ลดน้ำหนัก สร้างซิกซ์แพค กล้ามเนื้อ ของตำรวจบ้านป่าบ้านทุ่ง

สวัสดีครับ เพื่อนๆ  ผมรับราชการตำรวจครับ เป็นผู้หมวดมาลงโรงพักที่ลพบุรี เมื่อปี 2542  ตอนนั้น น้ำหนัก 62 รูปร่างก็พอดูได้แบบตำรวจหนุ่มๆ ทั่วไปครับ

จากการปล่อยเนื้อปล่อยตัว ดื่มกินสนุกสนาน ผ่านมา 10 กว่าปี  เมื่อปี 56 ผมมาประจำอยู่โรงพักท้องทุ่งแห่งหนึ่งในจังหวัดพิจิตร น้ำหนักตัวผมปาไป 73 กก.  เอวจาก 28 อัพมาที่ 33  ไม่เคยอ้วนเตี้ยอย่างนี้มาก่อน  เพราะตัวผมสูงแค่ 166 ซม.

  ใส่เครื่องแบบไปไหนพุงโดดเด่นเป็นสง่าน่าภูมิใจ  แต่ผลที่ตามมาคือ เหนื่อยง่ายมาก เล่นบอลราว 5 นาทีหอบแฮ่กๆ ยกมือขอเปลี่ยนตัว  หัวเข่านี่บางวันเจ็บหน้าตาเฉย  ไม่รวมถึงอาการเจ็บหลังร้าวมาทางสะโพกบ่อยๆ เพราะผมเคยตกจากกะบะรถ ตอนจับยาเสพติดที่ลพบุรี    พอดีเพื่อน ตชด.มาเที่ยวหา เอากระสอบทรายซ้อมมวยมาฝาก 

 ผมเลยเริ่มคิด ลดน้ำหนัก ปฏิวัติตัวเอง พอดีที่โรงพักมีที่ซิทอัพเก่าๆ ของตำรวจอยู่แล้ว  ผมไปซื้อเครื่องชั่งน้ำหนักมาไว้หน้าห้องน้ำเลยครับ  เจ้านี่สำคัญมาก  จะช่วยสร้างกำลังใจให้เวลาดูเข็มน้ำหนักที่ลดลงๆๆๆๆๆ..ทีละขีดสองขีด  คนลดน้ำหนักทุกคนคงรู้ดีว่า ฟินนนน สุดๆ  นี่เป็นรูปของผมตอนแต่งเครื่องแบบ อ้วนพีดีงาม น่าขุนเป็นที่สุด

ครับ  ส่วนภาพนี้ เต๊ะท่าถ่ายกับกระสอบทรายลูกเบ้อเริ่ม

พุงเลยอก จะสังเกตุเห็นว่ากระสอบยังใหม่ๆ อยู่เลยครับ  ใหม่ๆ วิ่ง 1.5 กม. ที่เวลา 10 นาที  ซิทอัพ 30  เตะต่อยกระสอบทราย 10 นาที  ..เฮ่อออ ลมแทบจับ  นึกภาพคนอ้วนๆ แก่ๆ บรรจงยกท่อนขาอวบอิ่มฟาดกระสอบ  ..เอ้ส..เอ้ส..ๆๆๆ  ออกอย่างนี้ส่วนใหญ่วันเว้นวัน  
ส่วนอาหาร แม้ชนบท หาของกินยาก ผมไม่รู้จักอาหารคลีน หรืออาหารสุขภาพใดๆ เลย

  แต่ถือว่าเรื่องนี้สำคัญกว่าการออกกำลังกายซะอีกครับ  ก็ทำตามเพื่อนๆ บอกในพันทิปนี่แหละครับ  กาแฟดำเปล่าๆ  งดน้ำตาลและครีมเทียมเด็ดขาด  พยายามหลีกเลี่ยงน้ำอัดลมน้ำหวาน ของหวาน  นานๆ ที  อาหารก็กินทั่วๆ ไป พวกก๋วยเตี๋ยวเน้นเส้นน้อยผักเยอะ  มาม่า ไม่ใส่น้ำมันหอมเจียว  เนื้อสัตว์เน้นปลา เนื้อไม่ติดมัน  ผลไม้หลักก็ตามสวนแถวนี้แหละครับ ชมพู่ ฝรั่ง บางทีก็ซื้อแอปเปิลมาตุนไว้  ...

