การมีเซ็กซ์ครั้งหนึ่งเราต้องเสียตังค์อย่างน้อย....บาท
ถ้าสมมติเราเห็นในกระเป๋าเพื่อนเรา เราก็ไม่ได้รู้สึกว่ามันแปลกแบบต้องวีดว้ายกระตู้วู้อะไรนะ
ถึงมันจะไม่ใช่ของทั่วไปแบบลิปมัน หวี กระจก ก็จริง แต่มันก็ไม่ใช่สิ่งแปลกประหลาดอะไรขนาดนั้นสำหรับเราอ่ะ
ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมคนบางส่วนถึงคิดว่าผู้หญิงที่พกถุงนั้นต้องมีแนวโน้มจะเป็นพวกใจง่ายหรือปล่อยเนื้อปล่อยตัว
เสียอย่างนั้น เหมือนถุงยางเป็นใบอนุญาตให้ผู้ชายมาพูดจาหรือทำกิริยาแทะโลมได้ แทนที่จะเป็นผลิตภัณฑ์ด้านอนามัย
อย่างหนึ่ง แบบนี้เราว่ามันเป็นการสร้างทัศนคติที่ผิดๆ ให้กับผลิตภัณฑ์ชิ้นนี้นะ คือแทนที่คนจะมองว่ามันเป็นของปกติ
ธรรมดาอย่างหนึ่ง มันเลยกลายเป็นว่าถ้าผู้หญิงมีของแบบนี้ไว้กับตัว แสดงว่าผู้หญิงคนนั้นถูกลดคุณค่าในสายตาคนบางส่วน
เสียอย่างนั้น แบบนี้ดูๆไปเราว่ามันเหมือนตัดสินคนอื่นแค่จากสิ่งของแทนที่จะเป็นตัวของเขาเองนะ
อันนี้นอกเรื่องแต่อยากเล่า
คือมีวันนึงเราเพิ่งสอบเสร็จแต่เช้าเลย แล้วเกิดนึกครึ้มอะไรขึ้นมาก็ไม่รู้ (สงสัยจะนอนไม่พอ) จู่ๆก็อยากรู้ว่าคนขายจะแสดง
ปฏิกิริยายังไงถ้าเราไปซื้อถุงยางในชุดนิสิต ดำริแล้วเราก็เดินไปร้านวัตสันทันทีเลย เราก็ไปเดินศึกษาดูนะว่ามันมีแบบไหน
ยังไงบ้าง สุดท้ายก็เลือกหยิบมากล่องนึงแล้วไปจ่ายเงิน ตอนที่อยู่ในร้านนี่เราใจเต้นตุ้มๆต่อมๆมาก (ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะตื่นเต้นทำไม)
พอวางกล่องถุงยางบนเคาน์เตอร์ปุ๊บ พี่พนักงานก็หยิบไปสแกนแบบปกติแล้วถามเราด้วยว่ามีบัตรสมาชิกของร้านมั้ย เราก็ว่า
ไม่มีค่ะ พี่แกเลยเชิญชวนให้สมัครสมาชิกเสียเลยเผื่อคราวหน้ามาซื้อของอีกจะได้แต้มสะสมหรือส่วนลดเนี่ยแหละ แต่เราก็ปฏิเสธไป
แล้วก็กลับบ้านมานอนเอาแรงไว้อ่านหนังสือวิชาถัดไป นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า
1. บางทีคนเราก็ตื่นเต้นไปเองกับเรื่องไม่เป็นเรื่องนะ บางทีคนอื่นเขาก็อาจจะไม่คิดอะไรก็ได้ ที่ระแวง ตื่นเต้น แล้วก็อายเนี่ย
บางทีอาจเป็นที่ตัวเราเอง ไม่ใช่คนอื่น
2. ถุงยางหนึ่งกล่องมี 3 ชิ้น ราคา 75 บาท ซึ่งนั้นแปลว่าการมีเซ็กซ์ครั้งหนึ่งเราต้องเสียตังค์อย่างน้อย 25 บาทเพื่อเป็นค่าป้องกัน
3. การตัดสินใจทำอะไรชั่ววูบแค่เพื่อสนองตอบความอยากรู้อยากเห็นจะทำให้เราเสียเงินไปอย่างไม่คุ้มค่าเท่าไหร่ เพราะปัจจุบัน
ถุงยางกล่องนั้นก็ยังไม่ได้เอาไปใช้ทำอะไร ทำให้เราแอบเสียดายตังค์เล็กน้อยว่าไม่น่าเอาไปใช้กับเรื่องไม่เป็นเรื่องเลย