ตาม ลีโอนาโดก็ถือเป็น นักแสดงที่ทำรายได้คุ้มค่าตัวทีเดียว เพราะภาพยนตร์แต่ละเรื่องที่เขารับเล่นก็ล้วนแต่กอบโกยรายได้มหาศาล
4. โดนแย่งซีน
บทภาพยนตร์ที่ซับซ้อนบดบังฝีมือการแสดงของลีโอนาโดอย่างที่บอกไปแล้วว่าลีโอนาโดมักจะเลือกเล่นภาพยนตร์กับผู้กำกับคุณภาพเท่านั้น จึงทำให้เขามีโอกาสร่วมแสดงกับนักแสดงที่มีชื่อเสียงหลายคน ซึ่งนั่นอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาไม่ได้รางวัลออสการ์สักที เพราะอย่างที่บอกไปว่า ถึงแม้เขาจะรักษามาตรฐานฝีมือการแสดงของตัวเองได้ดี แต่ก็ยังถูกแย่งซีนจากตัวละครอื่น ยกตัวอย่างเช่นในภาพยนตร์เรื่อง “Django Unchained” ซึ่งเขาก็แสดงในบทบาทของนายทาสจอมโหดได้อย่างดีเยี่ยม แต่ออสการ์กลับเลือก คริสตอฟ วอลซ์ ให้เข้าชิงแทน หรือแม้แต่ใน “Inception” ที่บทบาทของเขาถูกบดบังด้วยเนื้อเรื่องที่สลับซับซ้อนของหนัง ชนิดที่เรียกว่า หนังเกิด แต่คนไม่เกิด
5. ผลงานที่ดีที่สุดยังไม่ถูกมองเห็น
ไม่แน่ ปีนี้อาจมีลุ้นไม่ว่า “Gravity” จะได้รับรางวัลหลายสาขามากเพียงใดบนเวทีออสการ์ แต่รางวัลที่เป็นไฮไลท์ของงานอย่างรางวัลภาพยนตร์ยอดเยี่ยมก็ยังคงเป็นของ “12 Years A Slave” ซึ่งนี่แสดงให้เห็นว่าออสการ์ให้ความสำคัญกับบทภาพยนตร์เป็นอันดับต้นๆ แต่ปัญหาอยู่ตรงที่ว่า นี่ไม่ใช่ภาพยนตร์แนวที่ลีโอนาโดจะรับเล่นนี่สิ พอเป็นภาพยนตร์แนวที่ออสการ์ชอบอย่าง “Titanic” “Catch Me if You Can” หรือ “The Departed” ก็ดันเป็นภาพยนตร์ที่บทบาทของลีโอนาโดไม่โดดเด่นนัก ทำให้ลีโอนาโดยังคงต้องหาผลงานที่เหมาะสมและช่วยขับเน้นให้ออสการ์เห็นความเปล่งประกายในฐานะนักแสดงของเขาต่อไป
6. ภาพลักษณ์ที่สลัดไม่หลุด
ใบหน้าอันหล่อเหลาที่ทั่วโลกจดจำ ด้วยความที่ลีโอนาโดเข้าวงการมาตั้งแต่เยาว์วัย ใบหน้าที่หล่อเหลาสมวัยของเขาก็ทำให้เขาเป็นที่จดจำ แต่นั่นแหละที่เป็นปัญหา เพราะผู้คนจดจำภาพของเขาในฐานะหนุ่มน้อย ไม่ใช่ชายฉกรรจ์ ซึ่งเมื่อเขาโตขึ้นและต้องแสดงบทบาทที่เป็นผู้ใหญ่มากขึ้น ผู้คนก็ยังคงมองเห็นภาพของเขาในฐานะชายหนุ่มผู้หล่อเหลาอยู่ดี การสลัดภาพลักษณ์ของลีโอนาโดจึงไม่ใช่เรื่องง่ายและดูเหมือนจะยังเป็นปัญหาอยู่
Credit - Rabbit Daily