ชีวิตเกย์ของผมที่บอกใครไม่ได้ ท่านที่เป็นชายจริงๆ พึงสังวรณ์ไว้ว่า ยิ่งพวกคุณตั้งข้อรังเกียจเกย์มากเท่าใด ก็จะมีคู่แข่ง (มาแย่งสาวๆ) มากเท่านั้น
หลายท่าน (ที่ไม่ได้เบี่ยงเบนทางเพศ) อาจกำลังจินตนาการอยู่ว่า ผมนั้นคงเป็น แบบที่คนมักเรียกว่า ตุ๊ด เป็น ผู้ชายที่กระตุ้งกระติ้ง, ชอบทำตัวเหมือนผู้หญิง, ชอบแต่งหน้าทาปาก, ชอบแต่งตัวเป็นผู้หญิง, ฯลฯ แต่ทั้งหมดที่กล่าวมามันไม่ใช่ผมเลย ผมไม่ได้อยากเป็นผู้หญิงเลยแม้แต่น้อย ผมพอใจที่ผมเกิดมาเป็นผู้ชาย ผมก็เป็นเหมือนผู้ชายธรรมดาโดยทั่วไป (บางทีผมเองก็ยังรู้สึกไม่ค่อยชอบ พวกตุ๊ด หรือพวกที่ทำตัวกระตุ้งกระติ้ง เลย) ความแตกต่างอย่างเดียวที่ผมแตกต่างจากผู้ชายที่ไม่เบี่ยงเบนทางเพศ คือ การที่ผมชอบคนเพศเดียวกัน ซึ่งตอนนี้ผมรู้ว่าผมไม่ได้เป็นอย่างนี้คนเดียวในสังคม แต่ยังมีคนอีกมากมาย ที่เป็นเหมือนๆกับผม
เมื่อก่อน ผมเคยคิดกับตัวเองว่า "ทำไมคนรูปหล่อ เรียนเก่ง หุ่นดี เล่นกีฬาก็เยี่ยม อย่างเราต้องเกิดเป็นเกย์ด้วยนะ" (ท่านอาจจะคิดว่าผมหลงตัวเอง แต่นั่นก็ถูก ผมยอมรับว่าผมหลงตัวเองจริงๆ) สมัยที่ผมอยู่ชั้นมัธยม ด้วยความที่หน้าตาดี เรียนค่อนข้างเก่ง และ เป็นนักกีฬา (หลงตัวเองอีกแล้ว) มีมีผู้หญิง และ ตุ๊ด หลายคนที่ชอบผม มีผู้หญิงบางคนถึงกับซื้อดอกไม้ให้ผมในวันวาเลนไทน์ แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรเป็นพิเศษกับเขาเหล่านั้นเลย
มีเพื่อนสนิทของผมคนหนึ่ง (ซึ่งผมค่อนข้างแน่ใจว่าไอันี่ไม่ใช่เกย์แน่ๆ) ถามผมว่า "...นี่หน้าตาก็หล่อนะเว้ย แต่ทำไมไม่มีแฟนซะทีวะ" (อาจจะหยาบไปสักหน่อย ถ้าคุณเป็นผู้ดีที่ถูกเสี้ยมสอนมาอย่างดี ตามระเบียบของสังคม แต่มันเป็นคำที่พูดที่สนิทสนม ในหมู่เพื่อนฝูงทั่วๆไป โดยเฉพาะผู้ชาย) ผมก็คิดอยู่ในใจแวบนึงว่า"ก็กูเป็นเกย์นี่หว่า" แต่ผมไม่กล้าตอบไปอย่างนั้น เพราะผมไม่กล้า ที่จะเปิดเผยกับคนอื่นว่าผมเป็นเกย์ เลยแกล้งตอบพร้อมท่าทางกวนๆเล็กน้อยว่า "กูไม่ได้หน้าหม้ออย่าง...นี่หว่า" (ตอบมันไปเล่นๆอย่างนั้น เลยโดนมันด่าเล่นๆกลับมาชุดนึง)