ทำอย่างนี้น้ำหนักลดลงเรื่อยๆ สัปดาห์ละ 2-3 ขีด แม้ไม่ฮวบฮาบ แต่ก็น่าพอใจครับ   แต่ผมยังดื่มเหล้านะครับ แต่ไม่บ่อยเหมือนก่อน ประมาณอาทิตย์ละครั้งครับ   นี่เป็นรูปหลังจากปฏิวัติร่างกายได้ราว 3-4 เดือน ประมาณนั้น   ตอนนี้สภาพร่างกายเริ่มชิน กล้ามท้องมาลางๆ แล้ว....เจ้า 2 แม่ลูก ที่มาเป็นกำลังใจ เป็นหมายามประจำโรงพักครับ

  ตัวแม่พันธุ์พิตบูลชื่อเจ้าคิตตี้..  เคยสร้างวีรกรรม กัดสู้กับ ตัวเงินตัวทอง มาแล้ว ชนะด้วยครับ กัดซะตายเลย  คือด้านหน้าโรงพักที่เห็นในภาพ เขาเรียกแม่น้ำพิจิตรสายเก่า เย็นมาลมพัดโชยเย็นสบาย มีตัวเงินตัวทองเยอะมาก  เขามาหากินปลากัน  บางทีก็เหิมเกริมขึ้นมาลักกินไก่ชาวบ้านชาวช่อง

...ขออนุญาตเพื่อนๆ ต่อเลยนะครับ  พอเตะกระสอบจนชินผมก็เลิกวิ่งครับ  เตะกระสอบเหนื่อยกว่าวิ่งอีก  ช่วงนั้นผมเตะต่อยกระสอบรวดเดียว ประมาณ 25 นาที ซิตอัพ 200-300 จากอุปกรณ์เก่าๆ ที่เห็นด้านบนนั่นแหละครับ  พอน้ำหนักลงมาอยู่ที่ราว 68 กก. เมื่อปี 57 ผมก็ย้ายไปอยู่โรงพักบ้านป่า บนเทือกเขาเพชรบูรณ์ อย่างโรงพักน้ำหนาว 

 เพื่อนๆ หลายท่านคงเคยท่องเที่ยวอุทยานแห่งชาติน้ำหนาวกันมาบ้างแล้ว  แต่ตัวอำเภอและโรงพักต้องขึ้นเขาจากตัวอุทยานไปอีก 40 กว่ากิโล โน่นแน่ะครับ  ที่นี่อาชีพช่างแอร์หากินไม่ได้ เพราะอากาศเย็นสบายๆ ทั้งปีครับ ...

จากบ้านทุ่ง มุ่งสู่ป่าเขา ที่ประมาณ 3 ทุ่ม ก็เงียบสงัด  ผมมีบ้านพักอยู่หลังโรงพัก อยู่กับตุ๊กแกอีก 5-6 ตัว  สบายๆ ครับ ผมไม่เคยกลัวเขาเลย เพราะตอนอยู่พิจิตร บ้านพักผมก็มีตุ๊กแกโทนตัวบักเอ้บ เป็นขาใหญ่อยู่แล้ว  เพื่อนๆ อยากเห็นป่ะ  จัดไป..

...เจ้าตัวนี้ไง  

มันอยู่หัวเดียวกระเทียมลีบตามลำพัง ยามค่ำคืนมันก็ออกท่องเที่ยวไปของกินหรือหาคู่ก็ไม่รู้ ตามสวนหลังโรงพัก  ที่สำคัญเจ้านี่จะถ่ายไปที่เป็นทางคือ หน้าห้องน้ำผมตลอด อึก้อนมหึมาทีเดียวเชียว

ทีนี้เรามาเข้าเรื่องดีกว่า  การไปอยู่น้ำหนาวนี่ เป็นโอกาสทองในปฏิบัติการของผมเลย  อากาศบริสุทธิ์ มีเวลามากกกก เพราะโรงพักบ้านป่า งานก็น้อย ผู้บังคับบัญชาก็ขี้เกียจไปเยี่ยมเยียน เพราะมันต้องขึ้นเขาไปไกลไง

จากหล่มสักไปอีกเป็นร้อยกิโล  นอกจากเตะกระสอบทรายได้นานมากขึ้น ผมยังเพิ่มการดึงข้อ โดยดึงกับคานโกล์ฟุตบอล แรกๆ ก็ได้ 3-4 ครั้ง ต่อมาก็พัฒนาขึ้นเรื่อยๆ จนมาได้ 15 ครั้ง การดึงก็ง่ายๆ ดูจากเพื่อนที่แนะนำในพันทิปอีกเช่นกัน จับแคบได้กล้ามแขน จับกว้างได้ปีก ละก็เพิ่มดันพื้น ก็เช่นกันครับ มือแคบได้แขน กว้างได้อก  ก็ทำมาเรื่อยครับ อาหารการกินก็เริ่มกินนมจืดไทยเดนมาร์ก ไข่ ทูน่ากระป๋อง ส่วนเหล้ายังดื่มเช่นเดิม

