ทำอย่างไรเมื่อถูกงูกัด !!!
ทำอย่างไรเมื่อถูกงูกัด !!! ในช่วงฤดูฝนนอกจากอันตรายจากอุบัติเหตุและอาการเจ็บป่วยต่างๆ แล้ว ยังมีสถิติการเข้ารักษาอาการฉุกเฉินที่พบได้บ่อยคือ การถูกงูกัด
ซึ่งงูก็มีหลายประเภท สำหรับงูมีพิษนั้น แบ่งได้เป็น 1.พิษต่อระบบประสาทอาทิ งูเห่า งูจงอาง ส่งผลทำให้เกิดอัมภาพ ลืมตาไม่ได้ และที่สำคัญคือทำให้หยุดหายใจจนอาจเสียชีวิตได้2.พิษต่อโลหิตอาทิ งูแมวเซา งูเขียวหางไหม้ ทำให้มีเลือดออกตามที่ต่างๆ อาเจียนเป็นเลือดเนื่องจากพิษงูทำให้เลือดไม่แข็งตัว และ 3.พิษต่อกล้ามเนื้อ อาทิ งูทะเล ทำอัตรายต่อกล้ามเนื้อเป็นต้น
การปฏิบัติตัวในช่วงฤดูฝนนั้น ควรหลีกเลี่ยงบริเวณที่มีน้ำท่วมขัง ไม่ควรลุยน้ำ หรือหากจำเป็นควรแต่งกายมิดชิดและควรสังเกตและระมัดระวังอยู่เสมอ แต่หากถูกสัตว์มีพิษหรืองูกัด 1. ก่อนอื่นคือต้องตั้งสติอย่าตกใจเกินเหตุ เพราะบางรายถูกงูกัดแต่อาจไม่ได้รับพิษ และในกรณีที่ได้รับพิษจะต้องใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งชั่วโมงจึงจะเริ่มมีอาการรุนแรง 2. จากนั้นให้ล้างแผลด้วยน้ำสะอาดหรือแอลกฮอล์ แต่ห้ามกรีดแผล ดูดแผล ใช้ไฟจี้ดื่มสุรา กินยาแก้ปวดที่มีส่วนผสมของแอสไพรินเด็ดขาด เพราะนอกจากจะไม่ช่วยอะไรแต่กลับมีผลเสีย คือ เพิ่มการติดเชื้อ เนื้อตาย หรือไปเสริมฤทธิกับพิษงู 3. ให้ผู้ป่วยฉุกเฉินนอนนิ่งๆ จัดให้ส่วนที่ถูกงูกัดอยู่ระดับต่ำกว่าหัวใจ อย่าเคลื่อนไหวโดยไม่จำเป็นเพื่อชะลอการดูดซึมพิษงูเข้าสู่ท่อน้ำเหลืองและเส้นเลือดดำไหลเวียนเข้าหัวใจ 4. ให้หาไม้ดามบริเวณที่ถูกงูกัดแล้วใช้ผ้าพันให้แน่นพอประมาณเหนือแผลงูกัดประมาณ5-15 ซม. แต่ไม่ควรทำการขันชะเนาะ เพราะอาจทําให้เนื้อเยื่อบริเวณนั้น ๆขาดเลือดไปเลี้ยง เกิดเนื้อตายได้ 5. รีบนำผู้ถูกงูกัดส่งสถานบริการสาธารณสุขที่ใกล้ที่สุดและโดยเร็วที่สุด โดย ระหว่างการนำส่งสถานบริการสาธารณสุขถ้าผู้ป่วยหยุดหายใจให้ทำการช่วยหายใจ โดยการกดนวดหัวใจ จนกว่าจะถึงโรงพยาบาล 6. ผู้ประสบเหตุควรแจ้งให้แพทย์ทราบถึงลักษณะงูหรือถ้าเป็นไปได้หากนำซากงูไปด้วย
ทั้งนี้หากผู้ประสบภัยมีอาการเจ็บป่วยหรืออุบัติเหตุ ควรรีบโทรแจ้งเพื่อขอรับความช่วยเหลือทางการแพทย์ได้ที่สายด่วน 1669และปฏิบัติตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด อย่ารีรอ เพราะทุกนาทีหมายถึงชีวิต
|