ที่จริงผมก็เคยจีบผู้หญิงตอนเรียนอยู่มัธยม ที่ผมจีบตอนนั้นไม่ใช่ว่าผมชอบอะไรมากมาย แต่ผมเป็นแฟนกับเธอแล้วรู้สึกว่าเท่ห์ดี เอาไว้คุยโวอวดเพื่อนๆได้ (เด็กสมัยนี้ที่มีแฟนกันตั้งแต่อนุบาลอาจเนื่องด้วยเหตุผลเดียวกันนี้) นอกจากนี้ มันยังเป็นการ ปิดบังปมด้อยในจิตใจ (ที่เป็นเกย์)ของตัวเอง อีกด้วย (ผมคิดว่าคนที่เป็นเกย์ แต่มีแฟน มีเมีย มีลูก ก็คงเพราะต้องการปิดบังความจริงของตัวเองจากสังคม หรือ ไม่ต้องการมีชีวิตบั้นปลายที่อ้างว้าง ต้องการมีทายาทสืบต่อ ฯลฯ) ผู้หญิงที่ผมจีบคนนั้นเป็นผู้หญิงที่หน้าตาน่ารักมาก (แบบว่าผู้ชายที่ไม่ใช่เกย์ ได้เห็นเธอแล้วอาจรู้สึกอิจฉาผมก็ได้) ดูท่าทางเธอก็ชอบผมมากด้วย แถมยังนิสัยดีอีกต่างหาก เธอดีไปเสียทุกอย่าง ดีมากๆ เธอดีจนผมไม่อยากหลอกลวงเธออีกต่อไป ยิ่งดูเธอจริงใจต่อผมมากเท่าไร ผมยิ่งรู้สึกผิดมากเท่านั้น แต่ผมก็ไม่กล้าบอกกับเธอ เหมือนกับที่ผมไม่กล้าบอกกับใครต่อใครว่า " ผมเป็นเกย์ " ผมก็เลยทำให้เธอโกรธ ด้วยการไปจีบผู้หญิงคนอื่น ก็เป็นไปตามที่ผมคาด เธอโกรธมาก และเป็นฝ่ายบอกเลิกกับผมเอง ส่วนผู้หญิงที่จีบใหม่อีกคนซึ่งพึ่งจีบได้ไม่นาน เธอก็คงยังไม่ได้ชอบผมอย่างจริงจัง (มันก็แค่ puppy love) ผมก็ทำตัวเหินห่างเรื่อยๆ จนเขาคงจะรู้ตัวว่า ผมพยายามทำตัวเหินห่าง ก็เลยเลิกลากันไป แต่ในสายตาเพื่อนๆ กลับมองว่า ผมเป็นผู้ชายที่เจ้าชู้ จีบคนโน้นทีคนนี้ที (มันเหมือนกับที่ ผมเคยอ่านเจอ ในหนังสือเล่มหนึ่ง ซึ่งได้พูดถึง Don Juan (ดอน ฮวน) ผู้ชายที่ถือได้ว่าเจ้าชู้ติดอันดับโลก มีผู้หญิงมากมายที่ยอมพลีกายให้เขา เขาเคยนอนกับผู้หญิงมานับร้อย แต่มีวิจารณ์ว่า การที่ Don Juan เป็นเช่นนั้น ก็เป็นเพราะเขาเป็นโฮโมเซ็กชวล (Homosexual) ดังนั้นจึงไม่รู้สึกจริงใจ ต่อผู้หญิงคนใดคนหนึ่ง) แต่หลังจากนั้นผมก็ไม่ได้จีบใครอีกเลย เพราะไม่อยากหรอกลวงใครอีก
ผมว่าถ้าคนที่เป็นเกย์จะจีบผู้หญิงสักคนนั้น ไม่ใช่เรื่องยาก เพราะ ด้วยความที่เป็นเกย์ มันทำให้เราเข้าถึงใจจิตใจผู้หญิง มากกว่าคนที่เป็นผู้ชายจริงๆเสียอีก นอกจากนี้ ผมก็คิดว่าคนที่เป็นเกย์มักจะเป็นคนที่รู้จักวางตัว มีอารมณ์อ่อนใหว มีบุคลิกที่ต้องตาต้องใจผู้หญิง มากว่า ผู้ชายจริงๆ (ทุกคนที่เป็นเกย์อาจจะไม่ได้เป็นอย่างนี้ แต่ เท่าที่ผมสังเกตตัวเอง และคนอื่นๆ ที่ผมพอจะดูออกว่าเป็นเกย์ มักจะเป็นเช่นนี้) ผู้หญิงคนหนึ่งถ้ามีผู้ชาย 2 คนมาจีบ โดยที่คนนึงเป็นเกย์ อีกคนเป็นผู้ชายแท้ๆ ผมว่าเธอน่าจะเลือกคนที่เป็นเกย์ เพราะผู้หญิงมักต้องการความอ่อนหวาน ความโรแมนติก ซึ่งคนที่เป็นเกย์มักจะให้เธอได้ มากกว่าชายจริงๆ