เมามายอาทิตย์ละครั้งครับ นี่ก็อาหารหลักครับ  ส่วนรูปร่างและน้ำหนัก ตอนอยู่น้ำหนาวนี่ พอใจมากครับ ลงมาอยู่ประมาณ 63 กก. ครับ ภาพนี้ถ่ายกับทหารตอนปฏิวัติใหม่ๆ ไปค้นพวกสถานีวิทยุชุมชน (ทำไมไม่รู้เหมือนกัน)

ตอนนี้ผมย้ายจากน้ำหนาวมาอยู่พิจิตรอีกครั้งหนึ่ง แต่เป็นโรงพักติดถนนใหญ่  น้ำหนักผมคงที่แล้วอยู่ที่ 62-64 แล้วแต่บางวัน  แต่ที่แน่นอน ผมยังออกกำลังด้วยการเตะต่อยกระสอบทรายใบเก่า แต่ทำเวลาได้นานขึ้น บางครั้งเป็นชั่วโมงก็มีครับ แต่ทั่วไปก็ประมาณ 40 นาที  ความเห็นส่วนตัวผมว่าการเตะต่อยกระสอบทรายนี่เป็นคาร์ดิโอ ที่ได้ผลมากกว่าวิ่งครับ และยังได้แขนจากการชก ได้ขา ได้ช่วงท้องและลำตัว

จากการเกร็งตัวและเอี้ยวเตะหรือกระชากตีเข่า  ส่วนการดึงข้อ ผมไปดึงข้อที่คานเหล็กโรงรถหลังโรงพักครับ  อาหารการกินก็ควบคุมจนเหมือนมันชินไปแล้ว เน้นนมไข่ ไข่กินทุกวันๆ ละ 3 ฟอง นม 1-2 กล่อง ไก่ย่างวิเชียรบุรี แต่ไม่ได้เน้นอกนะครับ กินหมด  งดน้ำตาลครีมในกาแฟ  บางเย็นเบื่อๆ ผมก็ไปวิ่งที่อุทยานสวรรค์ที่อยู่ห่างโรงพักไป 50 กม. ไปโหนบาร์  ดันพื้น มีเด็กๆ โหนบาร์ดึงข้อหลายคน

  แต่ผมเลิกซิทอัพแล้วครับ ก้นถลอกครับอาบน้ำแสบ หันมาแพลงกิ้งตอนเช้าๆ แทน หรือไม่ก็เกร็งเอนตัวที่อุปกรณ์ซิทอัพแต่ไม่ยกตัวขึ้นลง ตอนนี้ก็พอใจกับสุขภาพที่ดีขึ้น  ผมไม่เคยเข้าฟิตเนส หรือยกอุปกรณ์ดรัมเบล บาร์เบล เลยครับ  ได้แต่พอดี้เวท และคาร์ดิโอโดยการวิ่ง ซ้อมกระสอบ  รูปร่างเลยอาจไม่สมบูรณ์หรือผิดสัดส่วนไปบ้างต้องขออภัยครับ  ความเห็นส่วนตัว บอดี้เวท

ถ้าเราตั้งใจและมุ่งมั่น ก็จะช่วยให้รูปร่างดีขึ้นระดับหนึ่ง แต่คงไม่ถึงเพื่อนๆ ที่เขาเข้าฟิตเนส มีเทรนเนอร์ อย่างนั้นจะมีรูปร่างที่สวยงามสมบูรณ์ดีกว่าแน่ครับ  ลืมบอกไป ส่วนตัวผมไม่เคยกินเวย์เลยไม่รู้จักด้วยซ้ำครับ อาหารไม่อดแต่เลือกทานตามที่เพื่อนๆ ในพันทิป แนะนำเอาครับ  นอกจากนี้ผมยังนอนดึก ออกตรวจบ้าง คุยเล่นกับเพื่อนตำรวจบ้าง นอนหลังเที่ยงคืนเกือบทุกคืนครับ และแน่นอน ยังคงดื่มสม่ำเสมอ อาทิตย์ละประมาณ 1 ครั้งแต่บุหรี่ไม่เคยสูบเลย

ครับ  กำลังใจจงเป็นของเพื่อนๆ ที่ปรารถนาจะปฏิวัติร่างกายและจิตใจ เพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นนะครับ