อยากใช้ชีวิตแบบ…”SLOW LIFE” ควรเริ่มต้นจากอะไร?
กระแสการใช้ชีวิตในรูปแบบ “Slow life” เป็นที่นิยมสำหรับคนรุ่นใหม่มากขึ้นทุกขณะ ด้วยความเข้าใจว่า เป็นการใช้ชีวิตแบบช้าๆ จึงมักนึกถึงการใช้ชีวิตในต่างจังหวัด ท่ามกลางบรรยากาศดีๆ ที่ไม่ต้องรีบเร่งอะไรมาก ไม่ต้องไขว่คว้าหาวัตถุนิยมที่มากเกินความจำเป็น ก็มีความสุขในชีวิตได้
การใช้ชีวิต Slow life จึงเป็นการใช้ชีวิตที่เคลื่อนที่ไปแบบช้าๆ ไม่เร่งรีบ และค่อยเป็นค่อยไป แต่มีจุดหมายที่ชัดเจน ไม่ตามกระแสของวัตถุนิยมมากเกินความจำเป็น จนทำให้ตนเองต้องเดือดเนื้อร้อนใจ
หลายคนคิดว่า…. ชีวิต Slow life มีนัยยะอยู่ที่ “เวลา” โดยมีสิ่งแวดล้อมรอบๆตัวเป็นตัวกำหนด เช่น ต้องตื่นแต่เช้า เพื่อให้ทันไปทำงานในชั่วโมงเร่งด่วนที่รถติดมาก บางคนต้องกินข้าวในรถ หลับในรถ ต้องทำทุกๆอย่างไปพร้อมๆกัน เพราะมีเวลาจำกัด ในขณะที่ต่างจังหวัด อาจใช้ชีวิตที่ช้ากว่า เช่น ตื่นเช้ามีเวลาทำอาหารรับประทาน ขับรถไปทำงานอย่างสบายใจโดยไม่ต้องกลัวว่าจะเข้างานสาย เพราะถนนโล่ง รถน้อย จึงมีเวลาทำกิจกรรมอย่างอื่นมากขึ้น
รูปแบบของ “เวลา” และ “สภาพแวดล้อม” จึงเป็นปัจจัยที่ทำให้หลายคนเชื่อว่า ชีวิตแบบ Slow life สามารถเกิดขึ้นได้เฉพาะต่างจังหวัดเท่านั้น เพราะไม่วุ่นวาย ไม่แออัด ไม่ต้องแก่งแย่ง… แต่ถ้ามองตามความเป็นจริงแล้ว ไม่ว่าจะอยู่ที่ไหน ก็สามารถใช้ชีวิตแบบ Slow life ได้
ความเป็นจริง คือ… บนโลกใบนี้… ใน 1 วัน มี 24 ชั่วโมงเท่ากัน แล้วทำไม? แต่ละคนจึงใช้เวลาให้คุ้มค่าได้ไม่เท่ากัน ทั้งๆที่อยู่สภาพแวดล้อมเดียวกัน ที่ทำงานเดียวกัน เพราะสาเหตุหลักๆ ไม่ใช่เฉพาะ “เวลา” เท่านั้น แต่สำคัญที่สุด คือ “ใจ” ถ้า “ใจร้อน” ชีวิตก็จะถูกดำเนินไปอย่างรีบร้อน
การใช้หลัก “ใจเป็นนาย กายเป็นบ่าว” โดยฝึกใจให้เย็นลง … การใช้ชีวิตก็จะเย็นตามไปด้วย … เริ่มต้นง่ายๆด้วยการ “หายใจช้าๆ” ถ้าหายใจช้าได้มากเท่าไหร่ ใจจะเย็นลงมากเท่านั้น… ชีวิตแบบ Slow life จึงเริ่มขึ้นที่ “ใจ” ของเราเอง
เมื่อใจเย็น… สติก็มา … ในทุกการกระทำจึงไม่รีบร้อนเพราะมีสติคอยกำกับ คิดพิจารณาในสิ่งที่กระทำอย่างรอบคอบ เพราะการกระทำในบางอย่างที่รวดเร็ว รีบร้อน มักจะเกิดจากความร้อนอกร้อนใจอยากให้เสร็จไวๆ จึงไม่รอบคอบในการกระทำ ทำให้เกิดความผิดพลาดได้ง่าย… เพียงแค่วูบเดียว
หากมีสติให้มากขึ้น… ใจเย็นลง… งานที่ทำมักจะมีความถูกต้องแม่นยำค่อนข้างมาก เพราะสติจดจ่ออยู่กับสิ่งนั้นและคอยทบทวนอย่างละเอียด… หรือแม้แต่ความคิดที่จะทำอะไรในทางที่ไม่ดีด้วยความใจร้อน ก็จะถูกยับยั้งด้วยสติ ทำให้ใจเย็นลง
“สติ” ยังนำมาใช้ในการบริหารเวลาที่ลงตัวและเหมาะสม รู้จักจัดสรรเวลาในการกิน การนอน ให้มีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เช่น นอนให้เร็วไม่เกิน 4 ทุ่ม แล้วตื่นให้เช้ากว่าเดิม มีเวลาทำอาหารทานในตอนเช้า นั่งรถไปทำงานโดยไม่ต้องเบียดเสียดกับใคร ที่สำคัญคือ เวลาทำงานจะต้องทำทีละอย่าง ไม่ควรทำไปเล่นโซเชียลไป เพราะจะทำให้งานเสร็จช้า เนื่องจากเวลาที่เสียไปส่วนหนึ่งอยู่กับการเล่นโซเชียล
แต่ทุกอย่างที่กล่าวมานี้ คือ การลงมือกระทำ ที่ต้องมี “สติ” คอยกำกับเสมอ… สติ คือ ปัจจุบัน หากเราอยู่กับปัจจุบัน รู้ว่าสิ่งใดควรทำก่อนหรือหลัง ลำดับความสำคัญให้เป็น บริหารเวลาให้เหมาะสม ชีวิตในเมือง ก็ Slow life ได้
ในทางตรงกันข้าม หากอยู่ต่างจังหวัด แต่ยังใจร้อน ไม่มีสติคอยกำกับ จะคิดจะทำอะไรก็เต็มไปด้วยความรีบเร่งเพราะใจเป็นเหตุ… สภาพแวดล้อมดีๆ ก็ไม่อาจช่วยได้ …. แล้วชีวิตจะ Slow life ได้อย่างไร?
ชีวิตจะ Slow life ได้…. ต้องเริ่มต้นที่การฝึก “ใจ” ให้ Slow ก่อน