ดังนั้น ท่านที่เป็นชายจริงๆ พึงสังวรณ์ไว้ว่า ยิ่งพวกท่านตั้งข้อรังเกียจเกย์มากเท่าใด ท่านก็จะมีคู่แข่ง (มาแย่งสาวๆ) มากเท่านั้น เพราะการที่เกย์ถูกสังคมตั้งข้อรังเกียจ จึงปิดบังตนเอง ด้วยการมีแฟนเป็นผู้หญิงเหมือน คนทั่วๆไป
ส่วนท่านที่เป็นหญิงแท้ๆก็เช่นกัน ยิ่งพวกท่านตั้งข้อรังเกียจเกย์มากเท่าใด โอกาสที่ท่านจะได้สามีที่เป็นเกย์ ก็จะมากเท่านั้น แล้วก็บางที ตัวท่านอาจมีโครโมโซมX ตัวใดตัวหนึ่ง ที่ทำให้เกิดความเป็นเกย์ก็ได้
เนื่องจากความเป็นเกย์อยู่บน โครโมโซม X ลูกชายจะเป็นเกย์หรือไม่ ไม่ได้ขึ้นอยู่กับพ่อเลย
สำหรับผู้หญิง ( ซึ่งมีโครโมโซมเพศ เป็น XX )
ถ้าท่านมี โครโมโซม X เพียง1ตัว ที่เป็นพาหะความเป็นเกย์ ถ้าท่านมีลูกชาย โอกาสที่เขาจะเป็นเป็นเกย์ 50%
ถ้าท่านมี โครโมโซม X ทั้ง 2 ตัว ที่เป็นพาหะความเป็นเกย์ ถ้าท่านมีลูกชาย โอกาสที่เขาจะเป็นเป็นเกย์ 100%
ตอน ม.5 มีเพื่อนผู้ชายคนหนึ่งนั่งข้างๆผมเวลาเรียนตลอด เขาเป็นคนหน้าตาดีมาก ตอนนั้นผมไม่เคยคิดเลยแม้แต่น้อย ว่าเขาจะเป็นเกย์ เวลาที่เขานั่งคุยกับผมเวลาเรียน เขาชอบมาจับแขนจับขาผม เวลาไปไหนมาไหนชอบตามผมไป ผมยอมรับว่าในใจลึกๆผมก็ชอบเขา และดูเขาจะ take care ผมเป็นพิเศษ ( มากกว่าเพื่อนสนิทผู้ชายคนอื่นๆที่ผมเคยรู้จัก ) แต่ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมเกิด ความขัดแย้ง ในจิตใจตัวเอง เป็นช่วงที่พยายามบอกตัวเองว่า " เราไม่ใช่เกย์ ... เราต้องไม่ใช่เกย์ " ผมจึงพยายามทำตัวห่างเหินกับเขา เพราะกลัวว่าจะยับยั้งชั่งใจตัวเองไม่ให้ชอบผู้ชายไม่ได้ (แต่ถึงอย่างไรก็คงยับยั้งไม่ได้ ซึ่งท่านก็คงได้ทราบแล้วว่า คนเราเป็นเกย์ เพราะพันธุกรรม) จนกระทั่งผมจบ ม.5 ผมก็ entrance ติดคณะวิศวฯ ในมหาวิทยาลัยอันทรงเกียรติ ที่ซึ่งผมกำลังเรียนอยู่ในขณะนี้ หลังจากนั้น ผมก็แทบไม่ได้พบกับเพื่อนคนนั้นอีกเลย ช่วงที่ผมอยู่มหา'ลัย เป็นช่วงที่ผมเริ่มยอมรับตัวเองแล้วว่าเป็นเกย์ ผมลองคิดย้อนหลังไปไตร่ตรองดู เพื่อนคนนั้นของผมคงเป็นเกย์เช่นเดียวกับผมเป็นแน่ และเขาคงมีใจให้กับผมอย่างที่ผมเคยรู้สึกกับเขา นึกดูแล้วก็เกิดความรู้สึกเสียดาย ว่าเราไม่น่าทำตัวอย่างนั้นกับเขาเลย ชาตินี้เราจะได้เจอผู้ชายที่หน้าตา และ นิสัย ที่ดี และ มีใจให้กับเราอย่างนี้อีกมั๊ยนะ
บางคนคงอาจจะเริ่มสงสัยว่า ทำไมต้องปิดบังเรื่องที่ตัวเองเป็นเกย์ด้วย? ทำไมไม่เปิดเผยออกมาเลยล่ะ? ที่จริงผมก็อยากทำอย่างนั้น แต่ลองคิดๆดูแล้วจะมีคนยอมรับได้มากแค่ไหนเชียว ถ้าเราเปิดเผยออกไปแล้ว จะเหลือเพื่อนฝูงอีกสักกี่คนที่จะยอมรับเรืองนี้ได้ (แม้แต่ตัวผมเองก็ไม่ค่อยจะชอบตุ๊ด (ผู้ชายที่กระตุ้งกระติ้งเหมือนผู้หญิง) ทั้งที่เขาก็เป็นเกย์เหมือนกับเรา แล้วจะมีชายจริงหญิงแท้สักกี่คนที่ยอมรับเราได้ ถ้ารู้ว่าเราเป็นเกย์ และถึงแม้ว่าพวกเขาอาจจะ ไม่แสดงท่าทางว่ารังเกียจ แต่ ในใจเขาอาจจะรู้สึกเช่นนั้นก็เป็นได้) แต่นี่ก็ยังไม่สำคัญเท่ากับ สิ่งที่จะเกิดกับพ่อแม่ของผมบุคคลที่ผมรักและเคารพที่สุด ท่านจะรู้สึกอย่างไร เมื่อรู้ว่าลูกชายคนโปรด คนที่พ่อแม่รู้สึกภูมิใจว่าเรียนเก่ง คนที่ทำตัวเป็นลูกที่ดีของพ่อแม่ คนที่พ่อแม่คาดหวังไว้ต่างๆนา ถ้าท่านได้ทราบว่าลูกชายคนนี้ของท่านเป็นเกย์ ท่านจะรู้สึกอย่างไร ต่อให้ท่านบอกออกมาว่าท่านทำใจได้ ผมก็ไม่คิดว่าในส่วนลึกของจิตใจท่านนั้นจะทำใจได้จริงๆ แม่ของผมจะรู้สึกอย่างไรถ้าเพื่อนแม่พูดกับแม่ว่า "ต๊าย ตาย !! นี่ลูกชายของเธอเป็นเกย์เหรอเนี่ย " พ่อของผมจะรู้สึกอย่างไรถ้าเพื่อนพ่อถามพ่อว่า " นี่ แกสอนลูกยังไงถึงได้เป็นเกย์วะ"
คนทั่วไปมักคิดว่า การเป็นเกย์เกิดจากการเลี้ยงดูมาอย่างผิดๆ (เพราะมี นักจิตวทยาในสมัยก่อน ชื่อว่า Freud (ฟรอยด์) ได้ตั้งทฤษฎีไว้ว่า การเบี่ยงเบนทางเพศ เกิดจากการเลี้ยงดูมาอย่างผิดๆในวัยเด็ก ซึ่ง ทฤษฎีนี้ถูกล้มล้างโดยการค้นพบว่า Xq28 เป็นสาเหตุทำให้เกิดความเป็นเกย์) คงมีน้อยคนนักที่จะรู้ว่าคนที่เป็นเกย์นั้น ได้รับโครโมโซมX (ซึ่งลูกชายจะได้จากแม่เท่านั้น) ที่มีความเป็นเกย์แฝงอยู่ในตำแหน่งที่ Xq28 มันเป็นสิ่งที่ถ่ายทอดมาทางโครโมโซมเพศ เหมือนๆกับ ตาบอดสี
ผมว่า การที่ธรรมชาติ สร้างเกย์ขึ้นมา อาจเป็นเพราะธรรมชาติต้องการให้เป็นเช่นนั้น อาจทำมาเพื่อ ต้องการคุมกำเนิดประชากรมนุษย์ไม่ให้มีมากเกินไป (ผมอาจจะชอบจินตนาการเรื่องไร้สาระมากไปหน่อยก็ได้) แต่มนุษย์กลับสร้างบรรทัดฐาน ขนบธรรมเนียมประเพณี เอาไว้ว่า ความรักของเพศเดียวกัน เป็นเรื่องผิดธรรมชาติ น่ารังเกียจ ดังนั้นคนที่เป็นเกย์ จึงต้องปกปิดตัวเองจากสังคม (รวมทั้งตัวผมเองด้วย) คนที่เป็นเกย์จำนวนมาก พยายามใช้ชีวิตเหมือนผู้ชายที่ไม่ใช่เกย์ แต่งงาน มีลูก เหมือนคนทั่วๆไป บางทีผมก็ยังคิดกับตัวเองเลยว่า เราจะใช้ชีวิตต่อไปยังไงดี เราจะมีแฟนเป็น ผู้ชาย หรือ ผู้หญิง ดี? หรือว่า จะมีชีวิตอย่างไร้คู่ตลอดไปดีนะ ผมคิดว่าต่อไปในภายภาคหน้า ถ้าผมมีแฟนไม่ว่าจะเป็น ผู้หญิง หรือ ผู้ชาย ผมจะมีเพียงคนเดียว และจริงใจกับเขาเพียงคนเดียว ตราบเท่าที่เขายังไม่ทอดทิ้งผมไป (น้ำเน่าไปหรือเปล่าเนี่ย) ใจจริงแล้วอยากมีแฟนเป็นผู้ชายมาก(ก็ผมเป็นเกย์นี่)แต่ผมกลัวความกดดันจากสังคมอย่างที่ได้บอกไปแล้ว นอกจากนี้ ถ้าผมมีแฟนเป็นผู้ชายผมคงมีชีวิตในบั้นปลายที่อ้างว้างไม่มีลูกหลาน ( ก็ผู้ชายกับผู้ชาย มีลูกด้วยกัน ได้ที่ไหนเล่า แถมถ้าขอเด็กมาเลี้ยง ถ้าเด็กคนคนนั้นเป็นผู้ชาย คนอื่นคงมองว่าเราเป็นเกย์ เลี้ยงต้อยเด็กผู้ชาย ถ้าเด็กคนนั้นเป็นผู้หญิง คนอื่นคงมองว่าเราเป็นไอ้เฒ่าหัวงู เลี้ยงต้อยเด็กผู้หญิง) แล้วก็ถ้ามีแฟนเป็นผู้ชาย อาจจะต้องเป็นแบบหลบๆซ่อนๆ ไม่ให้คนอื่นรู้อีกต่างหาก โอ๊ย!!! กลุ้มใจจริงๆ ผมจะมีแฟนเป็นผู้ชายหรือผู้หญิงดีละเนี่ย
เรื่องความต้องการทางเพศ ผมคิดว่าผู้ชายทุกคน ไม่ว่าชายจริงๆหรือเกย์ อย่างผม ต่างก็มีความต้องการกันทั้งนั้น เพราะความต้องการทางเพศนี่แหละ ทำให้มนุษย์สืบทอดเผ่าพันธุ์มาได้จนถึงทุกวันนี้ ผมยอมรับว่า ตัวผมเองมีความต้องการทางนี้ค่อนข้างสูง ผมสำเร็จความใคร่ด้วยตนเองอย่างน้อยวันละครั้ง (ผมไม่ได้คิดจะเล่าเรื่องลามกอนาจารนะครับ ผมเพียงแค่พูดถึง ธรรมชาติความต้องการของมนุษย์อย่างเราๆ) แต่ผมก็ยังไม่เคยมีเพศสัมพันธ์กับใครเลย ไม่ว่าชายหรือหญิง จริงๆแล้ว ผมอยากลอง มีประสบการณ์ในเรื่องนี้มาก (ผู้ชายทุกคน ไม่ว่าชายจริงๆ หรือเกย์ ก็คงอยากลองทั้งนั้นแหละ) โดยเฉพาะกับผู้ชาย (ก็รู้ๆกันอยู่ ว่าผมเป็นเกย์) แต่ผมก็ไม่กล้า มันกลัวอะไรหลายๆอย่าง ไม่ว่าโรคติดต่อทางเพศ และผลลัพธ์อื่นๆที่จะตามมาในภายหลัง
หลายๆครั้งทีผมใช้ Internet และได้เห็น homepage เกย์ ที่เกี่ยวกับการประกาศหาเพื่อน (เพื่อนแบบไหนคงรู้ๆกันอยู่) ทาง mail ทั้งของไทยและต่างชาติ บ่อยครั้ง ที่ผมอยากลอง ลงชื่อลงใน homepage นั้นบ้าง หรือไม่ก็ mail ไปหาใครสักคนที่อยู่ใน list ของ homepage นั้นๆ แต่ก็ไม่กล้าสักที ก็ด้วยความกลัวต่างๆนาๆของผม เราจะทำความรู้จักอย่างไร กับคนที่ไม่เคยเห็นหน้า คนที่ได้รู้จักกันทาง mail จะมีความจริงใจสักแค่ไหน (ก็อย่างที่บอก ถ้าผมจะมีใครสักคน ผมคิดว่าผมจะมีแค่คนเดียว ตราบเท่าที่ เขายังไม่ทิ้งผมไปก่อน)
บางทีผมก็เคยใช้ IRC เข้าไปคุยใน channel แบบเกย์ๆ ด้วยความที่ไม่กล้าเผยตัว จึงใช้ account คนอื่น (ปกติก็ชอบใช้ account คนอื่นอยู่แล้ว นอกจากฟรีแล้ว ยังโทรติดง่ายอีก) เวลาคนถามชื่อก็บอกชื่อสมมุติไป (ไม่รู้ว่าเราทำตัวลึกลับไปหรือเปล่าเนี่ย) ผมเคยเข้าไปtalk ไม่กี่ครั้ง (นานๆที) ซึ่งผมชอบที่จะ คุยแบบตัวต่อตัว มากกว่า คุยเป็นกลุ่ม คำถามที่ผมชอบถามที่สุดที่ผมจะถามทุกคนที่ผมtalkด้วยคือ "เคยมีเพศสัมพันธ์ไหม" (คำถามนี้เป็นคำถามที่ผม(และแทบทุกคน) คงไม่กล้าถามใครๆ ในชีวิตจริงที่คุยกันแบบซึ่งๆหน้า เพราะฉะนั้น ก็เลยถามใน IRC ซะเลย) ซึ่งคนที่ถูกผมถามเท่าที่ผมเจอมี 2 แบบคือ จะตอบว่าเคย หรือไม่ก็เลี่ยงที่จะไม่ตอบโดยชวนคุยเรื่องอื่นแทน เคยมีครั้งนึง (ครั้งสุดท้ายก่อนที่ผมจะเขียนบรรยายความในผมนี่แหละ) เจอคนคุยถูกคอกันดี แล้วเขาก็ขอเบอร์โทรผม แต่ผมไม่กล้าให้ ก็เลยขอเบอร์เขามาแทน วันถัดมาหลังจากนั้น ผมพยายามลบล้างความกลัวรวบรวมความกล้า (กลัวอะไรนักหนาเนี่ย!!) โทรไปหาเขา ขณะที่กดเบอร์โทรศัพท์ หัวใจก็เต้นตุบๆด้วยความตื่นเต้น (ฟังดูเหมือนโอเวอร์ แต่ผมรู้สึกอย่างนั้นจริงๆ)แต่ปรากฏว่า สายไม่ว่าง หลังจากนั้นก็ไม่ได้โทรอีกเลย (แบบว่าทำเศษกระดาษที่จดเบอร์หายไป) สรุปแล้ว ตอนนี้ผมเลยยังไม่มีเพื่อนที่เป็นเกย์ ทาง mail หรือทางโทรศัพท์เลย
มีเพื่อนหลายคนที่เรียนด้วยกันหลายคน ที่ผมพอจะดูออกว่าเป็นเกย์ (ผมเคยได้ยินคำถามที่ว่า คนที่เป็นเกย์ดูกันก็รู้หรือ? จริงๆแล้วไม่ใช่ว่าผมดูออกทุกคน ว่าใครเป็นเกย์หรือไม่ แต่มีแค่บางคนที่ผมเห็นแล้วเดาเอาว่า ไอ้หมอนี่ต้องเป็นเกย์ชัวร์ หรือไม่ก็อาจรู้สึกกับบางคนว่า ไอ้หมอนี่ต้องไม่ใช่เกย์แน่ และก็มีหลาย คนที่ผมก็ไม่รู้เลยว่าเขาใช่หรือไม่) แต่ถึงแม้จะรู้ว่าเขาเหล่านั้นเป็นเกย์ แต่ก็ไม่กล้าที่จะเปิดเผยหรือปรึกษาอยู่ดี บางคนก็มีแฟน(ผู้หญิง)แล้ว บางคนก็ชอบเอาเรื่องแฟมมาคุย เหมือนจะเอามาอวดให้อิจฉาเล่น (สงสัยเขาคงไม่รู้ว่าผมดูเขาออกว่าเขาเป็นเกย์ และเขาคงดูไม่ออกว่าผมเป็นก็เกย์เหมือนกับเขา)
บางทีผมเห็นเพื่อนผู้หญิงมีแฟน ซึ่งผมดูๆแล้วก็รู้สึกว่าแฟนเพื่อนคนนั้นน่ะเป็นเกย์แน่ๆ บางทีก็อยากเข้าไปบอกเพื่อน แต่มันก็ไม่ใช่ธุระกงการอะไรของเรา ที่จะไปยุ่งกับเขา บางทีเกย์คนนั้น อาจจะจริงใจกับผู้หญิงคนนั้นก็ได้ และถ้ามองในมุมกลับกัน ถ้ามีใครมองออกว่าผมเป็นเกย์ แล้วเขาเอาเรื่องนี้มาประจาน หรือเอาไปเล่าให้ใครต่อใครฟัง ผมก็คงมีความรู้สึกที่เลวร้ายแน่ๆ
เมื่อผมได้เป็นนิสิตนักศึกษามหาวิทยาลัย ผมจึงได้เริ่มหัดใช้ Internet เพราะทางมหา'ลัย มี account ให้กับนิสิต แรกๆนั้นผมชอบดูภาพโป๊ใน Internet มาก
ผมคิดว่าตามธรรมชาติแล้ว คงไม่มีใครที่ไม่ชอบดูหรอก นอกจากว่า เป็นกามตายด้าน หรือไม่ก็ถูกอบรมสั่งสอนมามาว่า ภาพโป๊ ภาพอนาจาร เป็นสิ่งที่ไม่ดี เป็น ความเสื่อมทราม เหมือนๆกับ ที่ พวกเราถูกสั่งสอนมาว่า การรักกับเพศเดียวกันนั้นวิปริต บางคนคงกำลังคิดว่า ผมกำลัง ชักชวนให้ทุกคนเห็นว่า ภาพโป๊เป็นสิ่งที่ดีงาม จริงๆแล้ว ผมไม่ได้คิดที่จะทำให้ใครมานึกคิดอะไรตามผม ทุกคนล้วนแต่มีเหตุผลของตนเอง
สำหรับผมแล้ว ผมไม่ได้คิดว่าภาพโป๊เป็นสิ่งที่เลวร้าย บางคนคิดว่าภาพโป๊ ก่อให้เกิดอัตราการข่มขืนมากขึ้น แต่ผมมีความคิดกลับกัน ผมคิดว่าเพราะว่าการที่ภาพโป๊ถูกมองว่าเป็นสิงที่ไม่ดี จึงทำให้คนไม่ค่อยได้เห็น สรีระของเพศที่ตนชอบ หนังสือโป๊ที่วางขาย มักมีราคาแพงกว่าหนังสืออื่นๆมาก (โดนภาษีหนักสุดในบรรดาหนังสือ) แถมบางทียังถูกกวดจับอีก ทำให้คนไม่ค่อยจะได้เห็นภาพเหล่านี้บ่อยนัก นานทีจะได้เห็น พอคนที่ไม่ค่อยจะเคยได้เห็น ได้เห็นสักครั้ง ก็จะเกิดอารมณ์อย่างหนักหน่วง จนควบคุมตัวเองไม่ได้ เมื่อหาทางระบายไม่ได้ (สงสัยพวกนี้จะสำเร็จความใคร่เองไม่เป็น แต่ก็ไม่น่าแปลกเท่าใหร่ เพราะหนังสือเรียน และ ครอบครัว ของคนไทยสอนเรื่องอย่างนี้ที่ไหนล่ะ ต้องหัดเรียนรู้ด้วยตัวเองลูกเดียว) จึงเกิด การข่มขืนขึ้น แต่นี่ก็เป็นแค่ความคิดของผมนะครับ อาจจะถูกหรือไม่ก็ได้ (แต่ผมคิดว่าความคิดตัวเองน่าจะถูก ดูอย่างที่ประเทศญี่ปุ่น มีสื่อที่ค่อนข้างจะเสรีมาก สามารถ วางขาย หนังสือ X , V.D.O. X ได้อย่างถูกกฎหมาย กลับปรากฎว่า ที่ญี่ปุ่นมีอัตราการข่มขืนน้อยมาก เมื่อเทียบกับไทย)
ภาพโป๊แรกๆที่ผมดูมักจะเป็นภาพโป๊ผู้หญิง (ถึงผมจะเป็นเกย์ แต่ผมก็ชอบดูสรีระของผู้หญิงเปลือยนะครับ ซึ่งก็ไม่น่าแปลก เพราะผู้หญิงที่ชอบดูภาพโป๊ผู้หญิงด้วยกัน ก็ยังมีเลย แล้วเหตุฉะไหนเกย์จะดูไม่ได้) ต่อมาผมได้พบว่าใน internet ไม่ได้มีเพียงแค่ ภาพผู้หญิงโป๊ หรือภาพชายกำลังร่วมรักกับผู้หญิงเท่านั้น แต่มันยังมี homepage สำหรับเกย์โดยเฉพาะ ไม่ได้มีแต่รูปผู้ชายโป๊เท่านั้น แต่ยังมีภาพชายร่วมรักกับชายอีกด้วย โอ้โฮ แฮะ!!! ผู้ชายแต่ละคนในรูป ก็ล้วนแล้วแต่ รูปหล่อ กล้ามใหญ่ ล่ำ ดูเป็นชายชาตรีทั้งนั้น แบบว่าผมเห็นแล้วรู้สึกอยู่ไม่สุขเลยทีเดียว
ช่วงนั้นเป็นช่วงที่ผมอายุ 17 ปี (เพิ่ง ent' ติด มาหมาดๆ) แต่ homepage โป๊ทั้งหลายเหล่านั้นมักจะเขียน ข้อความ ห้ามเด็กอายุต่ำกว่า 18 เข้าไปอ่าน "ทำไมต้องกีดกันไม่ให้เด็กได้ดูด้วยนะ ด้วยเหตุผลที่ว่าเราเป็นเด็กเท่านั้นนะหรือ ทำให้เราดูไม่ได้ เด็กก็อยากรู้อยากเห็นไม่ต่างจากผู้ใหญ่ มีความต้องการที่จะเห็นสรีระของเพศที่ตนเองชอบ ต้องการเรียนรู้ว่าคนเขาร่วมรักกันอย่างไร แล้วก็คนอายุ 15, 16, 17 มันต่างจากคนอายุ 18 ตรงไหน น่าจะมีการเรียกร้องสิทธิของเด็กกันมั่ง(แบบที่มีการเรียกร้องสิทธิสตรี)" นี่คือความคิดของผมตอนที่อายุยังไม่ถึง 18 (ท่านอาจคิดว่า ผมนี่ชอบมีความคิดอะไรประหลาดๆเรื่อยเลย ... จริงๆแล้วผมชอบมองอะไร ในมุมที่แตกต่างจากคนอื่นมองเท่านั้นเอง)
เจ้าของเพจ
ที่ผมทำ homepage นี้ขึ้นมา ผมอยากให้เกย์รุ่นเยาว์ทั้งหลายได้มาอ่าน homepage นี้ของผมมาก จะได้เข้าใจความเป็นไปของชีวิตตัวเอง ว่าเราเป็นอย่างนี้เพราะอย่างนั้น อย่าคิดมากเลยจะดีกว่า (การฆ่าตัวตายเป็นหนทางแห่งคนโง่) เรามาทำตัวให้เป็นประโยชน์แก่สังคมจะดีกว่า ใช้ชีวิตของเราไปอย่างมีความสุขจะดีกว่า